รายงานการเคลื่อนย้ายเงินทุน ไตรมาสที่ 3 ปี 2552

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 16, 2009 12:07 —กระทรวงการคลัง

ไตรมาสที่ 2 ปี 2552 (เม.ย. 52-มิ.ย. 52) ดุลบัญชีเงินทุนขาดดุล 2,854 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2,293 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดุลการชำระเงินเกินดุล 1,274 ล้านดอลลาร์สหรัฐ1 สำหรับสาเหตุสำคัญของการขาดดุลบัญชีเงินทุน เนื่องจากการไหลออกสุทธิของภาคธุรกิจที่มิใช่ธนาคาร โดยส่วนใหญ่เป็นการไหลออกของเงินลงทุนในหลักทรัพย์ของไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะเงินลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศเกาหลีการชำระคืนเงินกู้นอกเครือของภาคธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคาร การชำระคืนเงินกู้ระยะยาวของธนาคาร รวมทั้งภาครัฐวิสาหกิจให้ต่างประเทศกู้ ประกอบกับการลงทุนในต่างประเทศของไทยเพิ่มขึ้น

คาดว่าไตรมาสที่ 3 ปี 2552 (ก.ค.52-ก.ย. 52) ดุลบัญชีเงินทุนจะเกินดุล 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามกระแสการเพิ่มระดับการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและการลงทุนในภูมิภาคเอเชียของโลก จากความเชื่อว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะเร็วกว่าที่คาดไว้ ในขณะที่การลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศของนักลงทุนไทยลดลง รวมทั้งการลดการถือครองสินทรัพย์ในต่างประเทศของภาคธนาคาร และการลดเงินฝากในต่างประเทศมีมูลค่าสูง

1. สถานการณ์ดุลบัญชีเงินทุนไตรมาส 2 ปี 2552

ดุลบัญชีเงินทุนขาดดุล 2,854 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2,293 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (จากดุลการค้าที่เกินดุล) ส่งผลให้ดุลการชำระเงินเกินดุล 1,274 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสาเหตุสำคัญของการขาดดุลบัญชีเงินทุนเกิดจาก 1) การไหลออกสุทธิของภาคธุรกิจที่มิใช่ธนาคาร โดยส่วนใหญ่เป็นการไหลออกของเงินลงทุนในหลักทรัพย์ของไทยในต่างประเทศโดยเฉพาะเงินลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศเกาหลี 2)การชำระคืนเงินกู้นอกเครือของภาคธุรกิจที่ไม่ใช่ธนาคาร การชำระคืนเงินกู้ระยะยาวของธนาคาร รวมทั้งภาครัฐวิสาหกิจให้ต่างประเทศกู้ และ 3) การลงทุนในต่างประเทศของไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่การลงทุนจากต่างประเทศลดลง

1.1 สถานการณ์การลงทุนโดยตรงไตรมาส 2 ปี 2552

การลงทุนโดยตรงสุทธิในไตรมาสที่ 2 ปี 2552 มีมูลค่า 982 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 3.3 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

การลงทุนโดยตรงในต่างประเทศมีมูลค่า 851 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ 30 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 46.4 ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ สำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีมูลค่า 1,833 ล้านดอลลาร์สหรัฐลดลงร้อยละ 17.82 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนโดยกลุ่มนักลงทุนสำคัญที่มีการลงทุนในประเทศ คือ นักลงทุนจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเนเธอร์แลนด์ โดยมีมูลค่า 628 349 และ 174 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ

1.2 สถานการณ์การลงทุนในหลักทรัพย์ไตรมาส 2 ปี 2552

การลงทุนในหลักทรัพย์สุทธิไตรมาสที่ 2 ปี 2552 มีเงินทุนไหลออกมูลค่า 3,269 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนมีการไหลเข้าของเงินทุนสูงถึง 5,003 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศมีเงินทุนไหลออก (การซื้อหลักทรัพย์ที่ลงทุนในต่างประเทศของนักลงทุนไทยและโอนเงินไปยังต่างประเทศ) มูลค่า 3,893 ล้านดอลลาร์สหรัฐขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนมีเงินทุนไหลออกสูงถึง 4,107 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์จากต่างประเทศมีเงินทุนไหล ออกมูลค่า 502 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนมีเงินทุนไหลเข้ามูลค่า 1,279 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การลงทุนในตราสารทุนจากต่างประเทศมีเงินทุนไหลเข้ามูลค่า 643 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนมีเงินทุนไหลออก 492 ล้านเหรียญสหรัฐ สาเหตุที่การซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลกคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น และนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง โดยกลุ่มนักลงทุนสำคัญที่มีการลงทุนในประเทศ คือ ญี่ปุ่น สิงคโปร์แลสหรัฐอเมริกาซึ่งมีมูลค่า 688 416 และ 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐตามลำดับ

สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้จากต่างประเทศ มีเงินทุนไหลออก 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่เป็นเงินทุนไหลเข้า 181 ดอลลาร์สหรัฐ

จากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพบว่า การซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2552 มีมูลค่า การซื้อสุทธิ 25,740 ล้านบาท สาเหตุที่มีการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติเกิดจากการคลายความกังวลต่อวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและเริ่มมีสัญญาณที่ชัดเจนถึงการฟื้นตัว ทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนเริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง

1.3 สถานการณ์การลงทุนอื่นๆ ไตรมาส 2 ปี 2552

การลงทุนอื่น ๆ สุทธิไตรมาสที่ 2 2552 มีเงินทุนไหลออก 567 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ช่วงเดียวกันจากปีก่อนมีเงินไหลเข้า 860 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การลงทุนอื่น ๆ ของต่างประเทศมีเงินทุนไหลออก 435 ล้านดอลลาร์สหรัฐขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนมีการไหลเข้าของเงินทุน 998 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับการลงทุนอื่น ๆ ของไทยในต่างประเทศมีเงินทุนไหลออก 132 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะช่วงเดียวกันของปีก่อนมีเงินทุนไหลออก 138 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

2. แนวโน้มการเคลื่อนย้ายเงินทุน ไตรมาสที่ 3 ปี 2552

คาดว่าไตรมาสที่ 3 ปี 2552 ดุลบัญชีเงินทุนจะเกินดุล 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งจะเกินดุลมากกว่าในช่วงเดียวกันในปี 2551 ที่มีการเกินดุล 1,113 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมากกว่าในไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 (ขาดดุล 2,854 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากจากกลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามกระแสการเพิ่มระดับการลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยแงละการลงทุนในภูมิภาคเอเชียของโลก จากความเชื่อว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะเร็วกว่าที่คาดไว้

ในขณะที่การลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศของนักลงทุนไทยลดลง รวมทั้งการลดการถือครองสินทรัพย์ในต่างประเทศของภาคธนาคารและการลดเงินฝากในต่างประเทศมีมูลค่าสูง

คาดว่าการลงทุนโดยตรงสุทธิไตรมาสที่ 3 ปี 2552 มีมูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 53.4 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเป็นไปในทิศทางเดียวกับมูลค่าการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติของ BOI ที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 56.3 อย่างไรก็ตามแนวโน้มการลงทุนปรับตัวดีขึ้นกว่าในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา

คาดว่าการลงทุนในตราสารทุนของชาวต่างชาติในไตรมาสที่ 3 ปี 2552 จะมีมูลค่าเงินทุนไหลเข้า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐและมูลค่าการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหลักทรัพย์จะอยู่ที่ 912 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการปัจจัยบวกของเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดไว้ และคาดการณ์ว่าเศรฐกิจในเอเชียขยายตัวได้ดีกว่าภูมิภาคอื่นรวมทั้งจากตัวเลขเศรษฐกิจของไทยที่ชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการลงทุนอื่นๆ คาดว่ามีการไหลเข้า 1,9000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการลดการถือสินทรัพย์ในต่างประเทศของภาคธนาคาร

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ