รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 29 มีนาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 29, 2010 10:57 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 29 มี.ค. 2553

Summary:

1. กูรูเศรษฐกิจเร่งไทยหาตลาดใหม่-เลิกพึ่งตะวันตก

2. ค่าเงินบาทแข็งค่ากดดันการส่งออกสินค้าอาหารไทยในปี 53

3. จีนสั่งแบงก์ชะลอเงินกู้ ป้องกันฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์

Highlight:
1. กูรูเศรษฐกิจเร่งไทยหาตลาดใหม่-เลิกพึ่งตะวันตก
  • นายจอห์น ซีฮาน ประธานบริษัท โกลบอล มาร์เกตส์ เอเชีย ได้กล่าวถึงทิศทางเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มอาเซียนว่า ไม่ควรรอชาติตะวันตกฟื้นหรือพึ่งพาคนอื่นอีกต่อไป แต่ไทยและอาเซียนต้องปรับตัวหาแนวทางใหม่ของตัวเองเพื่อช่วยประเทศและภูมิภาคให้ฟื้นตัวอย่างยั่งยืน โดยแนะนำให้ปรับใช้นโยบายหาตลาดส่งออกใหม่ที่ไม่ใช่ตะวันตก ขณะเดียวกันนายโจเซฟ สติกลิตซ์ ได้ให้ความเห็นว่า เอเชียรวมทั้งไทยสามารถพัฒนาประเทศที่จะไม่ต้องพึ่งพาตะวันตกหรือสหรัฐได้ แต่หนทางปรับตัวเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องง่าย โดยอันดับแรกเป็นการเลิกพึ่งส่งออกที่เคยเป็นตัวนำเอเชียสู่ความรุ่งเรือง
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ในช่วงปี 52 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกผ่านทางการส่งออกที่หดตัว อย่างไรก็ตาม ภาครัฐและเอกชนได้มีการปรับตัวด้วยการหาตลาดส่งออกใหม่เพื่อทดแทนตลาดสหรัฐหรือยุโรปได้อย่างดี โดยสัดส่วนการส่งออกไทยในปี 52 พบว่า สัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐและยุโรปลดลงเหลือร้อยละ 21.4 จากปี 51 ที่ร้อยละ 23.4 ขณะที่สัดส่วนการส่งออกไปยังตลาดใหม่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 33.8 จากปี 51 ที่ร้อยละ 31.5 ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกไปจีน อินเดีย เวียดนาม ตะวันออกกลาง และแอฟริกาได้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 53 นี้ ไทยส่งออกไปจีนเป็นอันดับ 1 คิดเป็นร้อยละ 11.5 แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของไทยจากการพึ่งตะวันตกมาพึ่งจีนและตลาดอาเซียนมากขึ้น
2. ค่าเงินบาทแข็งค่ากดดันการส่งออกสินค้าอาหารไทยในปี 53
  • ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร เปิดเผยว่า การส่งออกอาหารไทยในปี 53 อาจมีมูลค่าลดลงเหลือ 7.4-7.5 แสนล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ ที่ระดับ 7.9 แสนล้านบาท หรือมูลค่าหายไป ประมาณ 4-5 แสนล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เพราะที่ประเมินไว้เบื้องต้นอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่ในขณะนี้อัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าขึ้นอยู่ที่ระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
  • สศค. วิเคราะห์ว่า สถานการณ์ค่าเงินบาทในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมามีแนวโน้มแข็งค่าและมีความผันผวนมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือนมี.ค. 53 ค่าเงินมีการแข็งค่าเร็วมาก เนื่องจากมีเงินลงทุนไหลเข้าในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเข้ามาซื้อหุ้นไทยของนักลงทุนต่างประเทศ (โดยในเดือน มี.ค. 53 มีเงินทุนไหลเข้าผ่านตลาดหลักทรัพย์กว่า 3.8 หมื่นล้านบาท) ประกอบกับที่ไทยมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูง (โดยในเดือนม.ค. 53 ไทยมีการเกินดุลอยู่ที่ 1,997 ล้านดอลลาร์) จึงเป็นปัจจัยกดดันให้ค่าเงินบาทมีการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ คาดว่าค่าเงินบาทในปี 53 จะอยู่ที่ระดับ 32.5 (ช่วง 31.5-33.5)
3. จีนสั่งแบงก์ชะลอเงินกู้ ป้องกันฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์
  • คณะกรรมาธิการกำกับและดูแลกิจการธนาคารของรัฐบาลจีนได้สั่งการให้ธนาคารต่างๆ ชะลอการปล่อยเงินกู้สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนการพิจาณาอนุมัติการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งนับเป็นความพยายามล่าสุดเพื่อป้องกันการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ รัฐบาลจีนระบุว่า ธนาคารไม่ควรปล่อยเงินกู้ให้กับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีการครอบครองที่ดินแต่ไม่พัฒนาที่ดินให้เกิดประโยชน์ นอกจากนี้ ยังสั่งให้ธนาคารยุติการปล่อยเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ 78 แห่งที่ธุรกิจหลักไม่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยกเว้นจะมีโครงการก่อสร้างที่ยังคงค้างคาอยู่
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การเพิ่มขึ้นของราคาอสังหาริมทรัพย์ในจีนนั้น มีสาเหตุสำคัญจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนผ่านนโยบายการปล่อยสินเชื่ออย่างผ่อนปรน ในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ปริมาณสินเชื่อในระบบเพิ่มขึ้นจาก 4.2 ล้านล้านหยวนในปี 2551 เป็น 9.6 ล้านล้านหยวนในปี 2552 และส่งผลให้ดัชนีราคาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารของ 35 เมืองหลักของจีนในปี 2552 เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อความเสี่ยงวิกฤตราคาและวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665: www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ