รายงานภาวะเศรษฐกิจญี่ปุ่น ประจำสัปดาห์วันที่ 22-26 มีนาคม 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 29, 2010 14:00 —กระทรวงการคลัง

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ดังนี้

1. วุฒิสภาญี่ปุ่นผ่านงบประมาณ 2553 จำนวน 92 ล้านล้านเยน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ดังนี้

2. ดัชนีเศรษฐกิจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคญี่ปุ่นผันผวนอย่างมากนับตั้งแต่ปี 2550

3. นโยบายใหม่ของ Japan Post

-----------------------------------

1. วุฒิสภาญี่ปุ่นผ่านงบประมาณ 2553 จำนวน 92 ล้านล้านเยน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2553 วุฒิสภาญี่ปุ่นได้ให้ความเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายงบประมาณประจำปี 2553 จำนวน 92 .3 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นการจัดทำงบประมาณครั้งแรกของรัฐบาลภายใต้การนำของนาย Yukio Hatoyama นายกรัฐมนตรีจากพรรค DPJ คนปัจจุบัน นอกจากนี้ จะมีการจัดทำร่างกฎหมายหรือกฎระเบียบเพื่ออุดหนุนค่าใช้จ่ายครัวเรือน ตามที่พรรค DPJ ได้หาเสียงไว้ช่วงการเลือกตั้ง ส.ส.ในปี 2552 ที่ผ่านมา ดังนี้

กำหนดเวลาการออกกฎหมาย/ระเบียบเพื่ออุดหนุนค่าใช้จ่ายครัวเรือนภายใต้งบประมาณปี 2553
ตั้งแต่เดือน                ยกเว้นค่าเล่าเรียน     - ค่าเล่าเรียนฟรีในโรงเรียนรัฐบาล
เม.ย.53 เป็นต้นไป         ในระดับมัธยมปลาย
                                           - รัฐบาลอุดหนุนค่าเล่าเรียนในโรงเรียนเอกชน เท่ากับที่ให้กับโรงเรียนรัฐบาล ตามรายได้ของ
                                              ครัวเรือน (อุดหนุนครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่า 2.5 ล้านเยน/ปี ได้รับเงินอุดหนุน ประมาณ
                                              120,000 เยน /ปี แต่หากรายได้สูงกว่า 2.5 ล้านเยนแต่ต่ำกว่า 3.5 ล้านเยน จะได้รับเงิน
                                              อุดหนุน 60,000 เยน/ปี)
                                           - รัฐบาลอุดหนุนรายจ่ายอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับรายจ่ายดังกล่าวของการศึกษาระดับมัธยมปลาย
                        ชดเชยรายได้         - เริ่มพิจารณารายชื่อครอบครัวเกษตรกรที่ปลูกข้าวเพื่ออุดหนุนเงินจำนวน 15,000 เยน
                        ครอบครัวเกษตรกร        ต่อ 100  ตารางเมตร
ตั้งแต่เดือน                จ่ายเงินค่าเลี้ยงดู      - อุดหนุนเงินคนละ 13,000 เยน/เดือน โดยไม่มีการจำกัดรายได้ขั้นต่ำของครัวเรือน
มิ.ย.53 เป็นต้นไป          เด็กอายุต่ำกว่า 15
                                           - ในปีงบประมาณ 2553 นี้ รัฐบาลท้องถิ่นและนายจ้างต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูเด็ก
                                              ตามกฎหมาย Child Benefits Law และรัฐบาลกลางจะเข้ามารับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เหลือ
                        ลดค่าทางด่วน         - ประเมินผลการลดค่าทางด่วนในช่วงที่ผ่านมา ว่าจะใช้ต่อไปหรือไม่
ตั้งแต่เดือน                เพิ่มอัตราการ         - เพิ่มภาษีมวนละ 3.5 เยน ทำให้มีราคาเพิ่มขึ้นมวนละ 5 เยน
ต.ค.53 เป็นต้นไป          เก็บภาษีบุหรี่
ตั้งแต่เดือน                ปรับปรุงการ          - ลดหย่อนภาษีลดลงสำหรับเด็กอายุ 16-18
ม.ค.54 เป็นต้นไป          ลดหย่อนภาษี          - ยกเลิกการลดหย่อนภาษีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 15
                                             (เพราะได้รับค่าเลี้ยงดูคนละ 13,000 เยน/เดือนแล้ว)

ซึ่งรัฐบาลได้เร่งออกรายละเอียดการสนับสนุนทางการเงินแก่ครัวเรือนภายในเดือน เม.ย. ศกนี้ เพื่อเตรียมใช้เป็นเครื่องมือในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาที่จะจัดมีขึ้นในช่วงฤดูร้อนปีนี้ การที่งบประมาณประจำปี 2553มีจำนวนมากนี้ เป็นผลมาจากการสนับสนุนทางการเงินแก่ครอบครัวที่มีบุตร การยกเว้นค่าเล่าเรียนในระดับมัธยมปลาย และการชดเชยรายได้แก่เกษตรกร เป็นต้น รายจ่ายที่เพิ่มมากขึ้นนี้ส่งผลให้รัฐบาลต้องออกพันธบัตรนั้นมีจำนวนมากถึง 44.3 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เนื่องจากรายได้จากการเก็บภาษีมีเพียง 37 ล้านล้านเยน ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์

งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 มีจำนวน 92.3 ล้านล้านเยน เพิ่มจาก 88.5 ล้านล้านเยนในปีก่อนหน้า ประกอบด้วย รายจ่ายเพื่อประกันสังคมมีสัดส่วนมากที่สุดที่ร้อยละ 29.5 (เพิ่มจากปีก่อนหน้าที่ร้อยละ 28) รองลงมาเป็นรายจ่ายเพื่อชำระหนี้ที่เป็นดอกเบี้ยและเงินต้นร้อยละ 22.4 (ลดลงจากปีก่อนหน้าที่ร้อยละ 22.9) จัดสรรให้รัฐบาลท้องถิ่นร้อยละ 18.9 (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 18.7)

2. ดัชนีเศรษฐกิจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคญี่ปุ่นผันผวนอย่างมากนับตั้งแต่ปี 2550

ดัชนีเศรษฐกิจความเชื่อมั่นผู้บริโภคญี่ปุ่นได้ผันผวนอย่างมากนับตั้งแต่ปี 2550 โดย Cabinet Office จะมีการสำรวจข้อมูลเคลื่อนไหวการบริโภค และสภาพเศรษฐกิจเป็นประจำทุกเดือนเพื่อจัดทำดัชนีเศรษฐกิจ ซึ่งจากผลการสำรวจการเคลื่อนไหวการบริโภคนั้น ได้เริ่มมีการลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2550 และปรับตัวดีขึ้นในเดือนธันวาคม ปี 2551 เท่ากับ 26.2 จุด และปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจนกระทั่งเดือนกันยายน ปี 2552 เท่ากับ 40.5 จุด แต่ในเดือนพฤศจิกายน 2552 ได้มีการลดลงอย่างรวดเร็วจนเหลือเพียง 37.6 จุดในเดือนธันวาคม 2552 และหลังจากนั้นก็ปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆจนในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 เท่ากับ 42.1 จุด

สำหรับดัชนีบ่งชี้สภาพเศรษฐกิจ ก็ลดลงต่ำสุดในเดือนธันวาคม 2551 เท่ากับ 15.9 จุดและปรับตัวดีขึ้นในเดือนกันยายน 2552 เท่ากับ 43.1 จุด แต่ก็กลับมาลดลงเหลือเพียง 33.9 จุดในเดือนพฤศจิกายน 2552 และปรับตัวดีขึ้นเท่ากับ 42.1 จุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 สาเหตุหลักที่ตัวเลขทั้ง 2 นั้นลดลงในเดือนพฤศจิกายน 2552 นั้นมาจาก Dubai Crisis ที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นใจทางเศรษฐกิจและค่าเงินเยนแข็งตัวอย่างมาก รวมถึงดัชนีราคาหลักทรัพย์ที่ตกต่ำลงต่อเนื่อง นอกจากนี้การที่รัฐบาลได้ประกาศภาวะเงินฝืดเมื่อ 20 พฤศจิกายน 2552 นั้นยิ่งส่งผลให้ผู้บริโภคขาดความมั่นใจมากขึ้น ในขณะที่สภาพที่แท้จริง ภาคอุตสาหกรรมการผลิตนั้นไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงมาก แสดงให้เห็นว่าหลังการประกาศภาวะเงินฝืดของรัฐบาลนั้นส่งผลต่อความมั่นใจของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ซึ่งหลังจากนั้นผู้ประกอบการได้แข่งขันทางด้านราคาเพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้ามากขึ้น เป็นต้น ทำให้หลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลและธนาคารกลาง (BOJ) จะต้องร่วมมือกันคิดแนวทางการแก้ปัญหาภาวะเงินฝืดครั้งนี้อย่างจริงจังมากขึ้น

3. นโยบายใหม่ของ Japan Post

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2553 รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศว่า ได้จัดทำร่างกฎหมายปฎิรูป Japan Post ใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว มีเนื้อหาสรุปได้ ดังนี้

1) ปรับเพดานบัญชีเงินฝากรายย่อยจากรายละ 10 ล้านเยนเป็นรายละ 20 ล้านเยน (จากเดิมมีแผนจะเพิ่มเพดานเป็น 30 ล้านเยนเป็นเวลา 3 ปีระหว่างการปฎิรูป และจะยกเลิกหลังจากนั้น แต่แนวคิดนี้ได้รับการคัดค้านจากสถาบันการเงินเอกชนอย่างมากจน ทำให้รัฐบาลต้องลดเพดานลงเหลือ 20 ล้านเยน)

2) เพิ่มเพดานเงินคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันของ Japan Post จาก 13 ล้านเยนเป็น 25 ล้านเยน

3) เปลี่ยนอัตราการถือหุ้นของรัฐบาลในบริษัทแม่ของ Japan Post เป็น 1 ใน 3 จากเดิมที่มีแผนจะถือหุ้น 1 ใน 2 เพื่อไม่ให้เอกชนมองว่ารัฐบาลมีอำนาจในการควบคุมมากเกินไป

4) เปลี่ยนโครงสร้างบริษัท กล่าวคือ ตามแผนการแปรรูป Japan Post เดิม มีการจัดตั้งบริษัท Japan Post Holding Company ที่มีรัฐบาลถือหุ้นทั้งหมด มีบริษัทย่อย 4 บริษัทได้แก่ 1) Japan Post Service Co. 2) Japan Post Network Co. 3) Japan Post Bank Co. 4) Japan Post Insurance Co. โดยจะมีการทยอยขายหุ้นของ Japan Post Bank Co. และ Japan Post Insurance ออกไปเป็นเอกชน อย่างไรก็ตามรัฐบาลพรรค DPJ เห็นว่า ธุรกิจการเงินหลัก 2 ประเภทนี้จะช่วยสนับสนุนกิจกรรมหลักของ Japan Post จึงได้ยกเลิกแผนการขายหุ้นดังกล่าวออกไป

ในร่างกฎหมายใหม่นี้จะมีการควบรวมกิจการ Japan Post Holding Company, Japan Post Service Co. และ Japan Post Network Co. เข้าด้วยกันเป็นบริษัทแม่ และมี Japan Post Bank และ Japan Post Insurance เป็นบริษัทลูก โดยจะเพิ่มขอบเขตการทำธุรกิจของ Japan Post Bank และ Japan Post Insurance เพิ่มมากขึ้น เช่น ให้เงินกู้ที่อยู่อาศัย บริการประกันสุขภาพและผู้สูงอายุ เป็นต้น การควบรวมกิจการครั้งนี้ยังส่งผลให้ Japan Post มีค่าใช้จ่ายในการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 4 แสนล้านเยน สำหรับการจ้างพนักงานประจำเพิ่มขึ้นจำนวน 1 แสนคนภายใน 3 -4 ปีนี้ด้วย ซึ่งร่างกฎหมายดังกล่าวมีแผนจะนำเสนอต่อสภาในช่วงกลางเดือนเมษายน 2553 ศกนี้

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนนโยบายเกี่ยวกับ Japan Post ดังกล่าวกำลังสร้างความกังวลแก่สถาบันการเงินเอกชน เพราะจะกลายสถาบันการเงินของรัฐที่เป็นคู่แข่งทางธุรกิจ ซึ่งมีความได้เปรียบหลายประการ เพราะจะมีเงินฝากจากเอกชนจำนวนหนึ่งย้ายมาฝากใน Japan Post ซึ่งมีความมั่นคงกว่า นอกจากนี้ Japan Post ยังเป็นผู้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลรายใหญ่ที่สุดของรัฐบาลญี่ปุ่น

สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง ประจำกรุงโตเกียว

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ