รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 22 เมษายน 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday April 22, 2010 12:00 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 22 เม.ย. 2553

Summary:

1. ดัชนีภาคอุตสาหกรรมเดือน มี.ค. ลดลงเดือนที่ 2 ในขณะที่ยอดส่งออกรถยนต์ขยายตัวร้อยละ 42.93 ต่อปี

2. สำนักงานสถิติแห่งชาติเผยอัตราการว่างงานของไทยเดือน ก.พ. 53 อยู่ที่ร้อยละ 1.0

3. BOI ประกาศยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนของไตรมาสแรกเกินแสนล้านบาท

Highlight:
1. ดัชนีภาคอุตสาหกรรมเดือน มี.ค. ลดลงเดือนที่ 2 ในขณะที่ยอดส่งออกรถยนต์ขยายตัวร้อยละ 42.93 ต่อปี
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเผยค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน มี.ค. 53 อยู่ที่ระดับ 101.6 ปรับตัวลดลงจากเดือน ก.พ. ที่ระดับ 114.5 ซึ่งปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในขณะที่ยอดการส่งออกรถยนต์เดือน มี.ค.อยู่ที่ 63,949 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 42.93 ต่อปี คิดเป็นมูลค่า 29,847 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 50.43 ต่อปี เนื่องจากการสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นทุกตลาด ยกเว้นตลาดตะวันออกกลาง
  • สศค.วิเคราะห์ว่า ความกังวลในสถานการณ์ทางการเมือง ทำให้ผู้บริโภคชะลอการใช้จ่ายลง ประกอบกับปัญหาภัยแล้ง และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตและต้นทุนของอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังคงสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จากการส่งออกที่ขยายตัวในระดับสูง โดยเฉพาะสินค้าในหมวดยานยนต์ ซึ่งในปี 2553 สศค. คาดว่าปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการจะกลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 9.7 ต่อปี ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ที่ร้อยละ 4.5 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.0 — 5.0 ต่อปี)
2. สำนักงานสถิติแห่งชาติเผยอัตราการว่างงานของไทยเดือน ก.พ. 53 อยู่ที่ร้อยละ 1.0
  • สำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยผลการสำรวจภาวะ การทำงานของประชากรประจำเดือนก.พ. 53 พบว่า อัตราการว่างงานของไทยเดือน ก.พ. 53 อยู่ที่ร้อยละ 1.0 ของกำลังแรงงานรวม โดยคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงานทั้งสิ้น 3.8 แสนคน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนพบว่ามีจำนวนผู้ว่างงานลดลง 3.3 แสนคน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าพบว่ามีการว่างงานลดลง 1.5 แสนคน ทั้งนี้ จำนวนผู้มีงานทำในเดือน ก.พ.53 เพิ่มขึ้น 9.3 แสนคนจากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ต่อปี โดยเป็นการจ้างงานเพิ่มขึ้นในแรงงานนอกภาคการเกษตร โดยเฉพาะสาขาการขายส่งและขายปลีก เพิ่มขึ้นมากถึง 3.2 แสนคน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า อัตราการว่างงานของไทยเดือนก.พ.53 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้า จากร้อยละ 1.4 มาอยู่ที่ 1.0 ของกำลังแรงงานรวม หรือจาก 5.3 แสนคน มาอยู่ที่ 3.8 แสนคน คิดเป็นการว่างงานที่ลดลง 1.5 แสนคนจากเดือนก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักมาจากผู้ว่างงานที่เคยทำงานในภาคการผลิตมาก่อนลดลง 0.6 แสนคน เนื่องจากภาคการผลิตได้รับคำสั่งซื้อสินค้ากลับเข้ามาอีกครั้ง ทำให้ต้องมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้ว่างงานที่เคยทำงานในภาคเกษตรกรรมมาก่อนลดลง 0.4 แสนคน เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะยางพารา ทำให้แรงงานกลับเข้าสู่ภาคเกษตรเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ สศค.คาดว่าอัตราการว่างงานในปี 53 จะเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 1.3
3. BOI ประกาศยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนของไตรมาสแรกเกินแสนล้านบาท
  • สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 มีจำนวนโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน 311 โครงการ ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 48.6 เมื่อเทียบกับจำนวนโครงการในไตรมาสแรกปี 2552 ส่วนมูลค่าเงินลงทุนของโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมในไตรมาสแรกปี 2553 อยู่ที่ประมาณ 109.1 พันล้านบาท ซึ่งมาจากกิจการบริการและสาธารณูปโภค (59.5 พันล้านบาท) อุตสาหกรรมโลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง (17 พันล้านบาท) อุตสาหกรรมเกษตร (14 พันล้านบาท) และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า (7.2 ล้านบาท) และคาดว่าจะเกิดการจ้างงานจากโครงการที่ขอรับส่งเสริมข้างต้นประมาณ 45,890 คน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า จำนวนโครงการขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มาจากโครงการของต่างชาติเป็นหลัก โดยนักลงทุนญี่ปุ่นมีจำนวนโครงการยื่นคำขอในจำนวนที่มากสุด รองลงมาคือสิงค์โปร์ ส่วนในด้านปริมาณเงินลงทุน ญี่ปุ่นมีปริมาณเงินลงทุนสูงสุด รองลงมาคือจีน และสิงค์โปร์ ประเภทกิจการที่นักลงทุนต่างชาติยื่นขอส่งเสริมและมีปริมาณเงินลงทุนสูงสุด คือ กิจการบริการและสาธารณูปโภค อย่างไรก็ตาม ปัญหาทางการเมืองและกรณีของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด รวมถึงราคาน้ำมันและต้นทุนการผลิตที่มีแนวโน้มสูงขึ้นยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการลงทุนภาคเอกชนในปี 2553 ต่อไป

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665: www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ