นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันนี้ (25 พฤษภาคม 2553) คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการควบรวมกิจการของสถาบันการเงินตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 สำหรับการควบรวมของสถาบันการเงินที่กระทำใน ปี 2553-2554 เพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามกรอบการพัฒนาระบบสถาบันการเงินตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 (ปี 2553-2557) ที่กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยได้ร่วมจัดทำ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
(1) ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่สถาบันการเงิน สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับ รายรับหรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นหรือเนื่องจากการที่สถาบันการเงินควบเข้ากันหรือโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กัน
(2) ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่สถาบันการเงินสำหรับมูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นหรือเนื่องจากการที่สถาบันการเงินมีการโอนกิจการบางส่วนให้แก่กัน
(3) ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้ถือหุ้นของสถาบันการเงิน สำหรับผลประโยชน์ที่ได้จากการที่สถาบันการเงินควบหรือโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กันตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าทุน
(4) ลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์และอาคารชุด เหลือร้อยละ 0.01 สำหรับสถาบันการเงินที่ควบเข้ากันหรือโอนกิจการทั้งหมดหรือบางส่วนให้แก่กันตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนึ่งในการช่วยบรรเทาปัญหาและอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นจากการควบรวมสถาบันการเงิน โดยผลของการควบรวมกิจการจะมีส่วนเสริมสร้างประสิทธิภาพของสถาบันการเงินให้สามารถแข่งขันและสอดรับการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางการเงินภายในประเทศและต่างประเทศได้ อีกทั้ง มีส่วนช่วยให้ประชาชนผู้ใช้บริการได้รับบริการที่ดีขึ้น ทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพจากสถาบันการเงิน
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. (02) 273-9020
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 66/2553 25 พฤษภาคม 53--