คลังสนับสนุนโครงการเกษียณก่อนกำหนด ให้ข้าราชการออกเร็วขึ้น

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday May 27, 2010 08:22 —กระทรวงการคลัง

กระทรวงการคลังเสนอความเห็นครม. สนับสนุนเพิ่มมาตรการเออรี่ ปี 2555 คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมมาตรการฯ ต้องมีเวลาราชการที่เหลืออย่างน้อย 2 ปี

นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ 11 พฤษภาคม 2553 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด) ประจำปี 2554 — 2555 ซึ่งกระทรวงการคลังสนับสนุนมาตรการดังกล่าว โดยปี 2554 ยังคงใช้หลักเกณฑ์เดิมคือ ผู้ที่จะเข้าร่วมมาตรการฯ ที่เป็นข้าราชการต้องมีอายุ 50 ปีขึ้นไป และข้าราชการทหารต้องมีอายุ 45 ปีขึ้นไป ในส่วนของการบริหารกำลังคนก็ยังคงเช่นเดิม แต่ประเด็นที่มีการปรับปรุงคือ ในปี 2555 ได้ปรับคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมมาตรการฯ จากเดิมที่กำหนดให้มีเวลาราชการที่เหลือ ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป เป็นตั้งแต่ 2 ปีขึ้นไป และได้มอบหมายให้หน่วยงานกลางร่วมกันพิจารณาปรับกำหนดการดำเนินการตามมาตรการฯ ให้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อให้ส่วนราชการมีเวลาในการบริหารจัดการงานและวางแผนการ สรรหาบุคลากรทดแทน หรือแผนการบริหารจัดการอัตรากำลัง จึงได้มอบหมายให้กรมบัญชีกลางในฐานะหน่วยงานกลางเร่งดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป

นายพฤฒิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้จะมีการปรับคุณสมบัติผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการฯ แต่ยังคงคำนึงถึงการบริหารจัดการด้านกำลังคนเป็นสำคัญ เพื่อให้หน่วยงานสามารถปฏิบัติราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยส่วนราชการต้องพิจารณาอัตรากำลังคนให้เพียงพอและเหมาะสมกับบทบาทภารกิจของหน่วยงาน ตามกรอบที่กำหนดไว้ด้วย เนื่องจากต้องยุบเลิกตำแหน่งของผู้ที่เข้าร่วมมาตรการฯ โดยมีสาระสำคัญ 5 กรณี คือ

1. หน่วยงานที่ ครม. มีมติให้ปรับเปลี่ยนสถานะโดยออกจากระบบราชการ จะไม่จำกัดจำนวนคนที่จะเออรี่ และต้องยุบตำแหน่ง

2. หน่วยงานประสงค์จะยุบเลิกบางภารกิจ ไม่กำหนดจำนวนสูงสุดของผู้ที่จะเออรี่ แต่ต้องยุบเลิกตำแหน่ง

3. หน่วยงานมีอัตรากำลังเกิน กำหนดจำนวนสูงสุดของผู้เข้าร่วมมาตรการฯ ไม่เกินร้อยละ 10 ของกลุ่มเป้าหมายและส่วนราชการต้องยุบเลิกตำแหน่ง

4. หน่วยงานมีอัตรากำลังเหมาะสมกับบทบาทภารกิจ แต่มีข้าราชการอายุ 50 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละที่กำหนด คือ

  • ตั้งแต่ร้อยละ 20 ขึ้นไป กำหนดจำนวนสูงสุดของผู้ที่จะเออรี่ไม่เกินร้อยละ 10 ของกลุ่มเป้าหมาย และส่วนราชการไม่ต้องยุบเลิกตำแหน่ง
  • ตั้งแต่ร้อยละ 15 แต่ไม่ถึงร้อยละ 20 กำหนดจำนวนสูงสุดของผู้ที่จะเออรี่ ไม่เกินร้อยละ 7.5 และ ส่วนราชการไม่ต้องยุบเลิกตำแหน่ง
  • ตั้งแต่ร้อยละ 10 แต่ไม่ถึงร้อยละ 15 กำหนดจำนวนสูงสุดของผู้ที่จะเออรี่ ไม่เกินร้อยละ 5 ของกลุ่มเป้าหมาย และส่วนราชการไม่ต้องยุบเลิกตำแหน่ง โดยให้ อ.ก.พ.กระทรวงพิจารณาเกลี่ยจำนวนผู้เข้าร่วมมาตรการฯ ของส่วนราชการภายในกระทรวงได้

5. หน่วยงานมีอัตรากำลังไม่เพียงพอแก่การทำงานตามบทบาท ภารกิจ และมีจำนวนข้าราชการอายุ 50 ปีขึ้นไป มากกว่าร้อยละที่กำหนด คือ

  • ตั้งแต่ร้อยละ 20 ขึ้นไป กำหนดจำนวนสูงสุดของผู้ที่จะเออรี่ไม่เกินร้อยละ 5 ของกลุ่มเป้าหมาย และส่วนราชการไม่ต้องยุบเลิกตำแหน่ง
  • ตั้งแต่ร้อยละ 10 แต่ไม่ถึงร้อยละ 20 กำหนดจำนวนสูงสุดของผู้ที่จะเออรี่ ไม่เกินร้อยละ 3 ของกลุ่มเป้าหมาย และส่วนราชการไม่ต้องยุบเลิกตำแหน่ง โดยให้ อ.ก.พ.กระทรวงพิจารณาเกลี่ยจำนวนผู้เข้าร่วมมาตรการฯ ของส่วนราชการภายในกระทรวงได้

“ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 มีผู้เข้าร่วมโครงการ 24,180 ราย โดยได้รับเงินในปีงบฯ 2553 และจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2553 ได้จ่ายเงินช่วยเหลือตามมาตรการดังกล่าวแล้ว จำนวน 19,698 คน เป็นจำนวนเงิน 7,363.45 ล้านบาท สำหรับมาตรการที่ปรับเกณฑ์ใหม่ในปี 2555 ผู้ที่จะเออรี่เร็วต้องตัดสินใจเร็วขึ้นกว่าเดิม 1 ปี เห็นว่า น่าจะไม่มีผลกระทบอย่างใด เพราะส่วนใหญ่ผู้ที่เออรี่จะมีเป้าหมายประกอบอาชีพอื่นรองรับไว้แล้ว โดยนำเงินช่วยเหลือตอนออกจากราชการไปเป็นทุน” นายพฤฒิชัย กล่าว

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมบัญชีกลาง

โทร. (02) 273-9101

--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 68/2553 26 พฤษภาคม 53--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ