ในวันนี้ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงนามในร่างสัญญากู้เงินสำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) กับธนาคารโลกและกับธนาคารพัฒนาเอเชีย โดยมี Ms. Annette Dixon, Country Director, Thailand World Bank และ Mr. Kunio Senga, Director General of Southeast Asia Department, Asian Development Bank (ADB) เป็นผู้แทนธนาคารโลกและธนาคารพัฒนาเอเชียลงนามในสัญญาเงินกู้ตามลำดับ
โครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) นี้ เป็นโครงการที่รองรับและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตามเส้นทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของกรมทางหลวง ซึ่งประกอบด้วย
1. เส้นทางสนับสนุนการพัฒนาแนวเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor) เป็นเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างประเทศเวียดนาม-ลาว-ไทย-พม่า เพื่อรองรับด้านการค้า บริการ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านในอนาคต และเป็นเส้นทางเชื่อมโยงการส่งสินค้าระหว่างท่าเรือด้านทะเลจีนใต้กับทะเลอันดามัน
2. เส้นทางสนับสนุนการเชื่อมโยงเข้าสู่พื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการขนส่งสินค้าระหว่างภาคต่างๆกับท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด และแหล่งอุตสาหกรรมต่างๆบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก
3. เส้นทางสนับสนุนการเชื่อมโยงเข้าสู่พื้นที่เลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ด้านตะวันออก-ตะวันตก (East-West Southern Coast Corridor) เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการลงทุนบริเวณพื้นที่ภาคใต้
โดยสัญญาเงินกู้ระหว่างธนาคารโลกกับรัฐบาลไทย และระหว่างธนาคารพัฒนาเอเชียกับรัฐบาลไทย สามารถสรุปรายละเอียดและเงื่อนไขเงินกู้ตามลำดับ ดังนี้
1. สัญญากู้เงินกับธนาคารโลก วงเงินกู้ 79.30 ล้านเหรียญสหรัฐ มีค่าธรรมเนียมการกู้เงิน (Front-end Fee) ร้อยละ 0.25 ของวงเงินกู้ และใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสกุลเงินเหรียญสหรัฐ ตามอัตราเงินกู้ระหว่างธนาคารในลอนดอนระยะ 6 เดือน (LIBOR) บวกส่วนต่าง (Spread) ของธนาคารโลกซึ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ปัจจุบัน Spread ของธนาคารโลก คืออัตราร้อยละ 0.17 ดังนั้นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสกุลเงินเหรียญสหรัฐ จะอยู่ที่ร้อยละ 0.79 (อัตรา LIBOR+0.17=0.79) กำหนดระยะเวลาการ กู้เงิน 15 ปี รวมระยะเวลาปลอดหนี้ 5 ปี ขอบเขตของโครงการประกอบด้วยแผนงานก่อสร้างจำนวน 5 สายทาง มีระยะทางรวม 216 กิโลเมตร คือ
1.1 แผนงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 201 เส้นทางสีคิ้ว-ชัยภูมิ ตอน สีคิ้ว-บ.หนองบัวโคกระยะทาง 60 กิโลเมตร
1.2 แผนงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 24 เส้นทางสีคิ้ว-อุบลราชธานี ตอน อ.นางรอง - อ.ปราสาท ระยะทาง 65 กิโลเมตร
1.3 แผนงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 331 เส้นทางสีคิ้ว-พนมสารคาม ตอน แยกทางหลวงหมายเลข 36-บรรจบทางหลวงหมายเลข 3 (สัตหีบ) ระยะทาง 28 กิโลเมตร
1.4 แผนงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 4 เส้นพังงา-กระบี่ ตอน 3 ระยะทาง 27 กิโลเมตร
1.5 แผนงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 408 เส้นทางนครศรีธรรมราช-สงขลา ตอน อ.ระโนด-อ.สทิงพระ ระยะทาง 36 กิโลเมตร
2. สัญญากู้เงินกับธนาคารพัฒนาเอเชีย วงเงินกู้ 77.10 ล้านเหรียญสหรัฐ ใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัวของเงินกู้สกุลเงินเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีวิธีคำนวณตามอัตราต้นทุนการกู้เงินของ ADB บวกส่วนต่างและหักลบอัตราส่วนลด (Rebate) ซึ่งธนาคารพัฒนาเอเชียจะปรับอัตราดอกเบี้ยทุก 6 เดือน ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ LIBOR+0.20-Rebate กำหนดระยะเวลาการกู้เงิน 15 ปี รวมระยะเวลาปลอดหนี้ 5 ปี ขอบเขตของโครงการประกอบด้วยแผนงานก่อสร้างจำนวน 2 สายทาง มีระยะทางรวม 178 กิโลเมตร คือ
2.1 แผนงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 12 เส้นทางพิษณุโลก-หล่มสัก ระยะทาง 105 กิโลเมตร
2.2 แผนงานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 359 เส้นทางพนมสารคาม-สระแก้ว ระยะทาง 73 กิโลเมตร นอกจากนี้ ภายใต้เงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชียสำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ดังกล่าว ธนาคารพัฒนาเอเชียยังได้ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ (Technical Assistance: TA) สำหรับโครงการศึกษาและแผนกลยุทธ์การดำเนินงานพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายสำคัญ (Strategic Intercity Motorway Network Technical Assistance Project (TA 7483-THA)) วงเงิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยธนาคารพัฒนาเอเชียจะให้การสนับสนุนเงินจากกองทุน Japan Special Fund ของรัฐบาลญี่ปุ่นในรูปแบบให้เปล่า (Grant Basis) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำรายละเอียดเส้นทางของทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง และจัดลำดับความสำคัญของเส้นทางเพื่อให้สามารถเตรียมดำเนินโครงการที่มีลำดับความสำคัญสูงสุด โดยลงทุนในรูปแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership: PPP)
สำนักจัดการหนี้ 1 สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ โทร. 0 2265 8050 ต่อ 5413, 5414
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 74/2553 11 มิถุนายน 53--