ไตรมาสที่ 1 ปี 2553 (ม.ค.53-มี.ค.53) ดุลบัญชีเงินทุนเกินดุล 6,091 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 5,252 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดุลการชำระเงินเกินดุล 8,222 ล้านดอลลาร์สหรัฐ1 สำหรับสาเหตุสำคัญของการเกินดุลบัญชีเงินทุน เนื่องจากมูลค่าการลงทุนโดยตรงปรับตัวสูงขึ้น จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศลดลง รวมทั้งการลงทุนในหลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น
คาดว่าไตรมาสที่ 2 ปี 2553 (เม.ย.53-มี.ค.53) ดุลบัญชีเงินทุนเกินดุลเพียง 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า และต่ำที่สุดในรอบ 4 ไตรมาส โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากนักลงทุนต่างชาติเทขายหลักทรัพย์ทั้งในตราสารทุนและตราสารหนี้ เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาการเมืองของไทย รวมทั้งความกังวลในปัญหาวิกฤตหนี้ในยุโรป นอกจากนี้ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศลดงจากไตรมาสที่ 1 ปี 2553 ที่มีระดับสูงเป็นพิเศษ
ดุลบัญชีเงินทุนเกินดุล 6,091 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 5,252 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดุลการชำระเงินเกินดุล 8,222 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสาเหตุสำคัญของการเกินดุลบัญชีเงินทุนเกิดจาก 1) มูลค่าการลงทุนโดยตรงปรับตัวสูงขึ้น จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศลดลง และ 2) การลงทุนในหลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น
1.1 สถานการณ์การลงทุนโดยตรง ไตรมาส 1 ปี 2553
การลงทุนโดยตรงสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 มีมูลค่า 1,611 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 85.5 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
การลงทุนโดยตรงในต่างประเทศมีมูลค่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมีเงินทุนไหลออกลดลงร้อยละ 16.4 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนสำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีมูลค่า2,211 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.4จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนโดยกลุ่มนักลงทุนสำคัญที่มีการลงทุนในประเทศ คือ นักลงทุนจากญี่ปุ่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ โดยมีมูลค่า 298 255 และ 238 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ
1.2 สถานการณ์การลงทุนในหลักทรัพย์ไตรมาส 1 ปี 2553
การลงทุนในหลักทรัพย์สุทธิไตรมาสที่ 1 ปี 2553 มีเงินทุนไหลเข้ามูลค่า 1,376 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนมีเงินทุนไหลออก 409 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศมีเงินทุนไหลเข้า (การขายหลักทรัพย์ที่ลงทุนในต่างประเทศของนักลงทุนไทยและโอนเงินเข้าประเทศ) มูลค่า 671 ล้านดอลลาร์สหรัฐเปลี่ยนแปลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีเงินทุนไหลออก 481 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์จากต่างประเทศมีเงินทุนไหลเข้ามูลค่า 705 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 887
การลงทุนในตราสารทุนจากต่างประเทศมีเงินทุนไหลเข้ามูลค่า 260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.7 สาเหตุที่มีการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยมีความแข็งแกร่งและฟื้นตัวดีขึ้นทำให้นักลงทุนต่างชาติคลายความกังวล
สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้จากต่างประเทศ มีเงินทุนไหลเข้า 445 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่เป็นเงินทุนไหลออก 175 ดอลลาร์สหรัฐ
จากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพบว่า การซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 มีมูลค่าการขายสุทธิ 42,537 ล้านบาท สาเหตุที่มีการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติเนื่องจากมั่นใจในพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง แม้จะยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองภายในประเทศก็ตาม
1.3 สถานการณ์การลงทุนอื่น ๆ ไตรมาส 1 ปี 2553
การลงทุนอื่น ๆ สุทธิไตรมาสที่ 1 2553 มีเงินทุนไหลเข้า 672 ล้านดอลลาร์สหรัฐเปลี่ยนแปลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเงินทุนไหลออกถึง 3,659 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั้งนี้ เนื่องจากภาคธนาคารลดการถือครองสินทรัพย์ต่างประเทศและนำเงินกลับเพิ่มขึ้น
คาดว่าไตรมาสที่ 2 ปี 2553 ดุลบัญชีเงินทุนจะเกินดุลลดลงอยู่ที่ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนดุลบัญชีเงินทุนขาดดุลถึง 3,465 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจาก 1) นักลงทุนต่างชาติเทขายหลักทรัพย์ทั้งในตราสารทุนและตราสารหนี้เพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาการเมืองของไทยรวมทั้งความกังวลในปัญหาวิกฤตหนี้ในยุโรปและ 2) การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศลดงจากไตรมาสที่ 1 ปี 2553 ที่มีระดับสูงเป็นพิเศษ
คาดว่าการลงทุนโดยตรงสุทธิไตรมาสที่ 2 ปี 2553 มีมูลค่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 81 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศลดลง ซึ่งทิศทางการเพิ่มขึ้นของการลงทุนโดยตรงสุทธิเป็นไปในทิศทางเดียวกับมูลค่าการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนของ BOI ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
คาดว่าการลงทุนในตราสารทุนของชาวต่างชาติในไตรมาสที่ 2 ปี 2553 จะมีมูลค่าเงินทุนไหลออกถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเปลี่ยนแปลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเงินทุนไหลเข้าถึง 1,139 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากข้อมูลการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่านักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิเพิ่มขึ้น เนื่องจากเหตุการณ์ไม่สงบด้านการเมืองของไทย และปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป ทำให้นักลงทุนขาดความั่นใจ ทำให้มีการขายสินทรัพย์เพื่อลดความเสี่ยง
สำหรับการลงทุนอื่น ๆ คาดว่ามีการไหลเข้า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เปลี่ยนแปลงจากปีก่อนที่มีเงินทุนไหลออก 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากการลดการถือครองสินทรัพย์ต่างประเทศและการกู้เงินจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th