รายงานภาวะเศรษฐกิจญี่ปุ่น ประจำสัปดาห์วันที่ 14 — 18 มิถุนายน 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 22, 2010 10:56 —กระทรวงการคลัง

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่น่าสนใจ ดังนี้

1. กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นจะพิจารณารูปแบบ ODA ตามข้อเสนอของ OECD

2. กระทรวงการคลังญี่ปุ่นออกพันธบัตรรัฐบาลชนิดใหม่เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี

3. พรรคประชาธิปไตย (DPJ) ประกาศนโยบายภาษีและการคลังสาหรับการเลือกตั้งวุฒิสมาชิก

-----------------------------------

1. กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นจะพิจารณารูปแบบ ODA ตามข้อเสนอของ OECD

กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นกล่าวว่าจะพิจารณาข้อเสนอของ OECD เรื่องความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (Official Development Assistance: ODA) ที่เสนอแนะให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศหลักในการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอีก คณะกรรมการความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาของ OECD ได้กล่าวว่าญี่ปุ่นได้เพิ่มคุณภาพในการดาเนินงานในรูปแบบความช่วยเหลือมากขึ้นตั้งแต่ปี 2546 แต่ควรจะพิจารณาเพิ่มจานวนวงเงิน ODA ด้วย ปัจจุบัน งบประมาณ ODA ปี 2552 มีมูลค่า 9.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 0.18 ของรายได้ประชาชาติ ซึ่งลดลงจากร้อยละ 0.19 ในปี 2551 และน้อยกว่าสหประชาชาติ (United Nation) ที่ตั้งเป้าไว้ที่ร้อยละ 0.7 คณะกรรมการฯ ได้ขอให้ญี่ปุ่นพิจารณาปรับปรุงสถานะการณ์ที่ ODA มีแนวโน้มที่ลดลงให้กลับเป็นระดับในสมัยญี่ปุ่นเคยเป็นประเทศผู้ให้ ODA สูงสุด

นอกจากนี้คณะกรรมการยังเสนอว่าญี่ปุ่นควรจะให้เงินกู้โดยไม่กาหนดให้ต้องซื้อสินค้าและบริการจากญี่ปุ่นเพื่อประเทศผู้กู้เงินจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนลงได้

2. กระทรวงการคลังญี่ปุ่นออกพันธบัตรรัฐบาลชนิดใหม่เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี

กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่าจะออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อจาหน่ายแก่นักลงทุนรายย่อยชนิดใหม่เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีโดยพันธบัตรชนิดใหม่นี้มีอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่เท่ากับร้อยละ 0.19 ต่อปี และจ่ายดอกเบี้ยทุกๆครึ่งปี เดิมรัฐบาลเคยออกพันธบัตรรัฐบาลรายย่อยมาแล้วเป็นจานวน 4 ครั้ง ซึ่งมีอายุ 5 ปี และ 10 ปี แต่พันธบัตรชนิดใหม่นี้นอกจากมีอายุ 3 ปีแล้ว ยังมีจุดเด่นคือสามารถซื้อได้ตั้งแต่ 1 หมื่นเยนขึ้นไปจากเดิมที่สามารถซื้อได้ตั้งแต่ 5 หมื่นเยนทาให้ประชาชนทั่วไปสามารถตัดสินใจลงทุนได้ง่ายขึ้น รวมทั้งยังสามารถขายคืนได้เมื่อถือพันธบัตรครบ 1 ปีนับตั้งแต่วันซื้อ

ปัจจุบันยอดหนี้ของประเทศที่เกิดจากการออกพันธบัตรรัฐบาลจากผลการสารวจของ Bank of Japan พบว่าเมื่อสิ้นปี 2552 นั้นมียอดพันธบัตรคงค้างเท่ากับ 830 ล้านล้านเยน โดยสามารถแบ่งประเภทผู้ลงทุนในพันธบัตร ได้แก่ สถาบันการเงิน 340 ล้านล้านเยน บริษัทประกันและกองทุนประกันสังคม 170 ล้านล้านเยน และหน่วยงานรัฐบาลหรือรัฐบาลท้องถิ่นเท่ากับ 90 ล้านล้านเยน สาหรับนักลงทุนรายย่อยคือประชาชนทั่วไปมียอดลงทุนจานวน 35 ล้านล้านเยนหรือเท่ากับร้อยละ 4 ซึ่งน้อยกว่ายอดการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติที่เท่ากับ 50 ล้านล้านเยน สาเหตุของการออกพันธบัตรรัฐบาลชนิดใหม่ครั้งนี้เนื่องจากรัฐบาลมองว่าผู้ลงทุนรายย่อยในพันธบัตรรัฐบาลส่วนใหญ่จะถือครองจนครบอายุและรับดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นทาให้มีความมั่นคงมากกว่าผู้ลงทุนสถาบัน เช่น สถาบันการเงินที่สามารถนาพันธบัตรไปซื้อขายในตลาดรองได้ ซึ่งมีความเสี่ยงในกรณีที่เกิดวิกฤตทางการคลังเช่นในกรณีประเทศกรีซที่เกิดวิกฤตจนทาให้ราคาพันธบัตรตกลงอย่างมากและบรรดานักลงทุนต่างพากันเทขาย ปัจจุบันพันธบัตรรัฐบาลของญี่ปุ่นถือครองโดยนักลงทุนในประเทศมากกว่าครึ่ง เนื่องจากสถาบันการเงินส่วนใหญ่ใช้พันธบัตรรัฐบาลเป็นสินทรัพย์สารองในการดาเนินกิจการ และปัจจุบันยอดการปล่อยสินเชื่อนั้นยังคงไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควร และแต่หากเศรษฐกิจฟื้นตัวส่งผลให้บรรดาบริษัทต้องการเงินกู้เพื่อมาลงทุนเพิ่มขึ้นมากก็อาจจะทาให้สถาบันการเงินต่างๆลดจานวนการถือพันธบัตรรัฐบาลลงและหันมาปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามพันธบัตรรัฐบาลคือหนี้ของประเทศชนิดหนึ่งหากยอดหนี้ของประเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆก็จะอาจส่งผลให้ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจที่จะลงทุนซื้อพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการขยายตลาดพันธบัตรสาหรับนักลงทุนรายย่อยก็จะต้องมีการวางแผนฟื้นฟูสถานะการคลังอย่างชัดเจนเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสาหรับนักลงทุนรายย่อย

3. พรรคประชาธิปไตย (DPJ) ประกาศนโยบายภาษีและการคลังสาหรับการเลือกตั้งวุฒิสมาชิก

พรรคประชาธิปไตย (DPJ) ประกาศนโยบายสาหรับการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกในเดือนกรกฎาคม 2553 ว่าจะทาการปรับระบบภาษี ซึ่งรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะขึ้นภาษีผู้บริโภคเป็นร้อยละ 10 จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 5 ภายในปี 2555 ซึ่งคณะกรรมการศึกษาปรับปรุงการจัดเก็บภาษีของรัฐบาลจะตัดสินอัตราภาษีที่จะเปลี่ยนแปลงประมาณเดือนมีนาคมปี 2554 และปรับอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลงเหลือร้อยละ 11 จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 18 ให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม นอกจากนี้ DPJ ยังประกาศว่ายอดออกพันธบัตรรัฐบาลสาหรับการใช้งบประมาณแบบขาดดุลสาหรับปี 2554 จะมีมูลค่าต่ากว่า 4.43 ล้านล้านเยนที่ได้ออกมาเพื่อใช้ในการขาดดุลงบประมาณปี 2553 และได้ตั้งเป้าหมายที่จะปรับปรุงฐานะการคลังของรัฐที่ใช้งบประมาณแบบขาดดุลให้เป็นงบประมาณแบบเกินดุลภายในปี 2563 ด้วย DPJ ได้ตั้งเป้าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (Nominal GDP) ไว้ร้อยละ 3 ภายในปีงบประมาณ 2563 ในขณะที่ LDP ตั้งไว้ที่ร้อยละ 4

สำนักงานที่ปรึกษาเศรษฐกิจและการคลัง ณ กรุงโตเกียว

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office

Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ