Executive Summary
- รายได้สุทธิของรัฐบาล (หลังหักจัดสรรให้ อปท.) ในเดือนก.ค. 53 มีจำนวนทั้งสิ้น 117.8 พันล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 16.9 ต่อปี
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือน ก.ค. 53 ขยายตัวที่ร้อยละ 12.9 ต่อปี ในขณะที่ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเดือน ก.ค. 53 ขยายตัวที่ร้อยละ 37.6 ต่อปี
- มูลค่าการส่งออกสินค้าในเดือน ก.ค. 53 ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 แต่ด้วยอัตราที่ชะลอลงที่ร้อยละ 20.6 ต่อปี ในขณะที่การนำเข้าสินค้ารวมในเดือน ก.ค. 53 ในรูปดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 16,505 ดอลลาร์สหรัฐ และยังขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 ที่ร้อยละ 36.1 ต่อปี
- นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือนก.ค. 53 มีจำนวน 1.25 ล้านคน ขยายตัวเป็นบวกเป็นเดือนแรกที่ร้อยละ 14.2 ต่อปี
- ยอดค้าปลีกสหรัฐฯเดือนก.ค.53 ขยายตัวที่ร้อยละ 5.5 ต่อปี
- GDP ญี่ปุ่นไตรมาสที่ 2 ปี 53 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.0 ต่อปีหรือขยายตัวที่ร้อยละ 0.1 จากไตรมาสก่อนหน้าธนาคารกลางเวียดนามประกาศลดอัตราแลกเปลี่ยนทางการลงร้อยละ 2.0
- ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นถึงร้อยละ 1.10 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับค่าเงินภูมิภาค
Indicators Forecast Previous July: MPI (%yoy) 14.5 14.3
- เนื่องจากฐานการคำนวณต่ำในช่วงเดียวกันปีก่อนโดยคาดว่าการผลิตสินค้าสำ คัญของไทย เช่น ยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า จะสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง ตามแนวโน้มการส่งออกสิงค้าทั้ง 2 หมวดที่ยังคงขยายตัวในระดับสูง ถึงแม้อัตราการขยายตัวจะชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าก็ตาม
รายได้สุทธิของรัฐบาล (หลังหักจัดสรรให้ อปท.) ในเดือน ก.ค. 53 มีจำนวนทั้งสิ้น 117.8 พันล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 16.9 ต่อปี และสูงกว่าประมาณการ 32.0 พันล้านบาทหรือร้อยละ 37.3 สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยทั้งด้านการใช้จ่ายภายในประเทศและรายได้ประชากร โดยภาษีฐานการบริโภค(ภาษีมูลค่าเพิ่ม) ในเดือน ก.ค. 53 ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ร้อยละ 14.6 แต่หดตัวร้อยละ -2.2 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าและขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว สะท้อนการฟื้นตัวที่ยังเปราะบางของการบริโภคภาคเอกชน ในขณะที่ภาษีฐานรายได้ (ผลรวมของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล) ขยายตัวที่ร้อยละ 21.2 ต่อปี หรือขยายตัวร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สะท้อนรายได้ประชาชนที่เพิ่มสูงขึ้น
ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือน ก.ค. 53 ขยายตัวที่ร้อยละ 12.9 ต่อปี ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัวที่ร้อยละ 21.1 ต่อปี (หรือหดตัวที่ร้อยละ -3.7 ต่อเดือน เมื่อหักปัจจัยทางฤดูกาลแล้ว)เนื่องจากปัจจัยฐานเริ่มปรับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกปีที่แล้ว ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาในรายละเอียดแล้ว พบว่าภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ที่จัดเก็บบนการบริโภคในประเทศยังขยายตัวได้ดี โดยได้รับปัจจัยจากกำลังซื้อของประชาชนที่เพิ่มขึ้น ตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและรายได้เกษตรกรที่ปรับตัวดีขึ้น
ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์รวมในเดือน ก.ค. 53 ขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 37.6 ต่อปี ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคอสังหาริมทรัพย์ สอดคล้องกับดัชนีการลงทุนภาคเอกชนในเดือน มิ.ย. 53 ที่ขยายตัวร้อยละ 21.2 ต่อปี และจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในเขตุกรุงเทพฯ และปริมณฑลขยายตัวเกือบ 3 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า อีกทั้งอัตราการขายที่อยู่อาศัยใหม่ในเดือน มิ.ย. 53 เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.6 ต่อปีจากร้อยละ 23.3 ต่อปี ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยังมีความต้องการที่แท้จริง (Real Demand)จากผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มีการเปิดตัวโครงการใหม่ๆ เพื่อรองรับอุปสงค์ที่เพิ่มมากขึ้น
ปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเดือน ก.ค. 53 อยู่ที่ระดับ 1.67 แสนคัน หรือขยายตัวที่ร้อยละ 14.5 ต่อปี ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 17.3 ต่อปี เนื่องจากปัจจัยฐานเริ่มปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับสภาพภูมิอากาศที่เริ่มเข้าสู่ฤดูฝน และยอดการจดทะเบียนที่สูงมากในเดือนก่อน เนื่องจากมียอดค้างจดทะเบียนในเดือนพ.ค. 53 แต่อย่างไรก็ตาม ถือได้ว่าปริมาณการจำหน่ายรถจักยานยนต์ในเดือน ก.ค. 53 ยังขยายตัวได้ดี โดยได้รับปัจจัยบวกจาก 1) รายได้ เกษตรกรที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดีตามราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะราคายางพาราและมันสำปะหลังที่ขยายตัวในอัตราเร่ง และ 2) สถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลายลง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของประชาชนดีขึ้น และเริ่มมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนก.ค. 53 อยู่ที่ระดับ 71.4 ปรับตัวสูงขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ระดับ 69.1 บ่งชี้ว่าผู้บริโภคมีความมั่นใจว่าภาวะเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น โดยมีปัจจัยบวกจาก 1) ภาพรวมเศรษฐกิจยังคงส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนจากภาคการส่งออกยังขยายตัวอีกทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังคงขยายตัวต่อเนื่องในขณะที่ภาคการผลิต ทั้งเกษตรกรรม และอุตสาหกรรมยังขยายตัวได้ดีนอกจากนี้ภาคการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกที่ร้อยละ14.2 ต่อปี ในเดือน ก.ค. 53 หลังได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางเมือง 2)สถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลายมากขึ้น และ 3) แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
มูลค่าการส่งออกสินค้าในเดือน ก.ค. 53 ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 แต่ด้วยอัตราที่ชะลอลงที่ร้อยละ 20.6 ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 46.3 ต่อปี และหากหักผลทางฤดูกาลออกแล้ว จะหดตัวที่ร้อยละ -12.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ผลจากการชะลอตัวลงเกือบทุกตลาดและในทุกหมวดสินค้าหลัก หลังจากมีการเร่งการส่งออกในเดือนก่อนหน้า โดยในมิติสินค้า การส่งออกสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรมขยายตัวที่ร้อยละ 14.3 11.0 และ 23.0 ต่อปีตามลำดับ และหากพิจารณามิติคู่ค้าแล้ว มีเพียงการส่งออกไปยังจีนตะวันออกกลาง และบรูไนที่มีการขยายตัวเร่งขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่การนำเข้าสินค้ารวมในเดือน ก.ค. 53 ในรูปดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 16,505 ดอลลาร์สหรัฐ และยังขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 ที่ร้อยละ 36.1 ต่อปี ขยายตัวชะลอลงจาก เดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 37.9 ต่อปี หรือหดตัวร้อยละ -0.6 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (ขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว) ทั้งนี้ มูลค่านำเข้าสินค้าที่สูงกว่ามูลค่าส่งออกทำให้ดุลการค้าในเดือน ก.ค. 53 ขาดดุลที่ -0.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ค. 53 อยู่ที่ระดับ108.6 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 103.3 โดยมีค่าดัชนีเกิน100 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 สะท้อนว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นต่อสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่ดี ทั้งนี้ เป็นผลจากการปรับเพิ่มขึ้นของดัชนียอดคำสั่งซื้อ ยอดขาย ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองได้คลี่คลายลงและการขับเคลื่อนแผนปรองดองเป็นรูปธรรมมากขึ้น ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ล่วงหน้า 3 เดือน ณ เดือนก.ค. 53 อยู่ที่ 117.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนมิ.ย.53 ที่อยู่ในระดับ 105.7 เนื่องจากผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมคาดการณ์ว่ายอดคำสั่งซื้อยอดขายปริมาณการผลิตและผลประกอบการจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต จากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย
นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือน ก.ค. 53 มีจำนวน 1.25 ล้านคน ขยายตัวเป็นบวกเป็นเดือนแรกที่ร้อยละ14.2 ต่อปี และขยายตัวร้อยละ 16.8 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าและปรับผลทางฤดูกาลแล้ว สะท้อนถึงการกลับคืนสู่สถานการณ์ปกติหลังจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองสิ้นสุดลง โดยกลุ่มที่ขยายตัวในระดับสูงได้แก่ 1) ภูมิภาคอาเซียน (สัดส่วนร้อยละ 26.3) ขยายตัวร้อยละ 27.2 ต่อปี โดยมาจากมาเลเซียและสิงคโปร์เป็นหลัก 2) ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ (สัดส่วนร้อยละ 24.7) ขยายตัวที่ร้อยละ 20.2 ต่อปี โดยมาจากจีนสูงถึงร้อยละ 87.9 ต่อปี และ 3) ภูมิภาคตะวันออกกลาง (สัดส่วนร้อยละ 1.8) ขยายตัวที่ร้อยละ 32.1 ต่อปี
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือน ก.ค. 53 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 14.5 ต่อปี เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 14.3 ต่อปี เนื่องจากฐานการคำนวณต่ำในช่วงเดียวกันปีก่อน โดยคาดว่าการผลิตสินค้าสำคัญของไทย เช่น ยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า จะสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง ตามแนวโน้มการส่งออกสิงค้าทั้ง 2 หมวดที่ยังคงขยายตัวในระดับสูง ถึงแม้อัตราการขยายตัวจะชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้าก็ตาม
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th