ไตรมาสที่ 2 ปี 2553 (เม.ย.53-มิ.ย.53) ดุลบัญชีเงินทุนเกินดุล 3,222 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 1,297 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดุลการชำระเงินเกินดุล 4,926 ล้านดอลลาร์สหรัฐ1 สำหรับสาเหตุสำคัญของการเกินดุลบัญชีเงินทุน เนื่องจากมูลค่าการลงทุนโดยตรงปรับตัวสูงขึ้นมากจากไตรมาสก่อนหน้า จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การลงทุนโดยตรงของไทยในต่างประเทศลดลง
คาดว่าไตรมาสที่ 3 ปี 2553 (ก.ค.53-ก.ย.53) ดุลบัญชีเงินทุนเกินดุล 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยมีสาเหตุสำคัญมาจาก 1) นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อหลักทรัพย์ไทยทั้งในตราสารทุนและตราสารหนี้ในระดับสูง จากกระแสการไหลเข้าของเงินทุนสู่ภูมิภาคเอเชียรวมทั้งประเทศไทย การที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวแข็งแกร่ง และการคลี่คลายของปัญหาการเมืองไทย และ 2) การลงทุนโดยตรงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2
ไตรมาส 2 ปี 2553 (เม.ย.53-มิ.ย.53) ดุลบัญชีเงินทุนเกินดุล 3,222 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 1,297 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ดุลการชำระเงินเกินดุล 4,926 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับสาเหตุสำคัญของการเกินดุลบัญชีเงินทุนเกิดจาก มูลค่าการลงทุนโดยตรงปรับตัวสูงขึ้น จากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การลงทุนในต่างประเทศลดลง
1.1 สถานการณ์การลงทุนโดยตรง ไตรมาส 2 ปี 2553
การลงทุนโดยตรงสุทธิในไตรมาสที่ 2 ปี 2553 มีมูลค่า 1,542 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 365 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
การลงทุนโดยตรงในต่างประเทศมีมูลค่า 498 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมีเงินทุนไหลออกลดลงร้อยละ 46.2 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนสำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมีมูลค่า 2,040 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 62.2 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนโดยกลุ่มนักลงทุนสำคัญที่มีการลงทุนในประเทศ คือ นักลงทุนจากญี่ปุ่น ฮ่องกง และเนเธอร์แลนด์ โดยมีมูลค่า 522 150 และ 108 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ
1.2 สถานการณ์การลงทุนในหลักทรัพย์ไตรมาส 2 ปี 2553
การลงทุนในหลักทรัพย์สุทธิไตรมาสที่ 2 ปี 2553 มีเงินทุนไหลออกมูลค่า 681 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 81.9
การลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศมีเงินทุนไหลเข้า (การขายหลักทรัพย์ที่ลงทุนในต่างประเทศของนักลงทุนไทยและโอนเงินเข้าประเทศ) มูลค่า 613 ล้านดอลลาร์สหรัฐเปลี่ยนแปลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีเงินทุนไหลออก 4,827 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์จากต่างประเทศมีเงินทุนไหลออกมูลค่า 1,294 ล้านดอลลาร์สหรัฐเปลี่ยนแปลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเงินทุนไหลเข้า 1,057 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
การลงทุนในตราสารทุนจากต่างประเทศมีเงินทุนไหลออกมูลค่า 1,680 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เปลี่ยนแปลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเงินทุนไหลเข้า 1,139 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สาเหตุที่มีการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากการลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุนต่างชาติ หลังจากปัญหาเศรษฐกิจยุโรปรุนแรงขึ้น และปัญหาการเมืองของไทย สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้จากต่างประเทศ มีเงินทุนไหลเข้า 386 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่เป็นเงินทุนไหลออก 81.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพบว่า การซื้อขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2553 มีมูลค่า การขายสุทธิ 58,745 ล้านบาท สาเหตุที่มีการขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติเนื่องจากการลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุนต่างชาติ หลังจากปัญหาเศรษฐกิจยุโรปรุนแรงขึ้น และปัญหาการเมืองของไทย
1.3 สถานการณ์การลงทุนอื่น ๆ ไตรมาส 2 ปี 2553
การลงทุนอื่น ๆ สุทธิไตรมาสที่ 2 2553 มีเงินทุนไหลเข้า 2,362 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เปลี่ยนแปลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีเงินทุนไหลออก 26.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ เนื่องจากภาคธุรกิจอื่น ๆ ลดการถือครองสินทรัพย์ต่างประเทศและนำเงินกลับเพิ่มขึ้น
คาดว่าไตรมาสที่ 3 ปี 2553 ดุลบัญชีเงินทุนจะเกินดุลอยู่ที่ 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 100.2 ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจาก 1) นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อหลักทรัพย์ไทยทั้งในตราสารทุนและตราสารหนี้ในระดับสูง จากกระแสการไหลเข้าของเงินทุนสู่ภูมิภาคเอเชียรวมทั้งประเทศไทย การที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวแข็งแกร่ง และการคลี่คลายของปัญหาการเมืองไทย และ 2) การลงทุนโดยตรงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 2
คาดว่าการลงทุนโดยตรงสุทธิไตรมาสที่ 3 ปี 2553 มีมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 130 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศลดลง ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นในทิศทางเดียวกับมูลค่าการออกบัตรส่งเสริมการลงทุนของ BOI ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน
คาดว่าการลงทุนในตราสารทุนของชาวต่างชาติในไตรมาสที่ 3 ปี 2553 จะมีมูลค่าเงินทุนไหลเข้า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากข้อมูลการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่านักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อหลักทรัพย์ไทยทั้งในตราสารทุน และตราสารหนี้ในระดับสูง จากกระแสการไหลเข้าของเงินทุนสู่ภูมิภาคเอเชียรวมทั้งประเทศไทยการที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวแข็งแกร่ง และการคลี่คลายของปัญหาการเมืองไทย
สำหรับการลงทุนอื่น ๆ คาดว่ามีการไหลเข้า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 58.1 เนื่องจากการลดการถือครองสินทรัพย์ต่างประเทศ
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3665 : www.fpo.go.th