รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 23 กันยายน 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday September 23, 2010 10:56 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 23 กันยายน 2553

Summary:

1. ธปท. ระบุเงินบาททะลุ 30.70 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าตามภูมิภาคเหตุจากดอกเบี้ยสหรัฐต่ำต่อเนื่อง

2. สทท. ชี้รัฐบาลปฏิรูปอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 5 ปี ครองอาเซียน

3. ผู้ว่าการธนาคารญี่ปุ่นสนับสนุนรัฐบาลแทรกแซงค่าเงินเยน

Highlight:
1. ธปท. ระบุเงินบาททะลุ 30.70 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าตามภูมิภาคเหตุจากดอกเบี้ยสหรัฐต่ำต่อเนื่อง
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีค่าเงินบาทในวันนี้อยู่ในทิศทางที่แข็งค่าขึ้น เป็นการแข็งค่าตามภูมิภาค หลังการคาดการณ์ถึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อเนื่องของสหรัฐ ส่งผลให้มีเงินไหลออกจากสหรัฐมายังเอเชีย
  • สศค. วิเคราะห์ว่าตั้งแต่ต้นปี 2553 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ประมาณร้อยละ 6.45 (จาก 33.33 บาทเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 53 เป็น 31.18 บาทเมื่อวันที่ 6 ก.ย.53) โดยแข็งค่าขึ้นมากในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาที่กว่าร้อยละ 1.70 ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทเกิดจาก (1) ตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ดี โดย GDP 2/2553 ขยายตัวสูงกว่าคาดที่ร้อยละ 9.1 จากปีก่อน ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ทางการเมืองไม่มีผลต่อเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ (2) ดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account) 7 เดือนแรกที่เป็นบวกกว่า 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการส่งออกที่ขยายในอัตราที่สูงกว่าร้อยละ 34.4 จากปีก่อน (3) ดุลเงินทุน (Capital Account) 7 เดือนแรกที่เป็นบวกกว่า 11.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้น 3.2 พันล้านบาทและตลาดพันธบัตร 89 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับค่าเงินคู่ค้าสำคัญ (NEER) แข็งขึ้นร้อยละ 6.23 จากต้นปี
2. สทท. ชี้รัฐบาลปฏิรูปอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 5 ปี ครองอาเซียน
  • สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า ได้มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ที่สำคัญรวม 8 เรื่อง ได้แก่ 1) การเพิ่มศักยาภาพบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 2) ยกระดับความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ 3) เพิ่มบทบาทการส่งเสริมการตลาด สร้างความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 4) จัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฉบับภาคเอกชน 5) พัฒนา สทท.สู่การเป็นศูนย์กลางวิชาการและข้อมูลด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 6) เดินหน้าการมีส่วนร่วมปฎิรูปประเทศไทยตามพันธสัญญากับรัฐบาล 7) ส่งเสริมให้คนไทยภูมิใจในวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ของไทย และ 8) พัฒนาปรับปรุงระบบงานในสำนักงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายอีก 5 ปีข้างหน้า ไทยจะเป็น 1 ด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในอาเซียน
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวจะมีส่วนสำคัญในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันในด้านการท่องเที่ยวของไทยให้สามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ในภูมิภาค และทำให้เกิดการจากงานภาคบริการเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือน ส.ค. 53 มีจำนวน 1.25 ล้านคน ขยายตัวที่ร้อยละ 8.9 ต่อปี ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 14.2 ต่อปีและเมื่อพิจารณาเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังปรับผลทางฤดูกาล หดตัวที่ร้อยละ -2.0 ต่อเดือน อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคงขยายตัวได้ดีมาจากกลุ่มเอเชีย โดยเฉพาะจากเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ (มีสัดส่วนเป็นอันดับ 2 ที่ร้อยละ 24.7 จากนักท่องเที่ยวทั้งหมด) ขยายตัวที่ร้อยละ 19.5 ต่อปี จากการเดินทางเข้าของจีนสูงถึงร้อยละ 87.9 ต่อปี นอกจากนี้ อาเซียน เอเชียใต้ และภูมิภาคตะวันออกกลางมีการขยายตัวที่ร้อยละ 13.8 16.5 และ 27.6 ต่อปี ตามลำดับ
3. ผู้ว่าการธนาคารญี่ปุ่นสนับสนุนรัฐบาลแทรกแซงค่าเงินเยน
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นให้สัมภาษณ์ถึงการออกมาปกป้องมาตรการแทรกแซงของรัฐบาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อยับยั้งการแข็งของค่าเงินเยนที่สูงสุดในรอบ 15 ปี เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะทยอยอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในตลาด พร้อมเตือนถึงผลกระทบที่อาจเกิดต่อเศรษฐกิจที่เพิ่งฟื้นตัวและเปราะบางของญี่ปุ่น รัฐบาลญี่ปุ่นเริ่มแทรกแซงทางการเงินนับตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน เป็นต้นมา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2004 เพื่อยับยั้งค่าเงินเยนที่แข็งขึ้นเรื่อยๆจนแตะระดับ 82.86 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ
  • สศค. วิเคราะห์ว่า ค่าเงินเยนเริ่มแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือน พ.ค.53 จากระดับ 97.7 เยน/ดอลลาร์สหรัฐมาเป็น 82.9 เยน/ดอลล่าร์สหรัฐในเดือน ก.ย.53 ถ้าคิดตั้งแต่ต้นปีจะคิดเป็นการแข็งค่าขึ้นร้อยละ10.9 (%YTD) สาเหตุจากเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าลงทุนในเงินสกุลเยน เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเงินเยนเป็นแหล่งพักพิงที่ปลอดภัย (Safe Heaven) หลังตลาดเริ่มมีความกังวลในปัญหา Double dip ในสหรัฐฯ การเข้าแทรกแซงในครั้งนี้ส่งผลให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วสู่ระดับ 85.2 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ ช่วยผ่อนคลายผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับรายได้จากภาคส่งออกและเสริมสร้างบรรยากาศในการลงทุนให้ดีขึ้น

ที่มา: Macroeconomic Analysis Group:

Fiscal Policy Office Tel 02-273-9020 Ext 3665: www.fpo.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ