นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2553 เกี่ยวกับการดำเนินมาตรการผ่อนคลายระเบียบควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินเพื่อให้นิติบุคคลและบุคคลไทยสามารถไปลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้น โดยกระทรวงการคลังจะออกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง คำสั่งรัฐมนตรีให้ไว้แก่บุคคลรับอนุญาต (ฉบับที่ 8) และประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ 4) โดยมีสาระสำคัญสรุปได้เป็น 5 มาตรการ ดังนี้
1. ผ่อนคลายให้นิติบุคคลลงทุนหรือให้กู้ยืมแก่กิจการในเครือได้ไม่จำกัดจำนวน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติที่เจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินกำหนด
2. อนุญาตให้นิติบุคคลให้กู้ยืมแก่กิจการที่ไม่ใช่กิจการในเครือได้เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกินปีละ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
3. เพิ่มวงเงินที่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลในประเทศประสงค์จะโอนเงินไปซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนหรือที่พักอาศัยจากไม่เกิน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อรายต่อปี เป็นไม่เกิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อรายต่อปี
4. เพื่อให้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดามีความคล่องตัวในการซื้อเงินตราต่างประเทศเพื่อฝากไว้กับสถาบันการเงินในประเทศ ในบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ (Foreign Currency Deposit) จึงผ่อนคลายให้ ในกรณีที่ไม่มีภาระผูกพัน ให้มียอดคงค้างในบัญชีไม่เกิน 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติที่เจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินกำหนด
5. ขยายวงเงินค่าสินค้าส่งออกที่ไม่ต้องนำเงินเข้าประเทศจาก 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ หลังจากที่กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงการคลังทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวแล้ว
ธปท. ในฐานะเจ้าพนักงานควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินจะได้พิจารณาผ่อนคลายหลักเกณฑ์อื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศอื่น ๆ ได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น
การผ่อนคลายระเบียบควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความสมดุลระหว่างเงินทุนไหลเข้าและเงินทุนไหลออกให้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อความผันผวนของค่าเงินบาทได้อีกทางหนึ่ง
สำนักนโยบายระบบการเงินและสถาบันการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
โทร 0-2273-9020 ต่อ 3204, 3248
--ข่าวกระทรวงการคลัง กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สนง.ปลัดกระทรวงการคลัง ฉบับที่ 108/2553 23 กันยายน 53--