1. การปรับประมาณการเศรษฐกิจ ปี 2548: ขยายตัวร้อยละ 4.7 อัตราเงินเฟ้อเท่ากับร้อยละ 4.5 และดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลร้อยละ 1.8 ของ GDP
จากเศรษฐกิจในสามไตรมาสแรกที่ขยายตัวได้สูงกว่าที่คาดไว้เดิม ราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มลดลงและแรงกดดันเงินเฟ้อที่เริ่มลดลงในช่วงปลายปี ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวได้สูงกว่าที่คาดไว้เดิม และทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้นมากโดยที่ยังมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงปลายปีเมื่อพิจารณาจากผลการสำรวจความเชื่อมั่นนักธุรกิจในเรื่องคำสั่งซื้อใหม่ และการปรับตัวดีขึ้นของภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งแนวโน้มภาคเกษตรที่จะดีขึ้นมากในไตรมาสสุดท้ายของปี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมจึงปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2548 จากร้อยละ 3.8-4.3 ซึ่งแถลงข่าวเมื่อวันที่ 5 กันยายน ที่ผ่านมาเป็นร้อยละ 4.7 โดยเป็นการปรับเพิ่มทั้งอัตราการขยายตัวของการส่งออก การใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชน การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐที่มีการเบิกจ่ายได้สูงกว่าที่คาดไว้เดิม โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีจะเท่ากับร้อยละ 4.5 ดุลบัญชีเดินสะพัดเดินสะพัดจะขาดดุลประมาณ 3.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. หรือร้อยละ 1.8 ของ GDP และอัตราการว่างงานเท่ากับร้อยละ 1.9
เศรษฐกิจโลกในไตรมาสที่สามปี 2548 ขยายตัวเร่งขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ( NIEs) สหภาพยุโรป มาเลเซีย และสหรัฐอเมริกา จากการส่งออกที่ขยายตัวได้ดีขึ้นตามอุปสงค์สินค้าอิเล็กทริกนิกส์ในตลาดโลกและการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวเร่งขึ้นเป็นสำคัญ เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ขยายตัวเร่งขึ้นจากการบริโภคสินค้าคงทนและการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อฟื้นฟูความเสียหายจากพายุเฮอริเคน เศรษฐกิจญี่ปุ่น ยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยที่ภาคธุรกิจและภาคการเงินเริ่มปรับตัวดีขึ้น เศรษฐกิจจีน ยังคงขยายตัวในอัตราที่สูงที่ร้อยละ 9.2 ตามการส่งออกที่ขยายตัวได้สูง แม้ว่าชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามการลงทุนสินทรัพย์ถาวรที่ลดลง เศรษฐกิจอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ชะลอตัวลงตามการใช้จ่ายภาครัฐ และการส่งออกที่ชะลอตัวลง โดยภาพรวมแล้ว นับว่าเศรษฐกิจโลกขยายตัวเร่งขึ้นในไตรมาสที่สามปี 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับการขยายตัวในไตรมาสที่สอง แต่นับว่าเป็นแนวโน้มชะลอตัวลงจากการขยายตัวที่สูงในปี 2547
(ยังมีต่อ).../2.ประมาณการ..