แท็ก
อมารี
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2542 นายไพโรจน์ สุจินดา รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เป็นประธานในพิธีเปิดสัมมนา โครงการประเมินผลแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบทและการแก้ไขปัญหาความยากจนภายใต้ระบบ กนภ. ในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540 - 2544) ณ โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพมหานคร
ในการสัมมนาดังกล่าว นายไพโรจน์ สุจินดา ได้กล่าวบรรยายพิเศษ เรื่องแผนการพัฒนาชนบท : "แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบท จากแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 สู่วิกฤต" ว่า จากการที่ประเทศไทยต้องประสบกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินอย่างรุนแรงในช่วงปี พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นปีแรกของการดำเนินงานตามแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 นับว่าวิกฤตครั้งนี้มีความรุนแรงและส่งผลกระทบทั้งในเมืองโดยเฉพาะภาคธุรกิจการเงินแล้ว ยังส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อไปยังภูมิภาคและชนบทโดยเฉพาะด้านแรงงานและรายได้ ซึ่งทำให้ผู้ที่เป็นแรงงานซึ่งเคยอพยพจากชนบทจำนวนมากจำเป็นต้องอพยพกลับคืนสู่ถิ่นฐานในชนบทอีกครั้ง
รองเลขาธิการ สศช. กล่าวว่า แม้ว่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้จะส่งผลในทางลบหลายประการ แต่ก็มีส่วนที่ดีสำหรับการพัฒนาชนบทหลายประการด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะได้สร้างความสนใจแนวคิดการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมโดยหน่วยงานต่าง ๆ ยอมรับและให้ความสำคัญในการกำหนดแนวทางการสร้างเวทีการพัฒนาระดับต่าง ๆ ในรูปของประชาคม หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด รวมทั้งการวางกลไกและมาตรการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ การติดตามตรวจสอบ และการจัดงบประมาณตรงไปให้ประชาชนในชุมชนช่วยคิดและตัดสินใจ ซึ่งเป็นส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวได้ในระดับหนึ่ง
รองเลขาธิการ สศช. กล่าวต่อไปว่า ดังนั้น เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจที่ประเทศไทยเผชิญอยู่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จึงได้ดำเนินการปรับแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน และคณะรัฐมนตรี ได้มีมติให้คณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น (กนภ.) ซึ่ง สศช. เป็นฝ่ายเลขานุการ รับผิดชอบการวางแผนเพื่อบรรเทาผลกระทบด้านคนและสังคม โดยกำหนดให้จัดทำ "แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมชนบท" เพื่อเป็นกรอบดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์คือ
1) เพื่อบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้าจากความเดือดร้อนของการว่างงาน
2) เพื่อใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมในชนบทให้แข็งแกร่ง
3) เพื่อระดมทุนทางสังคมในการเสริมสร้างชุมชนให้มีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืนและเป็นรากฐานของสังคม รวมทั้งเป็นที่พึ่งให้กับทุกภาคส่วนในระยะยาว
นายไพโรจน์ สุจินดา กล่าวว่า นอกจากนี้ เพื่อให้การดำเนินงานพัฒนาชนบทเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมาย สศช. จึงได้ให้มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ หรือทีดีอาร์ไอ ดำเนินโครงการศึกษาและประเมินผลแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบทและการแก้ไขปัญหาความยากจนภายใต้ระบบ กนภ. ในช่วงเริ่มดำเนินงานตามแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 จนถึงปัจจุบันนี้ด้วย โดยมีระยะเวลาการศึกษาทั้งสิ้น 11 เดือน ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2542 และได้สิ้นสุดในเดือนเมษายน 2543 ที่ผ่านมา โดยโครงการศึกษาดังกล่าวได้กำหนดขอบเขตการศึกษาไว้ 4 ประการ ได้แก่
1. เพื่อศึกษาภาพรวมของงานและงบประมาณการพัฒนาชนบทของแผนงานต่าง ๆ ภายใต้ระบบ กนภ. โดยเน้นศึกษางบประมาณของกระทรวงหลักและงบประมาณที่มาสนับสนุนการแก้ไขและบรรเทาปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ
2. เพื่อทบทวนและศึกษาระบบบริหารงานพัฒนาชนบทภายใต้ระบบ กนภ. ในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 โดยเฉพาะแนวทางการจัดทำแผนงานของกระทรวงหลักและโครงการพัฒนาตำบล แนวทางและลักษณะโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารงานขององค์กรใหม่ ๆ เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล
3. การศึกษาเพื่อติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานด้านการพัฒนาชนบทของหน่วยงานหลักภายใต้ระบบ กนภ. โดยรวม และการศึกษาสภาพการปฏิบัติงานภาคสนามในพื้นที่ที่เลือกเป็นตัวอย่าง
4. เสนอแนะแนวทางการปรับปรุงระบบการบริหารงานพัฒนาชนบทภายใต้ระบบ กนภ. โดยเน้นการสร้างระบบที่สามารถตอบสนองความต้องการแก้ไขปัญหาของประชาชนในชนบทและการฟื้นฟูชนบทจากวิกฤตที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
--ข่าวการพัฒนา กองศึกษาและเผยแพร่การพัฒนา สนง.คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปีที่ 16 ฉบับที่ 7/กรกฎาคม 2542--
ในการสัมมนาดังกล่าว นายไพโรจน์ สุจินดา ได้กล่าวบรรยายพิเศษ เรื่องแผนการพัฒนาชนบท : "แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบท จากแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 สู่วิกฤต" ว่า จากการที่ประเทศไทยต้องประสบกับปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินอย่างรุนแรงในช่วงปี พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นปีแรกของการดำเนินงานตามแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 นับว่าวิกฤตครั้งนี้มีความรุนแรงและส่งผลกระทบทั้งในเมืองโดยเฉพาะภาคธุรกิจการเงินแล้ว ยังส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อไปยังภูมิภาคและชนบทโดยเฉพาะด้านแรงงานและรายได้ ซึ่งทำให้ผู้ที่เป็นแรงงานซึ่งเคยอพยพจากชนบทจำนวนมากจำเป็นต้องอพยพกลับคืนสู่ถิ่นฐานในชนบทอีกครั้ง
รองเลขาธิการ สศช. กล่าวว่า แม้ว่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้จะส่งผลในทางลบหลายประการ แต่ก็มีส่วนที่ดีสำหรับการพัฒนาชนบทหลายประการด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะได้สร้างความสนใจแนวคิดการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมโดยหน่วยงานต่าง ๆ ยอมรับและให้ความสำคัญในการกำหนดแนวทางการสร้างเวทีการพัฒนาระดับต่าง ๆ ในรูปของประชาคม หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัด รวมทั้งการวางกลไกและมาตรการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ การติดตามตรวจสอบ และการจัดงบประมาณตรงไปให้ประชาชนในชุมชนช่วยคิดและตัดสินใจ ซึ่งเป็นส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวได้ในระดับหนึ่ง
รองเลขาธิการ สศช. กล่าวต่อไปว่า ดังนั้น เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจที่ประเทศไทยเผชิญอยู่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จึงได้ดำเนินการปรับแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน และคณะรัฐมนตรี ได้มีมติให้คณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น (กนภ.) ซึ่ง สศช. เป็นฝ่ายเลขานุการ รับผิดชอบการวางแผนเพื่อบรรเทาผลกระทบด้านคนและสังคม โดยกำหนดให้จัดทำ "แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมชนบท" เพื่อเป็นกรอบดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์คือ
1) เพื่อบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้าจากความเดือดร้อนของการว่างงาน
2) เพื่อใช้วิกฤตให้เป็นโอกาสในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมในชนบทให้แข็งแกร่ง
3) เพื่อระดมทุนทางสังคมในการเสริมสร้างชุมชนให้มีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืนและเป็นรากฐานของสังคม รวมทั้งเป็นที่พึ่งให้กับทุกภาคส่วนในระยะยาว
นายไพโรจน์ สุจินดา กล่าวว่า นอกจากนี้ เพื่อให้การดำเนินงานพัฒนาชนบทเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมาย สศช. จึงได้ให้มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ หรือทีดีอาร์ไอ ดำเนินโครงการศึกษาและประเมินผลแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบทและการแก้ไขปัญหาความยากจนภายใต้ระบบ กนภ. ในช่วงเริ่มดำเนินงานตามแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 จนถึงปัจจุบันนี้ด้วย โดยมีระยะเวลาการศึกษาทั้งสิ้น 11 เดือน ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2542 และได้สิ้นสุดในเดือนเมษายน 2543 ที่ผ่านมา โดยโครงการศึกษาดังกล่าวได้กำหนดขอบเขตการศึกษาไว้ 4 ประการ ได้แก่
1. เพื่อศึกษาภาพรวมของงานและงบประมาณการพัฒนาชนบทของแผนงานต่าง ๆ ภายใต้ระบบ กนภ. โดยเน้นศึกษางบประมาณของกระทรวงหลักและงบประมาณที่มาสนับสนุนการแก้ไขและบรรเทาปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ
2. เพื่อทบทวนและศึกษาระบบบริหารงานพัฒนาชนบทภายใต้ระบบ กนภ. ในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 โดยเฉพาะแนวทางการจัดทำแผนงานของกระทรวงหลักและโครงการพัฒนาตำบล แนวทางและลักษณะโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารงานขององค์กรใหม่ ๆ เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล
3. การศึกษาเพื่อติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินงานด้านการพัฒนาชนบทของหน่วยงานหลักภายใต้ระบบ กนภ. โดยรวม และการศึกษาสภาพการปฏิบัติงานภาคสนามในพื้นที่ที่เลือกเป็นตัวอย่าง
4. เสนอแนะแนวทางการปรับปรุงระบบการบริหารงานพัฒนาชนบทภายใต้ระบบ กนภ. โดยเน้นการสร้างระบบที่สามารถตอบสนองความต้องการแก้ไขปัญหาของประชาชนในชนบทและการฟื้นฟูชนบทจากวิกฤตที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
--ข่าวการพัฒนา กองศึกษาและเผยแพร่การพัฒนา สนง.คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปีที่ 16 ฉบับที่ 7/กรกฎาคม 2542--