เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น (กนภ.) ณ ห้องประชุมสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ที่ประชุมได้รับทราบและมีมติเห็นชอบในเรื่องสำคัญ ๆ 3 เรื่อง สรุปได้ดังนี้
1. แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน ตามที่ กนภ.ได้มอบหมายให้ สศช.ดำเนินการจัดทำแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ด้าน คือ สหสภาพพม่า, สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, กัมพูชา และมาเลเซีย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวบริเวณชายแดน ตลอดจนเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่เป็นข้อจำกัดในการขยายตัวทางเศรษฐกิจนั้น
ผลจากการศึกษาสภาพข้อเท็จจริงในพื้นที่ได้พบว่ามูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2536 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มโครงการความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือ เหลี่ยมเศรษฐกิจ ระหว่างปี 2536-2540 มูลค่าการค้าชายแดนได้เพิ่มสูงขึ้นกว่า 75% โดยในปี 2540 มีมูลค่าถึง 210,000 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าการค้าชายแดนที่แท้จริงมีมากกว่าตัวเลขทางการกว่า 3 เท่าตัว จึงเห็นได้ว่าการค้าชายแดนมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ไทยและประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้กำลังเผชิญอยู่
อย่างไรก็ตามปัญหาการค้าและการลงทุนในพื้นที่ชายแดนทั้ง 4 ด้าน ยังมีปัญหาอุปสรรคและข้อจำกัดอยู่หลายประการ อาทิ ด้านกฎระเบียบข้อตกลงต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าการลงทุน การขาดระเบียบของชุมชนบริเวณชายแดน การขาดสิ่งอำนวยความสะดวกโครงสร้างขั้นพื้นฐานต่าง ๆ รวมทั้งปัญหาความมั่นคงปลอดภัยบริเวณชายแดนตลอดจนความจำเป็นที่ต้องยกระดับจุดค้าขายที่เป็นจุดผ่อนปรนให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร เป็นต้น
ซึ่งที่ประชุมมีมติดังต่อไปนี้
1) รับทราบผลการจัดทำแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนตามที่ฝ่ายเลขานุการนำเสนอพร้อมทั้งเห็นชอบในข้อเสนอแนวทางการดำเนินงานในขั้นตอนต่อไป ดังนี้
1.1 ให้หน่วยงานและกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาอุปสรรคและข้อจำกัดของการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกระทรวงอุตสาหกรรม รับข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาอุปสรรค และข้อจำกัดดังกล่าวไปพิจารณาหาข้อยุติโดยเร็วต่อไป
1.2 ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานกับหน่วยงานเจ้าของเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดของการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนตามข้อ 1.1 เพื่อติดตามผลการพิจารณาข้อยุติและให้นำเสนอคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง อันได้แก่ คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ คณะกรรมการ กรอ. คณะกรรมการ กนภ. และคณะกรรมการประสานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านตามความเหมาะสม
1.3 โครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นโครงการขนาดกลางและขนาดใหญ่ จำนวน 5 โครงการ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณาบรรจุโครงการดังกล่าวไว้ในแผนงานปกติในปีงบประมาณ 2543 หรือพิจารณาสนับสนุนงบประมาณในปี 2542 ต่อไป
2) เห็นควรให้การสนับสนุนโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานในระยะเร่งด่วนจำนวน 28 โครงการ วงเงิน 110.48 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังจะพิจารณาจัดสรรงบประมาณสนับสนุนจากงบกลางผ่านกองทุนเพื่อกระจายการผลิตและการจ้างงานไปสู่ภูมิภาค ภายในปีงบประมาณ 2541
2. การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณโครงการพัฒนาระดับจังหวัดสำหรับปีงบประมาณ 2542 ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการของกระทรวงต่าง ๆ ที่ดำเนินการในระดับจังหวัดภายใต้ระบบ กนภ. จำนวนทั้งสิ้น 92,500 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยงบประมาณทั้งหมดนี้จะมุ่งไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบท การสร้างงานและรายได้ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่จำเป็นในระดับชุมชนและหมู่บ้าน อันจะมีส่วนช่วยบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจได้เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติยังพบว่าโครงการต่าง ๆ ที่ดำเนินการโดยหน่วยงานต่าง ๆ ยังกระจัดกระจายและแยกกันดำเนินการในระดับพื้นที่ ดังนั้นคณะกรรมการ กนภ. จึงมีมติเห็นชอบให้ทุกจังหวัดได้มีการนำโครงการที่จะดำเนินการในปี 2542 ได้มีการบูรณาการกันทั้งงบประมาณ บุคลากรและกลุ่มเป้าหมายประชาชนที่จะได้รับประโยชน์ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการประหยัดงบประมาณและกำลังคน ตลอดจนลดความสับสนระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของภาครัฐลงได้ ทั้งนี้ในขั้นตอนการปฏิบัติเห็นควรให้ดำเนินการดังนี้
1) ให้ 8 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย ศึกษาธิการ สาธารณสุข เกษตรและสหกรณ์ พาณิชย์ อุตสาหกรรม แรงงานและสวัสดิการสังคม กลาโหม และ 2 หน่วยงานเสริม คือ การกีฬาแห่งประเทศไทย และสำนักงานอัยการสูงสุด ที่มีโครงการพัฒนาระดับจังหวัดภายใต้ระบบ กนภ. ให้การสนับสนุนหน่วยงานรับผิดชอบโครงการในระดับจังหวัด ที่จะนำโครงการมาบูรณาการด้วยกันตามวัตถุประสงค์และขั้นตอนดำเนินการ
2) ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการเสริมสร้างความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่ 8 กระทรวงหลัก และ 2 หน่วยงานเสริม ทั้งในส่วนกลางและในส่วนภูมิภาค เพื่อสร้างความเข้าใจในแนวทางการบูรณาการงบประมาณโครงการพัฒนาระดับจังหวัดเข้าด้วยกัน พร้อมทั้งกำหนดแนวทางและกำกับการดำเนินการในทุกจังหวัด
3) ให้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีบทบาทร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำกับและติดตามผลการดำเนินงานในเรื่องนี้ ทั้งนี้ เพื่อให้การบูรณาการงบประมาณและโครงการพัฒนาระดับจังหวัดบรรลุตามวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ
3. แนวทางการประสานและดำเนินการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน ตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมชนบท ซึ่งคณะกรรมการ กนภ. ได้ให้ความเห็นชอบในกรอบการดำเนินการงานดังกล่าวไปแล้ว โดยมีการดำเนินการทั้งการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ที่เกี่ยวข้องกับผู้ว่างงานในชนบท และการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนซึ่งจะเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ทั้งนี้ในการบรรเทาปัญหาการว่างงานในระยะสั้นรัฐบาลได้ระดมทรัพยากรมาสนับสนุนการดำเนินงาน ได้แก่ เงินกู้เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อคนและสังคม และการปรับโครงสร้างทางสังคมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางสังคมทั้งทางด้านการศึกษา สาธารณสุข และสวัสดิการสังคม นอกเหนือจากนี้ คณะรัฐมนตรี ยังมีมติเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2541 ให้จัดสรรงบประมาณคืนให้กระทรวงต่าง ๆ เพื่อใช้ในการบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจจำนวน 30,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลต่อการบรรเทาปัญหาการว่างงานได้ในเร็ววันนี้
สำหรับการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน ซึ่งมีหลายฝ่ายเข้ามาร่วมดำเนินการทั้งภาครัฐและเอกชนรวมทั้งองค์กรพัฒนาเอกชน คณะกรรมการ กนภ. ได้มีมติเห็นชอบในแนวทางการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนา โดยให้เริ่มดำเนินการในพื้นที่อำเภอเป้าหมาย 63 อำเภอ ที่มีปัญหาการว่างงานมาก ปัญหาภัยแล้ง และเป็นอำเภอที่มีระดับการพัฒนาไม่สูงนัก ขณะเดียวกันก็กำหนดให้อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลกและอำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคามเป็นอำเภอที่จะเป็นแม่แบบในการดำเนินการเพื่อเป็นตัวอย่างของการเรียนรู้การสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนา เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับการดำเนินการในระยะต่อ ๆ ไป
นอกเหนือจากนี้ที่ประชุมยังมอบหมายให้หน่วยงาน 8 กระทรวงหลักภายใต้ระบบ กนภ. ที่รับผิดชอบโครงการที่สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2542 จำนวน 80 โครงการให้ความสำคัญกับพื้นที่เป้าหมาย 63 อำเภอ เพื่อเร่งรัดการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันอีกทางหนึ่ง ตลอดจนเห็นควรขอรับการสนับสนุนทางด้านงบประมาณจากโครงการพัฒนาตำบล เพื่อดำเนินการเสริมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่เป้าหมายตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมชนบทให้ครบถ้วน 252 อำเภอ ในปีงบประมาณ 2542 ด้วย
--ข่าวการพัฒนา กองศึกษาและเผยแพร่การพัฒนา สนง.คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปีที่ 15 ฉบับที่ 9/กันยายน 2541--
1. แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน ตามที่ กนภ.ได้มอบหมายให้ สศช.ดำเนินการจัดทำแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ด้าน คือ สหสภาพพม่า, สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว, กัมพูชา และมาเลเซีย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวบริเวณชายแดน ตลอดจนเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่เป็นข้อจำกัดในการขยายตัวทางเศรษฐกิจนั้น
ผลจากการศึกษาสภาพข้อเท็จจริงในพื้นที่ได้พบว่ามูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2536 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มโครงการความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือ เหลี่ยมเศรษฐกิจ ระหว่างปี 2536-2540 มูลค่าการค้าชายแดนได้เพิ่มสูงขึ้นกว่า 75% โดยในปี 2540 มีมูลค่าถึง 210,000 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าการค้าชายแดนที่แท้จริงมีมากกว่าตัวเลขทางการกว่า 3 เท่าตัว จึงเห็นได้ว่าการค้าชายแดนมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจที่ไทยและประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้กำลังเผชิญอยู่
อย่างไรก็ตามปัญหาการค้าและการลงทุนในพื้นที่ชายแดนทั้ง 4 ด้าน ยังมีปัญหาอุปสรรคและข้อจำกัดอยู่หลายประการ อาทิ ด้านกฎระเบียบข้อตกลงต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าการลงทุน การขาดระเบียบของชุมชนบริเวณชายแดน การขาดสิ่งอำนวยความสะดวกโครงสร้างขั้นพื้นฐานต่าง ๆ รวมทั้งปัญหาความมั่นคงปลอดภัยบริเวณชายแดนตลอดจนความจำเป็นที่ต้องยกระดับจุดค้าขายที่เป็นจุดผ่อนปรนให้เป็นจุดผ่านแดนถาวร เป็นต้น
ซึ่งที่ประชุมมีมติดังต่อไปนี้
1) รับทราบผลการจัดทำแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนตามที่ฝ่ายเลขานุการนำเสนอพร้อมทั้งเห็นชอบในข้อเสนอแนวทางการดำเนินงานในขั้นตอนต่อไป ดังนี้
1.1 ให้หน่วยงานและกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาอุปสรรคและข้อจำกัดของการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดน ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงกลาโหม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกระทรวงอุตสาหกรรม รับข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาอุปสรรค และข้อจำกัดดังกล่าวไปพิจารณาหาข้อยุติโดยเร็วต่อไป
1.2 ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานกับหน่วยงานเจ้าของเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดของการพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนตามข้อ 1.1 เพื่อติดตามผลการพิจารณาข้อยุติและให้นำเสนอคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง อันได้แก่ คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ คณะกรรมการ กรอ. คณะกรรมการ กนภ. และคณะกรรมการประสานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านตามความเหมาะสม
1.3 โครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นโครงการขนาดกลางและขนาดใหญ่ จำนวน 5 โครงการ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณาบรรจุโครงการดังกล่าวไว้ในแผนงานปกติในปีงบประมาณ 2543 หรือพิจารณาสนับสนุนงบประมาณในปี 2542 ต่อไป
2) เห็นควรให้การสนับสนุนโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานในระยะเร่งด่วนจำนวน 28 โครงการ วงเงิน 110.48 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังจะพิจารณาจัดสรรงบประมาณสนับสนุนจากงบกลางผ่านกองทุนเพื่อกระจายการผลิตและการจ้างงานไปสู่ภูมิภาค ภายในปีงบประมาณ 2541
2. การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณโครงการพัฒนาระดับจังหวัดสำหรับปีงบประมาณ 2542 ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการของกระทรวงต่าง ๆ ที่ดำเนินการในระดับจังหวัดภายใต้ระบบ กนภ. จำนวนทั้งสิ้น 92,500 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยงบประมาณทั้งหมดนี้จะมุ่งไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบท การสร้างงานและรายได้ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่จำเป็นในระดับชุมชนและหมู่บ้าน อันจะมีส่วนช่วยบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจได้เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติยังพบว่าโครงการต่าง ๆ ที่ดำเนินการโดยหน่วยงานต่าง ๆ ยังกระจัดกระจายและแยกกันดำเนินการในระดับพื้นที่ ดังนั้นคณะกรรมการ กนภ. จึงมีมติเห็นชอบให้ทุกจังหวัดได้มีการนำโครงการที่จะดำเนินการในปี 2542 ได้มีการบูรณาการกันทั้งงบประมาณ บุคลากรและกลุ่มเป้าหมายประชาชนที่จะได้รับประโยชน์ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการประหยัดงบประมาณและกำลังคน ตลอดจนลดความสับสนระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของภาครัฐลงได้ ทั้งนี้ในขั้นตอนการปฏิบัติเห็นควรให้ดำเนินการดังนี้
1) ให้ 8 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย ศึกษาธิการ สาธารณสุข เกษตรและสหกรณ์ พาณิชย์ อุตสาหกรรม แรงงานและสวัสดิการสังคม กลาโหม และ 2 หน่วยงานเสริม คือ การกีฬาแห่งประเทศไทย และสำนักงานอัยการสูงสุด ที่มีโครงการพัฒนาระดับจังหวัดภายใต้ระบบ กนภ. ให้การสนับสนุนหน่วยงานรับผิดชอบโครงการในระดับจังหวัด ที่จะนำโครงการมาบูรณาการด้วยกันตามวัตถุประสงค์และขั้นตอนดำเนินการ
2) ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการเสริมสร้างความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่ 8 กระทรวงหลัก และ 2 หน่วยงานเสริม ทั้งในส่วนกลางและในส่วนภูมิภาค เพื่อสร้างความเข้าใจในแนวทางการบูรณาการงบประมาณโครงการพัฒนาระดับจังหวัดเข้าด้วยกัน พร้อมทั้งกำหนดแนวทางและกำกับการดำเนินการในทุกจังหวัด
3) ให้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีบทบาทร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำกับและติดตามผลการดำเนินงานในเรื่องนี้ ทั้งนี้ เพื่อให้การบูรณาการงบประมาณและโครงการพัฒนาระดับจังหวัดบรรลุตามวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ
3. แนวทางการประสานและดำเนินการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชน ตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมชนบท ซึ่งคณะกรรมการ กนภ. ได้ให้ความเห็นชอบในกรอบการดำเนินการงานดังกล่าวไปแล้ว โดยมีการดำเนินการทั้งการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ที่เกี่ยวข้องกับผู้ว่างงานในชนบท และการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนซึ่งจะเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ทั้งนี้ในการบรรเทาปัญหาการว่างงานในระยะสั้นรัฐบาลได้ระดมทรัพยากรมาสนับสนุนการดำเนินงาน ได้แก่ เงินกู้เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อคนและสังคม และการปรับโครงสร้างทางสังคมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางสังคมทั้งทางด้านการศึกษา สาธารณสุข และสวัสดิการสังคม นอกเหนือจากนี้ คณะรัฐมนตรี ยังมีมติเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2541 ให้จัดสรรงบประมาณคืนให้กระทรวงต่าง ๆ เพื่อใช้ในการบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจจำนวน 30,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลต่อการบรรเทาปัญหาการว่างงานได้ในเร็ววันนี้
สำหรับการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน ซึ่งมีหลายฝ่ายเข้ามาร่วมดำเนินการทั้งภาครัฐและเอกชนรวมทั้งองค์กรพัฒนาเอกชน คณะกรรมการ กนภ. ได้มีมติเห็นชอบในแนวทางการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนา โดยให้เริ่มดำเนินการในพื้นที่อำเภอเป้าหมาย 63 อำเภอ ที่มีปัญหาการว่างงานมาก ปัญหาภัยแล้ง และเป็นอำเภอที่มีระดับการพัฒนาไม่สูงนัก ขณะเดียวกันก็กำหนดให้อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลกและอำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคามเป็นอำเภอที่จะเป็นแม่แบบในการดำเนินการเพื่อเป็นตัวอย่างของการเรียนรู้การสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนา เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับการดำเนินการในระยะต่อ ๆ ไป
นอกเหนือจากนี้ที่ประชุมยังมอบหมายให้หน่วยงาน 8 กระทรวงหลักภายใต้ระบบ กนภ. ที่รับผิดชอบโครงการที่สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2542 จำนวน 80 โครงการให้ความสำคัญกับพื้นที่เป้าหมาย 63 อำเภอ เพื่อเร่งรัดการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันอีกทางหนึ่ง ตลอดจนเห็นควรขอรับการสนับสนุนทางด้านงบประมาณจากโครงการพัฒนาตำบล เพื่อดำเนินการเสริมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่เป้าหมายตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมชนบทให้ครบถ้วน 252 อำเภอ ในปีงบประมาณ 2542 ด้วย
--ข่าวการพัฒนา กองศึกษาและเผยแพร่การพัฒนา สนง.คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปีที่ 15 ฉบับที่ 9/กันยายน 2541--