เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2543 นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการนโยบายสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2543 ณ ห้องประชุม ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบกับแนวทางการส่งเสริมการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพย์ติดโดยชุมชน โดยปรับแนวคิดและทัศนคติของหน่วยงานภาครัฐ และให้ถือว่าประชาชนและชุมชน คือศูนย์กลางการแก้ไขปัญหา หน่วยงานภาครัฐเป็นเพียงผู้สนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินงานของชุมชน ทั้งนี้ ได้มีการกำหนดบทบาทและภารกิจของหน่วยงานรัฐและองค์กรพัฒนาเอกชน/ชุมชน และภาคีการพัฒนาให้ชัดเจน สรุปได้ดังนี้
1. ภาครัฐและองค์กรพัฒนาเอกชน ควรมีบทบาทในฐานะที่เป็นผู้กระตุ้นให้ชุมชนตระหนักถึงความสำคัญและผลกระทบของปัญหายาเสพย์ติด และเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการแก้ไขปัญหา
2. ชุมชน ควรมีบทบาทในฐานะเจ้าของปัญหาเป็นผู้ดำเนินงานในการแก้ไขปัญหา และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานและภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้อง
3. ภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะครอบครัว วัด โรงเรียน ภาคธุรกิจ เอกชน และสื่อมวลชน ควรมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานของชุมชนในด้านต่าง ๆ รวมทั้งเป็นการกระตุ้นและติดตามตรวจสอบการดำเนินงานด้านการแก้ไขปัญหายาเสพย์ติด
สำหรับแนวทางที่ใช้ในการส่งเสริมบทบาทชุมชนนั้น ได้กำหนดให้ "การขยายเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพย์ติด" เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในดำเนินงาน ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) และกระทรวงมหาดไทย ประสานงานกับองค์กรพัฒนาเอกชนและองค์กรชุมชนที่เกี่ยวข้อง กำหนดเป้าหมายในการขยายเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติดย์ในระยะ 5 ปี โดยสนับสนุนให้ชุมชนที่มีความเข้มแข็งและประสพผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหายาเสพย์ติดเป็นแกนหลักในการขยายเครือข่ายการดำเนินงาน และการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เพิ่มขึ้น ตลอดจนจัดทำคู่มือการแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพย์ติดโดยชุมชนและจัดทำแผนสนับสนุน ส่งเสริม และประสานงานองค์กรชุมชนในการแก้ไขปัญหายาเสพย์ติด รวมทั้งปรับปรุงการบริหารงบประมาณเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหายาเสพย์ติดโดยชุมชนด้วย
-ข่าวการพัฒนา กองศึกษาและเผยแพร่การพัฒนา สนง.คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปีที่ 17 ฉบับที่ 5/พฤษภาคม 2543--
-สส-
ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบกับแนวทางการส่งเสริมการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพย์ติดโดยชุมชน โดยปรับแนวคิดและทัศนคติของหน่วยงานภาครัฐ และให้ถือว่าประชาชนและชุมชน คือศูนย์กลางการแก้ไขปัญหา หน่วยงานภาครัฐเป็นเพียงผู้สนับสนุนและส่งเสริมการดำเนินงานของชุมชน ทั้งนี้ ได้มีการกำหนดบทบาทและภารกิจของหน่วยงานรัฐและองค์กรพัฒนาเอกชน/ชุมชน และภาคีการพัฒนาให้ชัดเจน สรุปได้ดังนี้
1. ภาครัฐและองค์กรพัฒนาเอกชน ควรมีบทบาทในฐานะที่เป็นผู้กระตุ้นให้ชุมชนตระหนักถึงความสำคัญและผลกระทบของปัญหายาเสพย์ติด และเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการแก้ไขปัญหา
2. ชุมชน ควรมีบทบาทในฐานะเจ้าของปัญหาเป็นผู้ดำเนินงานในการแก้ไขปัญหา และประสานความร่วมมือกับหน่วยงานและภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้อง
3. ภาคีการพัฒนาที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะครอบครัว วัด โรงเรียน ภาคธุรกิจ เอกชน และสื่อมวลชน ควรมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานของชุมชนในด้านต่าง ๆ รวมทั้งเป็นการกระตุ้นและติดตามตรวจสอบการดำเนินงานด้านการแก้ไขปัญหายาเสพย์ติด
สำหรับแนวทางที่ใช้ในการส่งเสริมบทบาทชุมชนนั้น ได้กำหนดให้ "การขยายเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพย์ติด" เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในดำเนินงาน ทั้งนี้ได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) และกระทรวงมหาดไทย ประสานงานกับองค์กรพัฒนาเอกชนและองค์กรชุมชนที่เกี่ยวข้อง กำหนดเป้าหมายในการขยายเครือข่ายองค์กรชุมชนเพื่อป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติดย์ในระยะ 5 ปี โดยสนับสนุนให้ชุมชนที่มีความเข้มแข็งและประสพผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหายาเสพย์ติดเป็นแกนหลักในการขยายเครือข่ายการดำเนินงาน และการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เพิ่มขึ้น ตลอดจนจัดทำคู่มือการแก้ไขและป้องกันปัญหายาเสพย์ติดโดยชุมชนและจัดทำแผนสนับสนุน ส่งเสริม และประสานงานองค์กรชุมชนในการแก้ไขปัญหายาเสพย์ติด รวมทั้งปรับปรุงการบริหารงบประมาณเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหายาเสพย์ติดโดยชุมชนด้วย
-ข่าวการพัฒนา กองศึกษาและเผยแพร่การพัฒนา สนง.คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปีที่ 17 ฉบับที่ 5/พฤษภาคม 2543--
-สส-