แท็ก
GDP
การขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจโดยรวมวัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมมสนประเทศ(GDP)รายไตรมาสพบว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มขยายตัวได้ด้วยอัตราร้อยละ 0.2 ในไตรมาสแรกปี 2542 และขยายตัวต่อเนื่องด้วยอัตราร้อยละ 2.6 ร้อยละ 7.4 และร้อยละ 6.5 ในสามไตรมาสหลังตามลำดับ
สำหรับเศรษฐกิจโดยรวมในช่วไตรมาสที่ 1 ของปี 2543 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกที่กระตุ้นการพื้นตัวที่สำคัญได้แก่ (1)ภาวะการส่งออกที่ขายาตัวได้ดีมากในช่วงไตรมาสแรก (2) ภาวะการใช้จ่ายของครัวเรือนที่ยังคงเพิ่มขึ้น (3) ภาวะการลงทุนใหม่ขอภาคเอกชนที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัว (4) ภาครัฐยังคงใช้ต่อเนื่อง และ (5) อัตราการว่างงานลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้วคือ มีจำนวนผู้ว่างงาน 1.54 ล้านคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงานเป็นร้อยละ 4.7 ลดลงจ่าการว่างงาน 1.72 ล้านคนของปีที่แล้ว หรือคิดเป็นอัตราการว่างงานเป็นร้อยละ 5.2 นอกจากนี้จำนวนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมก็เพิ่มขึ้นสำหรับการขยายตัวของเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจโดยรวมที่สำคัญมีดังนี้
- การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนที่ปรับฤดูกาลแล้วยังคงชี้ถึงแนวโน้มการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นโดยปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 99.6 เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 98.7 ในไตรมาสแรกปีทีแล้วหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในอัตราร้อยละ 0.9 แต่เป็นระดับที่ต่ำกว่าในไตรมาสสุดท้ายปี 2542 ซึ่งสะท้อนให้เห็นนว่าโดยภาพรวมการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคยังขยายตัวได้ไม่มาก เป็นแต่เพียงการปรับตัวขึ้นอย่างช้าๆ จากปีก่อน เครรื่องชี้การใช้จ่ายที่ขยายตัวสูงประกอบด้วย ยอดขายรถยนต์ ยอดขายรถจักรยานยนต์ ยอดขายห้างสรรพสินค้า รายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มของรัฐบาล และมูลค่าการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งขยายตัวจากไตรมาสแรกปี 2542 ในอัราร้อยละ51.2 ร้อยละ 68.8 ร้อยละ 5.5 ร้อยละ 18.5 และร้อยละ20.2 ตามลำดับ
- การลงทุนภาคเอกชน มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ครึ่งหลังปีที่แล้วโดยเฉพาะการลงทุนในเครื่องจักรอุปกรณ์ดังจะเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของการนำเข้าสินค้าทุนร้อยละ 5.8 ในไตรมาสแรกนี้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของการส่งออกและการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นของการใช้จ่ายภายในประเทศสำหรับการลงทุนในการก่อสร้างเริ่มมีสัญญาณของการฟื้นตัว โดยที่พื้นที่อนุญาตก่อสร้างเริ่มมีสัญญาณของการฟื้นตัว โดยที่พื้นที่อนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลทั่วประเทศใน 2 เดือนแรกเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.4 ยอดขายสังกะสีเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 และยอดขายปูนซิเมนต์เริ่มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียงร้อยละ 1.9 มีเพียงปริมาณการจำหน่ายเหล็กเส้นที่ยังคงหดตัวด้วยอัตราร้อยละ 9.2 ทิศทางการปรับตัวของการลงทุนสาขาก่อสร้างสอดคล้องกับอัตราการใช้กำลังการผลิตสขาวัสดุก่อสร้างที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ได้มีผู้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละอ32.7 วงเงินลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 64.0 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อน
--ข่าวการพัฒนา กองศึกษาและเผยแพร่การพัฒนา สนง.คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปีที่ 17 ฉบับที่ 6/มิถุนายน 2543--
-สส-
เศรษฐกิจโดยรวมวัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมมสนประเทศ(GDP)รายไตรมาสพบว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มขยายตัวได้ด้วยอัตราร้อยละ 0.2 ในไตรมาสแรกปี 2542 และขยายตัวต่อเนื่องด้วยอัตราร้อยละ 2.6 ร้อยละ 7.4 และร้อยละ 6.5 ในสามไตรมาสหลังตามลำดับ
สำหรับเศรษฐกิจโดยรวมในช่วไตรมาสที่ 1 ของปี 2543 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกที่กระตุ้นการพื้นตัวที่สำคัญได้แก่ (1)ภาวะการส่งออกที่ขายาตัวได้ดีมากในช่วงไตรมาสแรก (2) ภาวะการใช้จ่ายของครัวเรือนที่ยังคงเพิ่มขึ้น (3) ภาวะการลงทุนใหม่ขอภาคเอกชนที่เริ่มมีแนวโน้มขยายตัว (4) ภาครัฐยังคงใช้ต่อเนื่อง และ (5) อัตราการว่างงานลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้วคือ มีจำนวนผู้ว่างงาน 1.54 ล้านคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงานเป็นร้อยละ 4.7 ลดลงจ่าการว่างงาน 1.72 ล้านคนของปีที่แล้ว หรือคิดเป็นอัตราการว่างงานเป็นร้อยละ 5.2 นอกจากนี้จำนวนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมก็เพิ่มขึ้นสำหรับการขยายตัวของเครื่องชี้ทางเศรษฐกิจโดยรวมที่สำคัญมีดังนี้
- การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนที่ปรับฤดูกาลแล้วยังคงชี้ถึงแนวโน้มการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นโดยปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 99.6 เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 98.7 ในไตรมาสแรกปีทีแล้วหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในอัตราร้อยละ 0.9 แต่เป็นระดับที่ต่ำกว่าในไตรมาสสุดท้ายปี 2542 ซึ่งสะท้อนให้เห็นนว่าโดยภาพรวมการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคยังขยายตัวได้ไม่มาก เป็นแต่เพียงการปรับตัวขึ้นอย่างช้าๆ จากปีก่อน เครรื่องชี้การใช้จ่ายที่ขยายตัวสูงประกอบด้วย ยอดขายรถยนต์ ยอดขายรถจักรยานยนต์ ยอดขายห้างสรรพสินค้า รายได้ภาษีมูลค่าเพิ่มของรัฐบาล และมูลค่าการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งขยายตัวจากไตรมาสแรกปี 2542 ในอัราร้อยละ51.2 ร้อยละ 68.8 ร้อยละ 5.5 ร้อยละ 18.5 และร้อยละ20.2 ตามลำดับ
- การลงทุนภาคเอกชน มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ครึ่งหลังปีที่แล้วโดยเฉพาะการลงทุนในเครื่องจักรอุปกรณ์ดังจะเห็นได้จากการเพิ่มขึ้นของการนำเข้าสินค้าทุนร้อยละ 5.8 ในไตรมาสแรกนี้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของการส่งออกและการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นของการใช้จ่ายภายในประเทศสำหรับการลงทุนในการก่อสร้างเริ่มมีสัญญาณของการฟื้นตัว โดยที่พื้นที่อนุญาตก่อสร้างเริ่มมีสัญญาณของการฟื้นตัว โดยที่พื้นที่อนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลทั่วประเทศใน 2 เดือนแรกเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.4 ยอดขายสังกะสีเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.8 และยอดขายปูนซิเมนต์เริ่มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียงร้อยละ 1.9 มีเพียงปริมาณการจำหน่ายเหล็กเส้นที่ยังคงหดตัวด้วยอัตราร้อยละ 9.2 ทิศทางการปรับตัวของการลงทุนสาขาก่อสร้างสอดคล้องกับอัตราการใช้กำลังการผลิตสขาวัสดุก่อสร้างที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ได้มีผู้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละอ32.7 วงเงินลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 64.0 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อน
--ข่าวการพัฒนา กองศึกษาและเผยแพร่การพัฒนา สนง.คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปีที่ 17 ฉบับที่ 6/มิถุนายน 2543--
-สส-