เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2543 ที่ผ่านมา นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคท้องถิ่น (กนภ.) ครั้งที่ 1/2543 ณ ห้องประชุมสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล สรุปสาระสำคัญของผลการประชุม ดังนี้
ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าการจัดทำกรอบวิสัยทัศน์และแนวทางการพัฒนาประเทศในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้จัดระดมความคิดเห็นจากประชาชนในทุกจังหวัดและทุกอนุภาคทั่วประเทศทั้งสิ้นประมาณ 17,000 คน เมื่อเดือน มกราคม ถึงมีนาคม ที่ผ่านมา
ทั้งนี้จากการระดมความคิดดังกล่าวพบว่า ประชาชนมีความตื่นตัวอย่างมากที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศภายใต้ "ปรัชญายึดคนเป็นศูนย์กลางการพัฒนาและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" โดยส่วนใหญ่ต้องการเห็นสังคมไทยเป็นสังคมคุณภาพ คนไทยมีความอยู่ดีมีสุข มีสภาพแวดล้อมของเมืองชนบทที่น่าอยู่ มีความปลอดภัย ปลอดยาเสตติด และประชากรได้รับการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐาน มีการพัฒนาเศรษฐกิจตามศักยภาพภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อให้คนอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน มีความสมดุลและยั่วยืน รวมทั้งการเมืองมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ด้วยภาคประชาสัมคม
จากการที่ประชาชนทั่วทุกภาคตระหนักและต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศอย่างกว้างขวางดังกล่าวนี้ ที่ประชุมจึงได้มีมติเห็นควรให้มีการเสริมสร้างกระบวนการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมของชุมชนที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วในปัจจุบันให้มีความต่อเนื่องไปในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 โดยดำเนินการใน 3 เรื่องดังนี้
1. สนับสนุนบทบาทของประชาชนจากทุกกลุ่มอาชีพให้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและอำเภอ โดยให้เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องจากการระดมความคิดเห็นเพื่อสร้างวิสัยทัศน์การพัฒนาในระดับจังหวัดที่ได้ดำเนินการแล้ว ทั้งนี้ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการ พร้อมทั้งสนับสนุนกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการผลักดันขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามแผนพัฒนาจังหวัดและอำเภอ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นไป โดยให้ สศช. กับสถาบันหรือองค์กรนิติบุคคลรับไปดำเนินการ
3. การสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระดับชุมชนโดยการระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการจัดสรรทรัพยากรลงสู่จังหวัด เพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชน ขณะเดียวกันก็ควรที่จะมีการจัดสรรทรัพยากรโดยตรงสู่ชุมชนเพื่อสนับสนุนกิจกรรมที่ชุมชนริเริ่มและบริหารจัดการด้วยตนเองในรูปกองทุนหมุนเวียนภายในจังหวัด พร้อมทั้งได้รับมอบหมายให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนที่กำลังอยู่ระหว่างการจัดตั้งเป็นองค์กรบริหารจัดการในเรื่องนี้ โดยให้จัดทำโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนด้านงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป
-ข่าวการพัฒนา กองศึกษาและเผยแพร่การพัฒนา สนง.คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปีที่ 17 ฉบับที่ 4/เมษายน 2543--
ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าการจัดทำกรอบวิสัยทัศน์และแนวทางการพัฒนาประเทศในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้จัดระดมความคิดเห็นจากประชาชนในทุกจังหวัดและทุกอนุภาคทั่วประเทศทั้งสิ้นประมาณ 17,000 คน เมื่อเดือน มกราคม ถึงมีนาคม ที่ผ่านมา
ทั้งนี้จากการระดมความคิดดังกล่าวพบว่า ประชาชนมีความตื่นตัวอย่างมากที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศภายใต้ "ปรัชญายึดคนเป็นศูนย์กลางการพัฒนาและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" โดยส่วนใหญ่ต้องการเห็นสังคมไทยเป็นสังคมคุณภาพ คนไทยมีความอยู่ดีมีสุข มีสภาพแวดล้อมของเมืองชนบทที่น่าอยู่ มีความปลอดภัย ปลอดยาเสตติด และประชากรได้รับการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐาน มีการพัฒนาเศรษฐกิจตามศักยภาพภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อให้คนอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน มีความสมดุลและยั่วยืน รวมทั้งการเมืองมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ด้วยภาคประชาสัมคม
จากการที่ประชาชนทั่วทุกภาคตระหนักและต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศอย่างกว้างขวางดังกล่าวนี้ ที่ประชุมจึงได้มีมติเห็นควรให้มีการเสริมสร้างกระบวนการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมของชุมชนที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วในปัจจุบันให้มีความต่อเนื่องไปในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 โดยดำเนินการใน 3 เรื่องดังนี้
1. สนับสนุนบทบาทของประชาชนจากทุกกลุ่มอาชีพให้เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและอำเภอ โดยให้เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องจากการระดมความคิดเห็นเพื่อสร้างวิสัยทัศน์การพัฒนาในระดับจังหวัดที่ได้ดำเนินการแล้ว ทั้งนี้ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการ พร้อมทั้งสนับสนุนกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการผลักดันขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามแผนพัฒนาจังหวัดและอำเภอ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นไป โดยให้ สศช. กับสถาบันหรือองค์กรนิติบุคคลรับไปดำเนินการ
3. การสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนพัฒนาระดับชุมชนโดยการระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการจัดสรรทรัพยากรลงสู่จังหวัด เพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชน ขณะเดียวกันก็ควรที่จะมีการจัดสรรทรัพยากรโดยตรงสู่ชุมชนเพื่อสนับสนุนกิจกรรมที่ชุมชนริเริ่มและบริหารจัดการด้วยตนเองในรูปกองทุนหมุนเวียนภายในจังหวัด พร้อมทั้งได้รับมอบหมายให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนที่กำลังอยู่ระหว่างการจัดตั้งเป็นองค์กรบริหารจัดการในเรื่องนี้ โดยให้จัดทำโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนด้านงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป
-ข่าวการพัฒนา กองศึกษาและเผยแพร่การพัฒนา สนง.คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปีที่ 17 ฉบับที่ 4/เมษายน 2543--