ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี 2566 และแนวโน้มปี 2566

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 21, 2023 09:51 —สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

www.nesdc.go.th

NESDC ECONOMIC REPORT

ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี 2566 และแนวโน้มปี 2566

962 ถนนกรุงเกษม เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100

ส นักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค แถลงข่าว วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม 2566 เวลา 09.30 น.

เศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี 2566

1.8

0.2

-15.0

-10.0

-5.0

0.0

5.0

10.0

Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2

59 60 61 62 63 6 65 66

%

GDP (YoY) GDP (QoQ_ รั ล

ที่มา: ส นั งานส นา รเ ร จแล สังคมแห่ง

เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองของปี 2566 ขยาย วร้อยล 1.8

ลอลงจา รขยาย วร้อยล 2.6 ในไ รมาสแร ของ 2566

(%YoY แล เมื่อ รั ผลของ ลออ แล้ว เ ร จไทย

ในไ รมาสที่สองของ 2566 ขยาย วจา ไ รมาสแร ของ

2566 ร้อยล 0.2 (%QoQ_SA รวมครึ่งแรกของปี 2566

เ ร จไทยขยาย วร้อยล 2.2

ด้านการใช้จ่าย ร ริโ ค คเอ นขยาย วเร่งขึ้น รลงทุน

คเอ นแล รส่งออ ริ ร ลอ ว ขณ ที่ รส่งออ

สินค้า รลงทุน ครั แล รใ จ่าย ครั ล รั วล ลง

ด้านการผลิต สาขา รขายส่งแล รขาย ลี รซ่อม

ยานยน แล จั รยานยน ขยาย วเร่งขึ้น สาขา รไฟฟ้า ซ

ไอน้ แล ร รั อา ลั มาขยาย ว ส่วนสาขาที่ แรม

แล ริ ร นอาหาร สาขาขนส่งแล สถานที่เ สินค้า

สาขา อสร้าง แล สาขาเ ร รรม ลอ ว ในขณ ที่

รผลิ สาขาอุ สาห รรมล ลง

การบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่เหลือของปี 2566 ควรให้ความส คัญ (1) การรักษาบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมือง

ภายในประเทศ รวมทั้งการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการติดตามป้องกันผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก

(2) การรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ โ ย (i รเ จ่ายจา ง ร มาณรายจ่ายเหลื่อม แล

ง ลงทุนรั วิสาห จใน วงที่ ร รา ญญั ง ร มาณรายจ่าย ร จ 2567 ยังมีความล่า (ii รเร่งรั ร วน รง ร มาณรายจ่าย ร จ

ง ร มาณ 2567 รวมถึงเ รียมความ ร้อมของโครง รให้สามารถเ จ่ายไ โ ยเร็ว แล (iii ร หน เ หมายแล มผล รเ จ่ายเ อเ ม

ร สิทธิ รเ จ่าย (3) การสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวเนื่อง โ ย (i รจั จ รรมส่งเสริม รท่องเที่ยวแล

รสร้าง รรั ร อมา ร ร LTR เ อ ง นั ท่องเที่ยวที่มี ย โ ยเฉ ลุ่ม นั ร ย ยาว (ii รส่งเสริม รท่องเที่ยว ยใน ร เท

โ ยเฉ ในจังหวั ท่องเที่ยวเมืองรองที่มี ย แล (iii รส่งเสริม ร นา รท่องเที่ยวคุณ ส ง (4) การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้

เกษตรกร โ ย (i ร อง นแล รรเทาผล ร ท จา ความแ ร รวนของส มิอา โ ยเฉ ร ริหารจั รทรั ยา รน้ ให้เ ยง อ อ

รผลิ (ii รเ มส่วนแ งให้เ ร รมีรายไ จา รจ หน่ายผลผลิ ขั้นสุ ท้ายมา ขึ้น (iii ร เนินมา ร รเสริมสร้าง มิคุ้ม นแ เ ร ร

ผ่าน รส่งเสริมร ร น ย ผลจา ความเสี่ยงของส อา แล (iv ร รรเทาผล ร ท จา ญหา นทุนวั ถุ ทาง รเ รที่ยังอย

ในร ส ง (5) การขับเคลื่อนภาคการส่งออกสินค้าเพื่อไม่ให้เป็นข้อจ กัดต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โ ย (i รอ นวยความส ว แล ล นทุน

ที่เ ยวข้อง รส่งออ (ii รเร่งรั รส่งออ สินค้าไ ยัง ลา ที่ยังมีแนวโน้ม รขยาย วทางเ ร จในเ ณฑ์ แล สร้าง ลา ใหม่ที่มี ลังซื้อส ง

(iii รขั เคลื่อน รส่งออ สินค้าที่มีโอ สไ รั ร โย น์จา มา ร ร นทาง รค้า (iv รใ ร โย น์จา รอ ความ ลงหุ้นส่วนทางเ ร จ

ร มิ ค (RCEP คว ค ไ รเร่งรั รเจรจาความ ลง รค้าเสรีที่ ลังอย ในขั้น อนของ รเจรจา แล เ รียม เ อเจรจา ร เท ค ค้า

ส คัญใหม่ (v ร อง นแล แ ไข ญหา นทาง รค้าโ ยเฉ มา ร รที่ไม่ใ ของ ร เท ค ค้าส คัญ แล (vi รย ร ขี ความสามารถ

ใน รแข่งขันของ ค รส่งออ แล (6) การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน โ ย (i รเร่งรั ให้ผ ร อ รที่ไ รั อนุมั แล ออ รส่งเสริม

รลงทุนใน วง 2563 -2565 ให้เ รลงทุนจริง (ii รแ ไข ญหาที่นั ลงทุนแล ผ ร อ รเห็นว่าเ นอุ สรรค อ รลงทุนแล ร ร อ ธุร จ

รวมทั้ง ญหา รขา แคลนแรงงานใน ค รผลิ คว ค ไ ร นา ลังแรงงานเ อรองรั อุ สาห รรมเ หมาย (iii ร เนินมา ร รส่งเสริม

รลงทุนเ งรุ เ อ ง นั ลงทุนใน ลุ่มอุ สาห รรมแล ริ รเ หมาย (iv รส่งเสริม รลงทุนในเข นา เ ค วันออ (EEC เข นา

เ ร จ เ แล รขั เคลื่อน นที่ร เ ยงเ ร จ เ ในแ ล มิ ค แล (v รขั เคลื่อน รลงทุน นา นที่เ ร จแล โครงสร้าง น น

นคมนาคมให้เ นไ มแผนที่ หน ไว้

แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2566คา ว่าจ ขยาย วใน วงร้อยล 2.5 -3.0

โ ยมี จจัยสนั สนุนจา รขยาย วในเ ณฑ์ ของ รอุ โ ค ริโ ค

คเอ น รฟื้น วอย่าง อเนื่องของ ค รท่องเที่ยว รวมทั้ง

รขยาย ว อเนื่องของ รลงทุนทั้ง คเอ นแล ครั โ ยคา ว่า

รอุ โ ค ริโ คแล รลงทุนรวมจ ขยาย ว ร้อยล 5.0 แล ร้อยล

1.6 มล ส่วนอั ราเงินเฟ้อทั่วไ เฉลี่ยอย ใน วงร้อยล 1.7 - 2.2

แล ล ญ เ นส เ น ลร้อยล 1.2 ของ GDP

ประมาณการเศรษฐกิจ ปี 2566

(%YoY)

2565 2566

ทั้งปี Q4 Q1 Q2 ทั้งปี (f)

GDP (CVM 2.6 1. 2.6 1.8 2.5 - 3.0

รลงทุนรวม

1/ 2.3 3.9 3.1 0. 1.6

คเอ น 5.1 .5 2.6 1.0 1.5

ครั - .9 1.5 .7 -1.1 2.0

ร ริโ ค คเอ น 6.3 5.6 5.8 7.8 5.0

รอุ โ ค ครั ล 0.2 -7.1 -6.3 - .3 -3.1

ม ลค่า รส่งออ สินค้า2/ 5. -7.5 - .5 -5.6 -1.8

ริมาณ2/ 1.2 -10. -6. -5.8 -1.8

ม ลค่า รน เข้าสินค้า2/ 1 .0 -2.3 2.0 -5.0 -1.1

ริมาณ2/ 1.2 -10.1 -2.6 - .0 -0.6

ล ญ เ นส

อ GDP (% -3.0 1.2 2.7 -1.5 1.2

เงินเฟ้อ 6.1 5.8 3.9 1.1 1.7 - 2.2

หมายเห :

1/ รลงทุนรวม หมายถึง รส สมทุนถาวรเ อง น

2/ นข้อม ล ล ร ร เงินของธนาคารแห่ง ร เท ไทย

กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 2

Economic Outlook NESDC

เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองของปี 2566 และแนวโน้มปี 2566

เ ร จไทยในไ รมาสที่สองของ 2566 ขยาย วร้อยล 1.8 ลอลงจา รขยาย วร้อยล 2.6 ในไ รมาสแร ของ 2566 ด้านการใช้จ่าย

ร ริโ ค คเอ นขยาย วเร่งขึ้น ส่วน รลงทุน คเอ นแล รส่งออ ริ ร ลอ ว ขณ ที่ รส่งออ สินค้า รลงทุน ครั แล รใ จ่าย ครั ล

รั วล ลง ด้านการผลิต สาขา รขายส่งแล รขาย ลี แล สาขา รเงินขยาย วเร่งขึ้น สาขา รไฟฟ้าฯ ลั มาขยาย ว สาขาที่ แรมแล ริ ร

นอาหาร สาขาขนส่งแล สถานที่เ สินค้า สาขา อสร้าง แล สาขาเ ร รรม ลอ วลง ขณ ที่ รผลิ สาขาอุ สาห รรมล ลง เมื่อ รั ผลของ

ลออ แล้ว เ ร จไทยในไ รมาสที่สองของ 2566 ขยาย วจา ไ รมาสแร ของ 2566 ร้อยล 0.2 (%QoQ_SA รวมครึ่งแรกของปี 2566

เ ร จไทยขยาย วร้อยล 2.2

1) การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยาย วร้อยล 7.8 เร่งขึ้นจา ร้อยล 5.8 ในไ รมาส อนหน้า ม รขยาย ว ขึ้นของเ อ ทุ หมว สินค้า สอ คล้อง

ร รั ว ขึ้นของ รจ้างงานแล นรายไ นอ คเ ร รฟื้น วของ ค รท่องเที่ยว แล นีความเ อมั่นที่อย ในร ส งสุ ในรอ 1 ไ รมาส

โ ย รใ จ่ายหมวดบริการขยาย วในเ ณฑ์ส งร้อยล 13.8 รั ว ขึ้นจา ร้อยล 12.6 ในไ รมาส อนหน้า ม รขยาย วเร่งขึ้นของ รใ จ่ายใน ลุ่ม

ริ รทาง รเงินแล ลุ่มสุข ขยาย วร้อยล 11.5 แล ร้อยล 5.6 มล ขณ ที่ ลุ่มโรงแรมแล คารยังขยาย วในเ ณฑ์ อเนื่องร้อยล

9.1 รใ จ่ายหมวดสินค้าไม่คงทนขยาย วร้อยล .2 เร่งขึ้นจา ร้อยล 2.3 ในไ รมาส อนหน้า ม รขยาย วเร่งขึ้นของ รใ จ่าย ลุ่มอาหารแล

เครื่อง มไม่มีแอล อฮอล์ร้อยล .0 เทีย ร้อยล 3.6 ในไ รมาส อนหน้า ขณ ที่ ลุ่มไฟฟ้า แล ซฯ ลั มาขยาย วครั้งแร ในรอ 5 ไ รมาสร้อยล

11.8 แล รใ จ่ายในหมวดสินค้าคงทนขยาย วร้อยล 3.2 เร่งขึ้นจา ร้อยล 2. ในไ รมาส อนหน้า ม รใ จ่ายเ อซื้อยาน หน ที่ขยาย วเร่งขึ้น

ร้อยล 10.8 เทีย ร้อยล .1 ในไ รมาส อนหน้า ส่วน รใ จ่ายหมวดสินค้ากึ่งคงทนขยาย วร้อยล 0.7 ลอลงจา ร้อยล 1.3 ในไ รมาส อนหน้า

ม รขยาย ว ลอลงของ ลุ่มเสื้อผ้าแล รองเท้า แล รล ลงอย่าง อเนื่องของ รใ จ่ายหมว เครื่องเรือนแล เครื่อง แ ง ส หรั นีความเ อมั่น

ผ ริโ คเ ยว ว เ ร จโ ยรวมในไ รมาสนี้อย ที่ร 50.3 เ มขึ้นจา ร 6.9 ในไ รมาส อนหน้า ส งสุ ในรอ 1 ไ รมาส การใช้จ่ายเพื่อ

การอุปโภคของรัฐบาล ล ลงร้อยล .3 อเนื่องจา รล ลงร้อยล 6.3 ในไ รมาส อนหน้า โ ยรายจ่าย รโอนเ อสวัส รทางสังคมที่ไม่เ น วเงิน

ส หรั สินค้าแล ริ รในร ลา ล ลงร้อยล 25.1 อเนื่องจา รล ลงร้อยล 0.6 ในไ รมาส อนหน้า ส่วนค่าซื้อสินค้าแล ริ รล ลงร้อยล

2.6 ขณ ที่ค่า อ แทนแรงงาน (ค่าจ้าง เงินเ อน ขยาย วร้อยล 0.3 ส หรั อั รา รเ จ่ายง ร มาณรายจ่าย ร จ ในไ รมาสนี้อย ที่ร้อยล 2 .7

(ส ง ว่าอั ราเ จ่ายร้อยล 23.7 ในไ รมาส อนหน้า แล ร้อยล 22.5 ในไ รมาสเ ยว นของ อน

รวมครึ่งแรกของปี 2566 รอุ โ ค ริโ ค คเอ นขยาย วร้อยล 6.8 แล รใ จ่ายเ อ รอุ โ คของรั ลล ลงร้อยล 5.3

2) การลงทุนรวม ขยาย วร้อยล 0. ลอลงจา ร้อยล 3.1 ในไ รมาส อนหน้า ม ร ลอ วของการลงทุนภาคเอกชนร้อยล 1.0 เทีย

รขยาย วร้อยล 2.6 ในไ รมาส อนหน้า โ ย รลงทุนเครื่องจั รเครื่องมือขยาย วร้อยล 0.8 ลอลงจา ร้อยล 2.8 ในไ รมาส อนหน้า ขณ ที่

รลงทุน อสร้างขยาย วร้อยล 2.0 เร่งขึ้นจา ร้อยล 1.1 ในไ รมาส อนหน้า ส่วนการลงทุนภาครัฐล ลงร้อยล 1.1 เทีย รขยาย วร้อยล .7

ในไ รมาส อนหน้า ม รล ลงของ รลงทุนรั วิสาห จร้อยล 3.7 ขณ ที่ รลงทุนรั ลเ มขึ้นร้อยล 0.5 ส หรั อั รา รเ จ่ายง ร มาณ

รายจ่ายลงทุนในไ รมาสนี้อย ที่ร้อยล 17.8 (ส ง ว่าอั ราเ จ่ายร้อยล 16.7 ในไ รมาส อนหน้า แ ว่าร้อยล 19.2 ในไ รมาสเ ยว นของ อน

รวมครึ่งแรกของปี 2566 รลงทุนรวมขยาย วร้อยล 1.8 โ ย รลงทุน คเอ นขยาย วร้อยล 1.8 ขณ ที่ รลงทุน ครั ขยาย วร้อยล 1.9

3) การส่งออกสินค้า มีม ลค่า 70,262 ล้าน อลลาร์ สรอ. ล ลงร้อยล 5.6 อเนื่องจา รล ลงร้อยล .5 ในไ รมาส อนหน้า โ ย ริมาณส่งออ ล ลง

ร้อยล 5.8 อเนื่องจา รล ลงร้อยล 6. ในไ รมาส อนหน้า ขณ ที่ราคาส่งออ เ มขึ้นร้อยล 0.3 ลอลงจา ร้อยล 2.0 ในไ รมาส อนหน้า

กลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกลดลง เ น เครื่องจั รแล อุ รณ์ (ล ลงร้อยล 1.5 นส่วนแล อุ รณ์ส หรั ยานยน (ล ลงร้อยล 3.3 อาหารสั ว์

(ล ลงร้อยล 2 .6 ยาง รา (ล ลงร้อยล 0.2 ผลิ ณฑ์โลห (ล ลงร้อยล 19.0 นส่วนแล อุ รณ์คอม วเ อร์ (ล ลงร้อยล 29.6 แล เคมี ณฑ์

แล โ รเคมี (ล ลงร้อยล 19.9 เ น น กลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น เ น นส่วนเครื่องใ ไฟฟ้า (ร้อยล .8 ทุเรียน (ร้อยล 19.6 น้ ล

(ร้อยล 3 .9 รถ ร แล รถ รรทุ (ร้อยล 17.7 ข้าว (ร้อยล 17.5 แล รถยน นั่ง (ร้อยล 10.0 เ น น รส่งออ สินค้าไ ยัง ลา ส่งออ หลั

ล ลง ขณ ที่ รส่งออ ไ ยัง ลา ออสเ รเลีย สหรา อาณาจั ร แอฟริ ใ แล ซาอุ อาร เ ยขยาย ว เมื่อหั รส่งออ ทองค ที่ยังไม่ขึ้นร ออ แล้ว

ม ลค่า รส่งออ สินค้าล ลงร้อยล 5.7 แล เมื่อคิ ในร ของเงิน ท ม ลค่า รส่งออ สินค้าล ลงร้อยล 5.

รวมครึ่งแรกของปี 2566 รส่งออ สินค้ามีม ลค่า 1 0,068 ล้าน อลลาร์ สรอ. ล ลงร้อยล 5.1 โ ย ริมาณส่งออ ล ลงร้อยล 6.0 ขณ ที่ราคาส่งออ

เ มขึ้นร้อยล 1.1

4) สาขาเกษตรกรรม การป่าไม้ และการประมงขยาย วร้อยล 0.5 ลอ วลงจา รขยาย วร้อยล 6.2 ในไ รมาส อนหน้า ม รล ลงของผลผลิ

หมว ผลส คัญ โ ยเฉ อ้อยแล ลุ่มไม้ผล ในขณ ที่ผลผลิ หมว สั ว์แล หมว ร มงขยาย ว โ ย นีผลผลิ สินค้าเ รที่เ มขึ้น เ น

ข้าวเ ลือ (ร้อยล 17.5 ข้าวโ เลี้ยงสั ว์ (ร้อยล 25.1 สุ ร (ร้อยล 7. งขาวแวนนาไม (ร้อยล 1 . แล ไ เนื้อ (ร้อยล 1.0 มล ส่วน นี

เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองของปี 2566

เศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี 2566

2.6

1.7

0

1,000

2,000

3,000

4,000

5,000

-15.0

-10.0

-5.0

0.0

5.0

10.0

Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2

59 60 61 62 63 6 65 66

%

GDP ณ ราคา ร จ (แ นขวา นล้าน ท

GDP (YoY) (แ นซ้าย

GDP (QoQ_ รั ล (แ นซ้าย

ที่มา: ส นั งานส นา รเ ร จแล สังคมแห่ง

กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 3

Economic Outlook NESDC

ผลผลิ สินค้าเ รส คัญที่ล ลง เ น อ้อย (ล ลงร้อยล 66.2 ลุ่มไม้ผล (ล ลงร้อยล 10.5 ล์มน้ มัน (ล ลงร้อยล 5.3 มันส หลัง (ล ลงร้อยล

.1 แล ยาง รา (ล ลงร้อยล 0. มล ส่วนดัชนีราคาสินค้าเกษตรล ลง อเนื่องเ นไ รมาสที่ 2 ร้อยล 5. ม รล ลงของ นีราคาสินค้า

เ รส คัญ ๆ เ น ยาง รา (ล ลงร้อยล 28.3 ล์มน้ มัน (ล ลงร้อยล .7 สุ ร (ล ลงร้อยล 1 .6 แล งขาวแวนนาไม (ล ลงร้อยล 15.2

เ น น อย่างไร ม ราคาสินค้าเ รส คัญ ๆ หลายราย ร รั วเ มขึ้น เ น ราคาข้าวเ ลือ (ร้อยล 12.3 ราคา ลุ่มไม้ผล (ร้อยล 8.8

ราคามันส หลัง (ร้อยล 20.7 ราคาไ เนื้อ (ร้อยล 6.1 แล ราคาอ้อย (ร้อยล 8.3 มล รล ลงของ นีราคาสินค้าเ ร ส่งผลให้

ดัชนีรายได้เกษตรกรโดยรวมล ลงครั้งแร ในรอ 6 ไ รมาส ร้อยล .9

รวมครึ่งแรกของปี 2566 รผลิ สาขาเ ร รรม ร ไม้ แล ร ร มง ขยาย วร้อยล 3.

5) สาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม ล ลง อเนื่องเ นไ รมาสที่ 3 ร้อยล 3.3 อเนื่องจา รล ลงร้อยล 3.0 ในไ รมาส อนหน้า ม รล ลงของ

ทุ ลุ่ม รผลิ โ ยเฉ ลุ่ม รผลิ เ อส่งออ ที่ไ รั ผล ร ท จา ร ลอ วของเ ร จ ร เท ค ค้าส คัญ สอ คล้อง รล ลงของ นี

ผลผลิ อุ สาห รรมร้อยล 5.6 โ ยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมกลุ่มการผลิตเพื่อส่งออก (สัดส่วนส่งออกมากกว่าร้อยละ 60)ล ลงร้อยล 12.2 อเนื่อง

จา รล ลงร้อยล 13.7 ในไ รมาส อนหน้า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมกลุ่มการผลิตเพื่อบริโภคภายในประเทศ (สัดส่วนส่งออกน้อยกว่าร้อยละ 30)

ล ลง อเนื่องเ นไ รมาสที่ 3 ร้อยล .1 จา รล ลงร้อยล 1.8 ในไ รมาส อนหน้า แล ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการส่งออกในช่วงร้อยละ

30 -60ล ลงครั้งแร ในรอ ไ รมาส ร้อยล 1.1 เทีย รขยาย วร้อยล 2.3 ในไ รมาส อนหน้าอัตราการใช้ก ลังการผลิตเฉลี่ยในไ รมาสนี้

อย ที่ร้อยล 57.6 ว่าร้อยล 63.81 ในไ รมาส อนหน้า แล ว่าร้อยล 61.20 ในไ รมาสเ ยว นของ อน ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมส คัญ ๆ

ที่ลดลงเ น รผลิ คอม วเ อร์แล อุ รณ์ อ วง (ล ลงร้อยล 29. รผลิ เหล็ แล เหล็ ล้าขั้นม ล น (ล ลงร้อยล 21.1 แล รผลิ เสื้อผ้า

เครื่องแ ง ย (ย เว้นร้าน เย็ เสื้อผ้า (ล ลงร้อยล 29.8 เ น น ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมส คัญ ๆ ที่เพิ่มขึ้น เ น รผลิ ยานยน (ร้อยล 6.2

รผลิ น้ ล (ร้อยล 19.0 แล รผลิ จั รยานยน (ร้อยล 17.3 เ น น

รวมครึ่งแรกของปี 2566สาขา รผลิ อุ สาห รรม รั วล ลงร้อยล 3.2 แล อั รา รใ ลัง รผลิ เฉลี่ยอย ที่ร้อยล 60.72

6) สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร ขยาย วในเ ณฑ์ส งร้อยล 15.0 แ ลอลงเมื่อเทีย รขยาย วร้อยล 3 .3 ในไ รมาส อนหน้า โ ยใน

ไ รมาสนี้ มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เ นทางเข้ามาท่องเที่ยวใน ร เท ไทยจ นวน 6. 37 ล้านคน ส่งผลให้มูลค่าบริการรับด้านการท่องเที่ยวในไ รมาส

นี้อย ที่ 0.2 0 ล้านล้าน ท เ มขึ้น อเนื่องเ นไ รมาสที่ 8 ร้อยล 150. ส่วน รท่องเที่ยว ยใน ร เท ของนักท่องเที่ยวชาวไทย (ไทยเที่ยวไทย

จ นวน 60.22 ล้านคน-ครั้ง ขยาย ว อเนื่องเ นไ รมาสที่ 6 ร้อยล 2 .7 สร้างรายรับจากนักท่องเที่ยวชาวไทยเ นจ นวน 0.188 ล้านล้าน ท เ มขึ้น

อเนื่องเ นไ รมาสที่ 6 ร้อยล 22.6 ส่งผลให้ในไ รมาสนี้มีรายรับรวมจากการท่องเที่ยวอย ที่ 0. 28 ล้านล้าน ท เ มขึ้นร้อยล 71.7 ส หรั อัตรา

การเข้าพักเฉลี่ยในไ รมาสนี้อย ที่ร้อยล 66.93 ว่าร้อยล 70.2 ในไ รมาส อนหน้า แ ส ง ว่าร้อยล 2.80 ในไ รมาสเ ยว นของ อน

รวมครึ่งแรกของปี 2566 รผลิ สาขาที่ แรมแล ริ ร นอาหารขยาย วร้อยล 23.9 โ ยจ นวนนั ท่องเที่ยว ง ร เท มีจ นวน 12.915 ล้านคน

แล อั รา รเข้า เฉลี่ยอย ที่ร้อยล 68.58

7) สาขาการขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์ เ มขึ้น อเนื่องเ นไ รมาสที่ 9 ร้อยล 3. เร่งขึ้นจา ร้อยล 3.3 ในไ รมาส

อนหน้า สอ คล้อง ร ริโ ค ยใน ร เท ที่ยังขยาย วในเ ณฑ์ส ง แล รเ มขึ้น อเนื่องของ ค ริ ร น รท่องเที่ยว โ ย นี รขายส่ง

(ย เว้นยานยน แล จั รยานยน เ มขึ้นร้อยล 3.3 ม รเ มขึ้นของหมว รขายส่งสินค้าเฉ ร เ ทอื่น ๆ อาทิ รขายส่งเ อเ ลิง ซ

โ ยเฉ น้ มันเ นซิน แล นี รขาย ลี (ย เว้นยานยน แล จั รยานยน เ มขึ้นร้อยล 0.05 ม รเ มขึ้นของหมว ร้านขาย ลี ในร้านค้าทั่วไ

ในขณ ที่ นี รขายส่ง รขาย ลี รซ่อมยานยน แล จั รยานยน ล ลง อเนื่องเ นไ รมาสที่ 3 ร้อยล 2.5 ม รล ลงของหมว รขาย

นส่วนแล อุ รณ์เสริมของยานยน แล หมว รขายยานยน โ ยเฉ รถยน เ อ ร ณิ ย์

รวมครึ่งแรกของปี 2566 รผลิ สาขา รขายส่งแล รขาย ลี รซ่อมยานยน แล จั รยานยน ขยาย วร้อยล 3.

8) สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า เ มขึ้น อเนื่องเ นไ รมาสที่ 7 ร้อยล 7.5 แ ลอลงเมื่อเทีย รขยาย วร้อยล 12.1 ในไ รมาส อนหน้า

โ ย ริ รขนส่งเ มขึ้นร้อยล 7.3 เทีย รขยาย วร้อยล 12.3 ในไ รมาส อนหน้า ม รขยาย วของ ริ รขนส่งทางอา (ร้อยล 3.9

ริ รขนส่งทาง แล ท่อล เลียง (ร้อยล 5. แล ริ รขนส่งทางน้ (ร้อยล 0.2 ส หรั ริ รสนั สนุน รขนส่งเ มขึ้นร้อยล 7.9 เทีย

รขยาย วร้อยล .1 ในไ รมาส อนหน้า แล ริ รไ ร ณีย์ขยาย วร้อยล 8.9 สอ คล้อง รขยาย วของรายรั ผ ร อ ร

รวมครึ่งแรกของปี 2566 รผลิ สาขา รขนส่งแล สถานที่เ สินค้า ขยาย วร้อยล 10.0

9) สาขาการไฟฟ้า ก๊าซ ไอน้ และระบบปรับอากาศ ขยาย วร้อยล 5.7 รั ว ขึ้นจา รล ลงร้อยล .3 ในไ รมาส อนหน้า ม ร รั วเ มขึ้น

ของ จ รรม รผลิ ไฟฟ้าแล จ รรมโรงแย ซ สอ คล้อง รเ มขึ้นของ นี รผลิ ไฟฟ้า ซ แล ร รั อา ร้อยล 9.0 โ ย นี

รผลิ ไฟฟ้าขยาย วร้อยล 8.8 ม รเ มขึ้นของ ริมาณ รใ ไฟฟ้าของ คครัวเรือนแล คธุร จ ในขณ ที่ ริมาณ รใ ไฟฟ้าของ

คอุ สาห รรม รั วล ลง แล นี รผลิ โรงแย ซขยาย วครั้งแร ในรอ 8 ไ รมาส ร้อยล 12.2 ม ริมาณความ อง รใ ซธรรม

ที่ รั วเ มขึ้นโ ยเฉ รใ เ อ รผลิ ไฟฟ้าเ นส คัญ

รวมครึ่งแรกของปี 2566 รผลิ สาขาไฟฟ้า ซ แล ร รั อา เ มขึ้นร้อยล 0.8 โ ย จ รรม รผลิ ไฟฟ้าขยาย วร้อยล 0.9 แล จ รรม

โรงแย ซล ลงร้อยล 5.8

แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2566

เศรษฐกิจไทยปี 2566 คา ว่าจ ขยาย วใน วงร้อยล 2.5 -3.0 โ ยมี จจัยสนั สนุนส คัญจา รขยาย วในเ ณฑ์ ของ รอุ โ ค ริโ ค คเอ น

รฟื้น วอย่าง อเนื่องของ ค รท่องเที่ยว รวมทั้ง รขยาย ว อเนื่องของ รลงทุนทั้ง คเอ นแล ครั โ ยคา ว่า รอุ โ ค ริโ คแล รลงทุนรวม

ขยาย วร้อยล 5.0 แล ร้อยล 1.6 มล ส่วนอั ราเงินเฟ้อทั่วไ เฉลี่ยอย ใน วงร้อยล 1.7 -2.2 แล ล ญ เ นส เ น ลร้อยล 1.2 ของ GDP

กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 4

Economic Outlook NESDC

การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน: ขยาย วในเ ณฑ์ส งร้อยล 7.8 เร่งขึ้นจา ร้อยล 5.8 ในไ รมาส อนหน้า แล เ น รขยาย วส งสุ ในรอ 3 ไ รมาส ม รขยาย ว ขึ้นของเ อ ทุ หมว สินค้า สอ คล้อง ร รั ว ขึ้นของ รจ้างงานแล นรายไ นอ คเ ร รฟื้น วของ ค รท่องเที่ยว แล นี

ความเ อมั่นที่อย ในร ส งสุ ในรอ 1 ไ รมาส โ ย รใ จ่ายหมวดบริการขยาย วในเ ณฑ์ส งร้อยล 13.8 อเนื่องจา ร้อยล 12.6 ในไ รมาส อนหน้า ม รขยาย วเร่งขึ้นของ รใ จ่ายใน ลุ่ม ริ ร

ทาง รเงิน แล ลุ่มสุข ร้อยล 11.5 แล ร้อยล 5.6 มล ขณ ที่ ลุ่มโรงแรมแล คาร แล

ลุ่มนันทนา รแล วั นธรรมขยาย วในเ ณฑ์ อเนื่องร้อยล 9.1 แล ร้อยล 6.2 มล รใ จ่าย

หมวดสินค้าไม่คงทนขยาย วร้อยล .2 เร่งขึ้นจา ร้อยล 2.3 ในไ รมาส อนหน้า โ ย รใ จ่าย ลุ่ม

อาหารแล เครื่อง มที่ไม่มีแอล อฮอล์ขยาย วร้อยล .0 เทีย ร้อยล 3.6 ในไ รมาส อนหน้า ขณ ที่ ลุ่มไฟฟ้า แล ซฯ ขยาย วครั้งแร ในรอ 5 ไ รมาสร้อยล 11.8 แล รใ จ่ายในหมวดสินค้าคงทน ขยาย วร้อยล 3.2 เทีย ร้อยล 2. ในไ รมาส อนหน้า สอ คล้อง รใ จ่ายเ อซื้อยาน หน

ที่ขยาย วร้อยล 10.8 เร่งขึ้นจา ร้อยล .1 ในไ รมาส อนหน้า ส่วน รใ จ่ายหมวดสินค้ากึ่งคงทนขยาย ว ร้อยล 0.7 ลอลงจา ร้อยล 1.3 ในไ รมาส อนหน้า โ ย รใ จ่าย ลุ่มเสื้อผ้าแล รองเท้าเ มขึ้นร้อยล 3.8

ลอลงจา ร้อยล .5 ในไ รมาส อนหน้า แล รใ จ่ายหมว เครื่องเรือนแล เครื่อง แ งล ลงร้อยล 1.7

อเนื่องจา รล ลงร้อยล 2.1 ในไ รมาส อนหน้า รขยาย วในเ ณฑ์ส งของ รอุ โ ค ริโ ค คเอ น

ในไ รมาสนี้ สอ คล้อง รเ มขึ้นของ นีความเ อมั่นผ ริโ คเ ยว ว เ ร จโ ยรวมซึ่งอย ที่ร 50.3 เ มขึ้นจา ร 6.9 ในไ รมาส อนหน้า แล เ นร ความเ อมั่นที่ส งสุ ในรอ 1 ไ รมาส

รวมครึ่งแรกของปี 2566 รอุ โ ค ริโ ค คเอ นขยาย วร้อยล 6.8 อเนื่องจา รขยาย วร้อยล

7.3 ใน วงครึ่งหลังของ 2565

การลงทุนภาคเอกชน: ขยายตัวร้อยละ 1.0 ชะลอลงจากร้อยละ 2.6 ในไตรมาสก่อนหน้า โ ยการลงทุน

ในหมวดเครื่องจักรเครื่องมือขยาย วร้อยล 0.8 ลอลงจา ร้อยล 2.8 ในไ รมาส อนหน้า สอ คล้อง

รขยาย วของ ริมาณ รจ หน่ายเครื่องจั รแล อุ รณ์ใน ร เท ร้อยล 0.1 ลอลงจา ร้อยล 3.3 ในไ รมาส

อนหน้า แล รล ลงของยอ จ ท เ ยนยานยน ใหม่เ อ รลงทุนร้อยล 18.1 อเนื่องจา รล ลงร้อยล

1 .6 ในไ รมาส อนหน้า ส่วนการลงทุนในหมวดการก่อสร้างขยาย วร้อยล 2.0 รั ว ขึ้นจา ร้อยล 1.1

ในไ รมาส อนหน้า โ ยเ นผลจา ร ลั มาขยาย วของ ร อสร้างอาคาร ร เ ทไม่ใ ที่อย อา ยร้อยล 0.1 เทีย รล ลงร้อยล 5.3 ในไ รมาส อนหน้า นีความเ อมั่นทางธุร จในไ รมาสนี้อย ที่ร 50.3 เทีย

ร 51.1 ในไ รมาส อนหน้า

รวมครึ่งแรกของปี 2566 รลงทุน คเอ นขยาย วร้อยล 1.8 อเนื่องจา รขยาย วร้อยล 7.6 ใน วง

ครึ่งหลังของ 2565

1. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปี 2566

ด้านการใช้จ่าย

การอุปโภคบริโภค

ภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ

7.8 เร่งขึ้นจากร้อยละ 5.8

ในไตรมาสก่อนหน้า

และเป็นการขยายตัว

สูงสุดในรอบ 3 ไตรมาส

ในไตรมาสที่สองของ

ปี 2566 การอุปโภค

บริโภคภาคเอกชน

ขยายตัวในเกณฑ์สูงและ

เร่งขึ้น ขณะที่การลงทุน

ภาคเอกชนชะลอตัว

ส่วนการส่งออกสินค้า

ลดลงต่อเนื่อง

การลงทุนภาคเอกชน

ขยายตัวร้อยละ 1.0

ชะลอลงจากร้อยละ 2.6

ในไตรมาสก่อนหน้า

ตามการชะลอตัวของ

หมวดเครื่องจักรเครื่องมือ

ขณะที่หมวดการก่อสร้าง

ขยายตัวเร่งขึ้น

0.0

10.0

20.0

30.0

40.0

50.0

60.0

70.0

80.0

-8.0

-6.0

-4.0

-2.0

0.0

2.0

4.0

6.0

8.0

Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2

%YoY

การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัว

รอุ โ ค ริโ ค คเอ น แ นซ้าย

นีความเ อมั่นผ ริโ คเ ยว ว เ ร จ แ นขวา

นี

ที่มา ส แล มหาวิทยาลัยหอ รค้าไทย ที่มา ส ธนาคารแห่ง ร เท ไทย แล รมธุร จ ลังงาน

-70.0

-35.0

0.0

35.0

70.0

-8.0

-6.0

-4.0

-2.0

0.0

2.0

4.0

6.0

8.0

Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2

%YoY

การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนและเครื่องชี้ที่ส คัญ

ร ริโ ค คเอ น แ นซ้าย

นี ริมาณ รจ หน่ายน้ มันเ นซิน แ สโซฮอล์ แล น้ มัน เซล

นี ริมาณ รใ ไฟฟ้า คครัวเรือน

นี ริมาณ รน เข้าสินค้าหมว สิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม

ยอ ขายรถยน นั่งส่วน คคล

%YoY

ที่มา ส นั งานส นา รเ ร จแล สังคมแห่ง

-20.0

-15.0

-10.0

-5.0

0.0

5.0

10.0

15.0

Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2

%YoY

การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว

รลงทุน คเอ น อสร้าง เครื่องจั รเครื่องมือ

การส่งออก: มูลค่าการส่งออกในรูปเงินดอลลาร์ สรอ. ลดลงต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าตามการชะลอตัว

ของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า รส่งออ สินค้าในไ รมาสที่สองของ 2566 มีม ลค่า 70,262 ล้าน อลลาร์ สรอ.

ล ลงร้อยล 5.6 อเนื่องจา รล ลงร้อยล .5 ในไ รมาส อนหน้า โ ยปริมาณการส่งออกล ลงร้อยล

5.8 อเนื่องจา รล ลงร้อยล 6. ในไ รมาส อนหน้า ม รล ลงของ ริมาณ รส่งออ ในทุ หมว สินค้า

กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 5

Economic Outlook NESDC

ส่วนราคาสินค้าส่งออกเ มขึ้นร้อยล 0.3 ลอลงจา ร้อยล 2.0 ในไ รมาส อนหน้า ม ร ลอลงของ

ราคาส่งออ ในทุ หมว สินค้า เมื่อหั รส่งออ ทองค ที่ยังไม่ขึ้นร ออ แล้ว ม ลค่า รส่งออ ล ลงร้อยล

5.7 เทีย รล ลงร้อยล 2.3 ในไ รมาส อนหน้า ส่วนการส่งออกในรูปของเงินบาท มีม ลค่า 2, 23

นล้าน ท ล ลง อเนื่องเ นไ รมาสที่ 2 ร้อยล 5. เทีย รล ลงร้อยล 1.9 ในไ รมาส อนหน้า

รวมครึ่งแรกของปี 2566 รส่งออ สินค้ามีม ลค่า 1 0,068 ล้าน อลลาร์ สรอ. ล ลงร้อยล 5.1 อเนื่อง

จา รล ลงร้อยล 0.7 ใน วงครึ่งหลังของ ที่ผ่านมา โ ย ริมาณส่งออ ล ลงร้อยล 6.0 ขณ ที่ราคา

ส่งออ เ มขึ้นร้อยล 1.1 รส่งออ ในร เงิน ทมีม ลค่า ,795 นล้าน ท ล ลงร้อยล 3.7 เทีย

รขยาย วร้อยล 9.0 ใน วงครึ่งหลังของ ที่ผ่านมา

มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรล ลงร้อยล 3.5 ม รล ลงของ ริมาณ รส่งออ ร้อยล 5. ขณ ที่ราคา

ส่งออ เ มขึ้นร้อยล 2.1 โ ยม ลค่า รส่งออ ข้าวเ มขึ้นร้อยล 17.5 ซึ่งมี จจัยสนั สนุนจา รส่งออ

ไ ยัง ลา อินโ นีเซีย เ นส คัญ ทุเรียนเ มขึ้นร้อยล 19.6 ม รส่งออ ไ ยัง ลา จีนเ นส คัญ

แล น้ ตาลเ มขึ้นร้อยล 3 .9 ม รส่งออ ไ ยัง ลา อินโ นีเซียแล มาเลเซีย เ นส คัญ ขณ ที่ม ลค่า

รส่งออ ยางพาราล ลงร้อยล 0.2 ม รล ลงของ รส่งออ ไ ยังจีนแล มาเลเซีย เ นส คัญ

โ ยเ น รล ลงของทั้งราคาแล ริมาณส่งออ มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมล ลงร้อยล 6.5

อเนื่องจา รล ลงร้อยล 3.3 ในไ รมาส อนหน้า ม รล ลงของ ริมาณส่งออ ร้อยล 6.6 ขณ ที่

ราคาส่งออ เ มขึ้นร้อยล 0.1 ม ลค่า รส่งออ สินค้าอุ สาห รรมส คัญที่ล ลง ไ แ เครื่องจั รแล

อุ รณ์ (ล ลงร้อยล 1.5 นส่วนแล อุ รณ์ส หรั ยานยน (ล ลงร้อยล 3.3 อาหารสั ว์ (ล ลงร้อยล

2 .6 ผลิ ณฑ์โลห (ล ลงร้อยล 19.0 นส่วนแล อุ รณ์คอม วเ อร์ (ล ลงร้อยล 29.6 แล

เคมี ณฑ์แล โ รเคมี (ล ลงร้อยล 19.9 ส่วนม ลค่า รส่งออ สินค้าอุ สาห รรมส คัญที่ขยาย ว ไ แ

นส่วนเครื่องใ ไฟฟ้า (ร้อยล .8 รถ ร แล รถ รรทุ (ร้อยล 17.7 รถยน นั่ง (ร้อยล 10.0

แล เครื่องใ ในห้องน้ แล เครื่องส อาง (ร้อยล 0.7 มูลค่าการส่งออกสินค้าประมงล ลงร้อยล 0.6 ม ร

ล ลงของ ริมาณ รส่งออ ร้อยล 2. ขณ ที่ราคาส่งออ เ มขึ้นร้อยล 1.9 สินค้าที่มีม ลค่า รส่งออ

ล ลง ไ แ ลา (ล ลงร้อยล 16.5 สินค้าส่งออกอื่น ๆ ล ลงร้อยล 8.2 เ นผลจา รล ลงของม ลค่า

รส่งออ ทองค ที่ยังไม่ขึ้นร ร้อยล 1.3 เ นส คัญ

มูลค่าการส่งออกสินค้า

ในรูปเงินดอลลาร์ สรอ.

ลดลงต่อเนื่องจากไตรมาส

ก่อนหน้า ร้อยละ 5.6

สอดคล้องกับการชะลอตัว

ของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า

เมื่อหักทองค ออกแล้ว

มูลค่าการส่งออกลดลง

ร้อยละ 5.7

-20.0

-10.0

0.0

10.0

20.0

30.0

40.0

Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2

%YoY

ดัชนีมูลค่า ปริมาณ และราคาส่งออก

ราคา ม ลค่า ริมาณ

ที่มา ธนาคารแห่ง ร เท ไทย

-50.0

0.0

50.0

100.0

150.0

200.0

Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2

%YoY
สินค้าส่งออกจ แนกตามกิจกรรมการผลิต
สินค้าเ ร สินค้า ร มง
สินค้า ไม้ สินค้าเหมืองแร่
สินค้าอุ สาห รรม
ที่มา ธนาคารแห่ง ร เท ไทย
มูลค่าการส่งออกสินค้า
เกษตรลดลงตาม
การลดลงของการส่งออก
ยางพารา เป็นส คัญ
มูลค่าการส่งออกสินค้า
อุตสาหกรรมลดลง
ต่อเนื่อง
มูลค่าการส่งออกสินค้า
ประมงลดลง
สินค้าส่งออกส คัญ ในรูปดอลลาร์ สรอ.
%YoY 2565 2566 สัดส่วน
ทั้งปี H1 H2 Q1 Q2 Q3 Q4 H1 Q1 Q2 Q2/66 (%)
สินค้าเกษตร 1.0 9.9 -8.2 -1.8 18.6 -8.4 -8.0 -0.03 5.6 -3.5 9.2
ข้าว 1 .9 30.7 .0 17.3 6.8 12.5 -2.0 20.9 2 . 17.5 1.5
ยาง -7.9 .7 -19.8 6.2 3.0 0.2 -37.5 -38.9 -37.7 - 0.2 1.1
ทุเรียน -7.7 .3 -29.1 - 8.3 9.8 -53.1 96. 29.0 218.9 19.6 3.7
ผลไม้อื่น ๆ 8.9 36.8 -9.3 -1.9 73.3 -8.8 -9.8 -1.8 9.0 -7.6 1.0
สินค้าอุตสาหกรรม 4.8 10.4 -0.5 10.7 10.2 7.7 -8.0 -4.9 -3.3 -6.5 87.2
อาหาร 18.0 28. 8. 27. 29.3 21.5 -3.5 -2.9 3.5 -8.9 7.7
น้ ล 92. 1 6. 8.3 18 .2 116.8 121.2 -8.3 33.5 32.1 3 .9 2.0
ลา ร องแล ลาแ รร 1 .0 11.7 16.2 3.3 20.9 28.0 6.2 -6.6 -2.3 -10.8 0.9
ผลิ ณฑ์มันส หลังแล แ งมันส หลัง 6.5 11.3 1.9 5.8 18.9 7.5 -3.2 -32. -29.9 -35.5 0.
ผลไม้ ร องแล แ รร -25.8 -10.8 -36.8 -8.2 -13.2 -3 .3 -39.3 -5.3 -6.3 - .2 0.
เครื่อง ม 5.6 2.6 9.0 .9 0.5 15.8 2. 1.2 -1.5 3.9 1.1
ผลิ ณฑ์ยาง -12.6 -19. - .1 -25.0 -13.1 -8.0 0.2 -6.1 0.3 -12.3 2.2
อาหารสั ว์ 15.8 23.9 8.0 26.3 21.6 22.0 - . -22.5 -20. -2 .6 0.8
อิเล็ ทรอนิ ส์ 3.7 9.3 -1.2 17.1 2.5 5.0 -7.2 -7.1 -8.1 -6.1 11.3
-คอม วเ อร์ 0.6 21.1 -11.6 67.6 -17.8 10.2 -31. 88.0 19.2 205.5 0.6
- นส่วนแล อุ รณ์คอม วเ อร์ -11.1 1.2 -22.1 15.1 -10.1 -13.2 -31.2 -27.2 -2 .9 -29.6 3.7
-แผงวงจรรวมแล นส่วน 9.3 13. 5.5 17.7 9. 11.0 0.5 1.3 -0.2 2.9 3.
เครื่องใ ไฟฟ้า 2.7 3.3 2.1 7. -0.9 7. -2.8 6.9 .6 9.5 9.9
- เครื่อง รั อา 8.8 3. 15.9 5.6 1.0 38.7 -1.6 .5 12.6 -5.1 2.1
- เย็น -7.1 1.5 -16.5 6.8 -3.3 -1. -30.7 -18.9 -18.8 -19.0 0.7
- นส่วนเครื่องใ ไฟฟ้า 13. . 22.6 .9 3.8 13.5 31.7 36.0 27.3 .8 3.2
ผลิ ณฑ์โลห 3.9 20.5 -10.7 19.6 21. -3. -17.9 -16.8 -1 .3 -19.0 5.1
ยานยน -1.0 - .8 2.9 -5.8 -3.6 9.0 -2.3 2.9 2.1 3.8 1 .1
- รถยน นั่ง -29.8 - 9.3 -1.1 -50.3 - 8.3 -6.2 2.8 19.7 29.0 10.0 2.0
- รถ ร แล รถ รรทุ -8.9 -20.6 3.7 -28.8 -9.5 15.1 - .8 11. 5.5 17.7 2.7
- นส่วนแล อุ รณ์ยานยน -0.2 2.7 -3.1 3.5 1.9 2.3 -8. -5.8 -8.2 -3.3 6.
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 6
Economic Outlook NESDC
ตลาดส่งออก: การส่งออกสินค้าไปยังตลาดหลักลดลง ส่วนการส่งออกไปยังตลาดรอง ได้แก่ ออสเตรเลีย
สหราชอาณาจักร แอฟริกาใต้ และซาอุดีอาระเบียขยายตัว โ ย รส่งออ ไ ยังตลาดสหรัฐฯ ล ลง อเนื่อง
เ นไ รมาสที่ 3 ร้อยล 3.3 ม รล ลงของ รส่งออ เครื่องคอม วเ อร์แล ส่วน ร อ ผลิ ณฑ์ยาง
แล เหล็ ล้าแล ผลิ ณฑ์ เ นส คัญ รส่งออ ไ ยังตลาดจีนล ลง อเนื่องเ นไ รมาสที่ 5 ร้อยล 0.7
ม รล ลงของ รส่งออ ผลิ ณฑ์ยาง เม็ ลาส แล เครื่องคอม วเ อร์แล ส่วน ร อ เ นส คัญ
รส่งออ ไ ยังตลาดญี่ปุ่นล ลง อเนื่องเ นไ รมาสที่ ร้อยล 2.3 ม รล ลงของ รส่งออ ไ แ รร
เม็ ลาส แล เครื่องคอม วเ อร์แล ส่วน ร อ เ นส คัญ รส่งออ ไ ยังตลาดอาเซียน (5) ล ลง
อเนื่องเ นไ รมาสที่ 3 ร้อยล 12. ( ม รล ลงของ รส่งออ ไ ยัง ลา มาเลเซียแล สิงคโ ร์
เ นส คัญ รส่งออ ไ ลุ่ม ร เท CLMV ล ลง อเนื่องเ นไ รมาสที่ 3 ร้อยล 19.3 ( ม รล ลงของ
รส่งออ ไ ยัง ลา เวีย นาม ม เ นส คัญ รส่งออ ไ ยังตลาดสหภาพยุโรป (27) ล ลง อเนื่อง
เ นไ รมาสที่ 3 ร้อยล 2.6 ม รล ลงของ รส่งออ เครื่องคอม วเ อร์แล ส่วน ร อ ผลิ ณฑ์ยาง
แล เครื่องจั ร ลแล ส่วน ร อ เ นส คัญ รส่งออ ไ ยังตลาดอินเดียล ลงร้อยล 19. ม รล ลง
ของ รส่งออ เม็ ลาส เคมี ณฑ์ แล ไขมันแล น้ มันจา แล สั ว์ เ นส คัญ อย่างไร ม
รส่งออ ไ ยังตลาดออสเตรเลียขยาย วร้อยล 15.0 โ ยมี จจัยสนั สนุนจา รเ มขึ้นของ รส่งออ
รถยน แล ส่วน ร อ เครื่องคอม วเ อร์แล ส่วน ร อ แล เครื่องจั ร ลแล ส่วน ร อ เ นส คัญ
รส่งออ ไ ยังตลาดสหราชอาณาจักรขยาย ว อเนื่องเ นไ รมาสที่ ร้อยล 20. ม รขยาย วของ
รส่งออ ไ แ รร แล รถยน แล ส่วน ร อ เ นส คัญ รส่งออ ไ ยังตลาดแอฟริกาใต้ขยาย ว
อเนื่องเ นไ รมาสที่ 2 ร้อยล 15.8 โ ยมี จจัยสนั สนุนจา รขยาย วของ รส่งออ รถยน
แล ส่วน ร อ ข้าว แล เครื่องยน สัน ยในแ ล ส แล นส่วน เ นส คัญ เ นเ ยว
รส่งออ ไ ยังตลาดซาอุดีอาระเบียขยาย ว อเนื่องเ นไ รมาสที่ 7 ร้อยล 22.3 ม รขยาย วของ
รส่งออ รถยน แล ส่วน ร อ ไม้แล ผลิ ณฑ์ แล เครื่องจั ร ลแล ส่วน ร อ เ นส คัญ
การส่งออกสินค้าไปยัง
ตลาดส่งออกหลักลดลง
ขณะที่การส่งออกไปยัง
ตลาดรอง ได้แก่
ออสเตรเลีย
สหราชอาณาจักร
แอฟริกาใต้ และ
ซาอุดีอาระเบียขยายตัว
ตลาดส่งออกส คัญ ในรูปดอลลาร์ สรอ.
%YOY 2565 2566 สัดส่วน
ทั้งปี H1 H2 Q1 Q2 Q3 Q4 H1 Q1 Q2 Q2/66 (%)
มูลค่าการส่งออกรวมตามสถิติ
ศุลกากร
(ล้านดอลลาร์ สรอ.)
287,425 149,193 138,232 73,607 75,586 72,239 65,994 141,170 70,280 70,890 100.0
(%YoY) 5.7 12.7 -1.0 14.8 10.8 6.7 -8.2 -5.4 -4.5 -6.2
สหรั อเมริ 13. 20. 7.1 23.1 17.8 15.9 -1.3 -3.6 -3.9 -3.3 16.5
ญี่ น -1. 1.1 -3.8 1.3 0.9 -0.3 -7.3 -1.3 -0.3 -2.3 8.5
สห ยุโร (27 5.2 5.7 .7 5.6 5.7 15.0 - .7 -2. -2.2 -2.6 7.7
จีน -7.6 0.8 -15.7 .1 -1.8 -17.7 -13.5 -3.7 -7. -0.7 1 .2
อาเซียน (9 10.5 18.1 3.3 17.0 19.2 18.9 -10. -9.9 - .1 -15. 23.2
- อาเซียน (5 * 9.7 25.2 -3.7 27.3 23.3 11.8 -17.3 -7.5 -2. -12. 13.7
- CLMV** 11.5 9.7 13.5 5.0 1 .2 29.3 -0.3 -13.2 -6. -19.3 9.5
ออสเ รเลีย 2.1 -2.8 7.2 -2.3 -3. 17.8 -1.8 0.0 -13.3 15.0 .1
ฮ่อง ง -13.0 -1.9 -23.6 5.0 -7.2 -22.6 -2 .7 -6.7 -3. -9.6 3.8
วันออ ลาง (15 21.7 22.8 20.6 16.6 29.1 33.0 10.5 -1.0 9.5 -10.7 3.
อินเ ย 22.6 6. 3.6 33.0 60.1 1 .0 -5.9 -8.8 3.7 -19. 3.
เ หลีใ 8.7 18.5 -0.8 23.2 1 .6 7.7 -9.7 -5.7 -0.5 -10. 2.3
ไ หวัน 1.0 8.9 -6.8 9.7 8.3 -1.9 -11.3 -5.1 -2.6 -7.3 1.8
สหรา อาณาจั ร 15.6 7.7 2 .2 18.1 -2.1 33.3 16.5 11.1 2.8 20. 1.6
แอฟริ ใ -6. 0.9 -12.9 - .5 6.9 -1 .5 -11.1 21. 27.1 15.8 1.2
สหรั อาหรั เอมิเร ส์ 23.1 25.5 20.9 20. 30.6 7.1 0.7 - .1 10.3 -17.3 1.0
ซาอุ อาร เ ย 2 .9 11.0 39. 5. 17.0 36.2 2.3 31.9 1.7 22.3 0.8
หมายเห : * อาเซียน (5 ร อ วย ร ไน อินโ นีเซีย มาเลเซีย ฟิลิ นส์ แล สิงคโ ร์
ที่มา: ธนาคารแห่ง ร เท ไทย
สินค้าส่งออกส คัญ ในรูปดอลลาร์ สรอ.
%YoY
2565 2566 สัดส่วน
ทั้งปี H1 H2 Q1 Q2 Q3 Q4 H1 Q1 Q2 Q2/66 (%)
เครื่องจั รแล อุ รณ์ 6.3 7.2 5. 6.6 7.9 11.2 -0.1 -1.2 -1.0 -1.5 8.1
เครื่อง ร  31.6 0.5 2 .5 39.6 1.3 50.6 3.6 12.6 21.9 3.7 2.7
เคมี ณฑ์แล โ รเคมี -3.2 11.3 -16.3 18.8 .8 -8.7 -23.7 -20.8 -21.7 -19.9 7.5
ผลิ ณฑ์ โ รเลียม 1 .5 6.1 -8.7 23.5 6 . 10.2 -25.8 -17.0 3.3 -29. 3.5
อุ รณ์แล เครื่องมือ น รแ ทย์ -2.9 -1.6 - .3 - .5 1.3 2.6 -10.6 5.7 8.0 3.7 0.8
เครื่องใ ในห้องน้ แล เครื่องส อาง 16.0 21.3 10.9 18.5 2 .2 18.2 .1 0.8 0.8 0.7 1.2
สินค้าประมง -2.1 2.8 -6.3 13.9 -5.8 1.1 -13.5 -6.6 -13.2 -0.6 0.6
 ง, , ง แล ล็อ สเ อร์ -7.7 -3.8 -10.7 8.1 -12.0 - .3 -16.9 -0. -11.2 8.7 0.3
 ลา 0.2 .8 - .2 1 .7 - .1 6.6 -1 .2 -20.5 -2 .3 -16.5 0.1
สินค้าส่งออกอื่น ๆ 73.3 160.2 -0.3 548.6 4.3 20.2 -24.7 -28.7 -36.9 -8.2 1.9
ทองค ที่ยังไม่ขึ้นร 81.2 177.9 2.8 681.8 -0.8 2 .1 -22.9 -3 .9 - 6.9 -1.3 1.8
มูลค่าสินค้าส่งออกรวมตามสถิติศุลกากร 5.7 12.7 -1.0 14.8 10.8 6.7 -8.2 -5.4 -4.5 -6.2 100.0
มูลค่าสินค้าส่งออกรวมตามสถิติดุลการช ระเงิน 5.4 11.8 -0.7 14.2 9.6 6.5 -7.5 -5.1 -4.5 -5.6 99.1
มูลค่าสินค้าส่งออกไม่รวมทองค  4.3 9.6 -0.8 9.3 9.8 6.2 -7.3 -4.0 -2.3 -5.7 97.3
ที่มา: ธนาคารแห่ง ร เท ไทย
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 7
Economic Outlook NESDC
ทิศทางของสินค้าส่งออกส คัญในช่วงครึ่งแรกของปี 2566
ม ลค่า รส่งออ สินค้าใน วงครึ่งแร ของ  2566 ล ลงร้อยล 5.1 เทีย  รขยาย วร้อยล 5. ใน  2565 สอ คล้อง  ร ลอ ว
ของเ ร จ ร เท ค ค้า เมื่อ จารณาอั รา รเ ลี่ยนแ ลงของสินค้าส่งออ หลั ในครึ่งแร ของ  2566 เทีย   2565 สามารถแบ่ง
สินค้าออกเป็น 4 กลุ่ม คิดเป็นสัดส่วนรวมร้อยละ 93.0 ของมูลค่าการส่งออกรวม ได้แก่ สินค้าที่ยังมีศักยภาพ สินค้าที่ฟื้นตัวจากฐานปี
ก่อน สินค้าที่ลดลงจากฐานสูงในปีก่อน และสินค้าที่ลดลงต่อเนื่อง โ ยมีรายล เอีย งนี้
1. สินค้าที่ยังมีศักยภาพ (สินค้าที่ขยาย วในครึ่งแร ของ  2566 แล  2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 24.7 ของม ลค่า รส่งออ
รวม เ น นส่วนเครื่องใ ไฟฟ้า น้  ล อุ รณ์โทรคมนาคม เครื่อง ร  แล ข้าว เ น น แส งให้เห็นความ อง รสินค้าที่เ มขึ้น
 อเนื่อง แล โอ สใน รส่งเสริม รส่งออ สินค้า ลุ่มนี้เ อรั  ลา ในร ย อไ
2. สินค้าที่ฟื้นตัวจากฐานปีก่อน (สินค้าที่ ลั มาขยาย วในครึ่งแร ของ  2566 จา รล ลงใน  2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ
9.6 ของม ลค่า รส่งออ รวม เ น ทุเรียน รถยน นั่ง รถ ร แล รถ รรทุ แล อุ รณ์ น รแ ทย์ เ น น ซึ่งเ นสินค้าอี ลุ่ม
ที่มี  ย  ใน  2566 แส งให้เห็นถึง ร ลั มาของอุ สงค์จา ร เท ค ค้า
3. สินค้าที่ลดลงจากฐานสูงของปีก่อน (สินค้าที่ล ลงในครึ่งแร ของ  2566 เทีย  รขยาย วใน  2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ
30.8 ของม ลค่า รส่งออ รวม เ น ลา ร องแล แ รร เฟอร์นิเจอร์ แล อาหารสั ว์สอ คล้อง  รล ลงของอุ สงค์จา ร เท ค ค้า
เหล็ แล ผลิ ณฑ์ โ รเลียมสอ คล้อง  รผลิ ที่ล ลง โ ยเฉ  ลา สหรั อเมริ  เ น น
 . สินค้าที่ลดลงต่อเนื่อง (สินค้าที่ยังคงล ลงในครึ่งแร ของ  2566 อเนื่องจา รล ลงใน  2565 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.9
ของม ลค่า รส่งออ รวม เ น ผลิ ณฑ์ยาง นส่วนอุ รณ์ยานยน  ยาง รา นส่วนคอม วเ อร์ แล เคมี ณฑ์แล โ รเคมี เ น น
ซึ่งสินค้า ลุ่มนี้จ เ น องไ รั ร  มอย่างใ ล้  แล ควรเร่ง เนินแนวทางมา ร รแ ไข ญหาเ อให้ รส่งออ สินค้า ลุ่มนี้
 ลั มาขยาย วไ ในร ย อไ
คอม วเ อร์
 นส่วนเครื่องใ ไฟฟ้า
ข้าว
รถจั รยานยน  น้  ล
อุ รณ์ รถ่าย
อุ รณ์
โทรคมนาคม
เครื่อง ร
อุ รณ์
อิเล็ ทรอนิ ส์
แอร์
ผลิ ณฑ์
อาหารจา แ ง
เครื่อง ม แผงวงจรรวม
เครื่องส อางค์ -20.0
0.0
20.0
40.0
60.0
80.0
100.0
-20.0 0.0 20.0 40.0 60.0 80.0 100.0 120.0
H1/66 (%YoY)
2565
(%YoY)
สินค้าส่งออกที่ยังมีศักยภาพ
ที่มา ธนาคารแห่ง ร เท ไทย ร มวลโ ยส
หมายเห Size of Bubble : สั ส่วน รส่งออ ร้อยล
สั ส่วนร้อยล
สินค้าเ รแ รร อื่นๆ
ผลิ ณฑ์จา สั ว์
ทุเรียน
รถยน นั่ง
รถ ร
เครื่องซั ผ้า
หนังแล เครื่องหนัง
อุ รณ์ น รแ ทย์
-10.0
0.0
10.0
20.0
30.0
40.0
50.0
-40.0 -20.0 0.0 20.0 40.0
H1/66 (%YoY)
2565
(%YoY)
สินค้าส่งออกที่ฟื้นตัวจากฐานปีก่อน
ที่มา ธนาคารแห่ง ร เท ไทย ร มวลโ ยส
หมายเห Size of Bubble : สั ส่วน รส่งออ ร้อยล
สั ส่วนร้อยล
เครื่องจั รแล อุ รณ์
ผลไม้อื่น
สินค้า
อุ สาห รรมอื่น
 ลาหมึ
เ  ไ แ รร
สินค้า สิ รรมอื่น
 ลา ร อง
ผลิ ณฑ์อาหารอื่น สิ่งทอ
อา  ยาน ผลิ ณฑ์ โ รเลียม
ทองแ ง
เหล็
 ลา
เฟอร์นิเจอร์ อาหารสั ว์
อล มิเนียม
ผลิ ณฑ์มันส  หลัง
-40.0
-20.0
0.0
20.0
40.0
-20.0 0.0 20.0 40.0 60.0 80.0
H1/66 (%YoY)
2565
(%YoY)
สินค้าส่งออกที่ลดลงจากฐานที่สูงของปีก่อน
ที่มา ธนาคารแห่ง ร เท ไทย ร มวลโ ยส
หมายเห Size of Bubble : สั ส่วน รส่งออ ร้อยล
สั ส่วนร้อยล
 เย็น
เคมี ณฑ์แล โ รเคมี
 นส่วนคอม วเ อร์ ง แ รร
ยาง รา
 ร
 ง
ผลไม้ ร อง นส่วนยานยน
ผลิ ณฑ์ยาง
 นส่วนอิเล็ ทรอนิ ส์ ไม้แล ผลิ ณฑ์
โลห อื่นๆ
วงจร ม
-60.0
-40.0
-20.0
0.0
20.0
40.0
60.0
-30.0 -20.0 -10.0 0.0 10.0 20.0 30.0
H1/66 (%YoY)
2565
(%YoY)
สินค้าส่งออกที่ลดลงต่อเนื่อง
ที่มา ธนาคารแห่ง ร เท ไทย ร มวลโ ยส
หมายเห Size of Bubble : สั ส่วน รส่งออ ร้อยล
สั ส่วนร้อยล
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 8
Economic Outlook NESDC
มูลค่าการน เข้าในรูป
เงินดอลลาร์ สรอ. ปรับตัว
ลดลงร้อยละ 5.0 เทียบกับ
การขยายตัวร้อยละ 2.0
ในไตรมาสก่อนหน้า
การน เข้าสินค้าในรูปเงินดอลลาร์ สรอ. มีม ลค่า 68,110 ล้าน อลลาร์ สรอ. รั วล ลงร้อยล 5.0 เทีย
 รขยาย วร้อยล 2.0 ในไ รมาส อนหน้า สอ คล้อง  รล ลงของ รผลิ คอุ สาห รรมแล รส่งออ
โ ย ริมาณแล ราคาน เข้ารวมล ลงร้อยล .0 แล ร้อยล 1.1 มล   ม รล ลงของ ริมาณแล ราคา
 รน เข้าในหมว สินค้าวั ถุ  แล สินค้าขั้น ลางร้อยล 6.6 แล ร้อยล 5.8 มล   ทั้งนี้ หา ไม่รวม
 รน เข้าทองค  ม ลค่า รน เข้าล ลงร้อยล .7 ในรูปของเงินบาท รน เข้าสินค้ามีม ลค่ารวม 2,3 8
 นล้าน ท ล ลงร้อยล .9 เทีย  รเ มขึ้นร้อยล .6 ในไ รมาส อนหน้า
รวมครึ่งแรกของปี 2566 รน เข้าสินค้าคิ เ นม ลค่า 13 ,970 ล้าน อลลาร์ สรอ. ล ลงร้อยล 1.7 เทีย
 รขยาย วร้อยล 9.3 ใน วงครึ่งหลังของ  อนหน้า โ ย ริมาณน เข้ารวมล ลงร้อยล 3.2 ขณ ที่ราคาน เข้า
รวมเ มขึ้นร้อยล 1.8 ส่วน รน เข้าในร ของเงิน ทมีม ลค่า ,615 นล้าน ท ล ลงร้อยล 0.
ในรายหมวด มูลค่าการน เข้าหมวดวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางล ลงร้อยล 12.1 อเนื่องจา รล ลงร้อยล
1.2 ในไ รมาส อนหน้า สอ คล้อง  รล ลงของ รผลิ สาขาอุ สาห รรม โ ย ริมาณแล ราคาน เข้า
ล ลงร้อยล 6.6 แล ร้อยล 5.8 มล   สินค้าส คัญที่มีม ลค่า รน เข้าล ลง เ น นส่วนอิเล็ ทรอนิ ส์
แล นส่วนเครื่องใ ไฟฟ้า น้ มัน  แล เคมี ณฑ์แล ผลิ ณฑ์ โ รเคมี เ น น มูลค่าการน เข้าหมวด
สินค้าอื่น ๆ ล ลงร้อยล 13.3 ม รล ลงของ รน เข้าสินค้า ลุ่มทองค  (ไม่รวมทองร รรณ แล
สินค้าน เข้าเ  เ ล็ ที่ร้อยล 15.2 แล ร้อยล 8.1 มล   ขณ ที่มูลค่าการน เข้าหมวดอุปโภคบริโภค
เ มขึ้นร้อยล 6. อเนื่องจา ร้อยล 11.0 ในไ รมาส อนหน้า สอ คล้อง  รขยาย วในเ ณฑ์ส ง
ของ รอุ โ ค ริโ ค คเอ น โ ย ริมาณแล ราคาน เข้าเ มขึ้นร้อยล .0 แล ร้อยล 2.3 มล
สินค้าส คัญที่มีม ลค่า รน เข้าเ มขึ้น เ น อาหาร เครื่อง มแล ผลิ ณฑ์นม แล ยาน หน เ น น
แล มูลค่าการน เข้าหมวดสินค้าทุนเ มขึ้นร้อยล 7.5 โ ย ริมาณแล ราคาน เข้าเ มขึ้นร้อยล 7.0 แล ร้อยล
0. มล   สินค้าส คัญที่มีม ลค่า รน เข้าเ มขึ้น เ น เครื่องจั ร ลอื่น ๆ แล นส่วน หม้อแ ลง
เครื่อง เนิ ไฟฟ้า มอเ อร์แล เครื่องเ  ร จุไฟฟ้า แล คอม วเ อร์ เ น น
ที่มา ธนาคารแห่ง ร เท ไทย
-30.0
-20.0
-10.0
0.0
10.0
20.0
30.0
40.0
50.0
60.0
Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2

%YoY
สินค้าน เข้าจ แนกตามภาคเศรษฐกิจ
สินค้าอุ โ ค ริโ ค
วั ถุ  แล สินค้าขั้น ลาง
สินค้าทุน
รวม
ที่มา ธนาคารแห่ง ร เท ไทย
-30.0
-20.0
-10.0
0.0
10.0
20.0
30.0
40.0
50.0
Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2

%YoY ดัชนีมูลค่า ปริมาณ และราคาน เข้า
ราคา ม ลค่า ริมาณ
สินค้าน เข้าส คัญ ในรูปดอลลาร์ สรอ.
%YoY 2565 สัดส่วน
Q2/66 (%)
2566
ทั้งปี H1 H2 Q1 Q2 Q3 Q4 H1 Q1 Q2
สินค้าอุปโภคบริโภค 6.5 8.0 5.1 8.1 8.0 12.7 -1.5 8.7 11.0 6.4 12.6
- ไม่รวมยาน หน 5.3 9.0 1.9 9.3 8.7 9. - .8 0.7 3.2 -1.9 11.1
อาหารเครื่อง มแล ผลิ ณฑ์นม 1 .6 1 .8 1 . 13. 16.2 17.6 11.3 0.9 1.0 0.8 2.5
ยาน หน 32.2 -8.9 88.2 -12.2 -5.5 107.8 7 .7 177.8 179.1 176.6 1.5
ยาแล เว ณฑ์ -6.9 29.2 -31.3 52.8 10.3 -39. -22.0 -1 .7 -19.2 -9.6 1.2
ผลิ ณฑ์จา สั ว์แล ร มง 5.8 1. 10.3 9.1 -5.2 1 .2 6.9 0.7 1.9 -0.5 1.2
โทร  ท์มือถือ -11. -7.3 -15.0 -17.7 8.1 35. -39.1 -1 .3 - .8 -25.0 1.0
วัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง 16.4 27.2 6.7 28.0 26.6 19.1 -5.2 -6.9 -1.2 -12.1 64.9
- ไม่รวม ลุ่มเ อเ ลิง 5.7 13.7 -1.9 16.0 11.5 .3 -8.3 -8.0 - .1 -11.7 5.9
 นส่วนอิเล็ ทรอนิ ส์แล นส่วนเครื่องใ ไฟฟ้า 8.8 17.3 1.2 19.9 1 .9 7.7 -5.3 -2.1 -0.8 -3. 15.0
น้ มัน  53.1 83.6 29.5 70. 9 .7 61.0 .7 -5.5 11.6 -18.2 12.0
เคมี ณฑ์แล ผลิ ณฑ์ โ รเคมี 6.6 16.3 -2.6 18.6 1 .3 5. -11.0 -16.3 -10.5 -21. 8.9
วัส ที่ท  วยโลห -0.5 15.7 -15.5 18.3 13.5 -8.6 -22.6 -21.1 -1 .6 -26.8 8.1
 ซธรรม   109. 171.3 75.7 262.0113.8 233.3 -10.7 10.0 -1.1 21.9 .2
ผลิ ณฑ์ โ รเลียม 20.5 32. 10. 30.6 3 .0 16.3 .9 -1 .8 -13. -16.0 2.3
สินค้าทุน 2.1 7.9 -3.2 8.6 7.3 -0.1 -6.2 4.1 0.7 7.5 18.7
เครื่องจั ร ลอื่น ๆ แล นส่วน 2.1 5.8 -1.5 8.3 3. -0.7 -2. -1.5 - . 1. 7.7
หม้อแ ลง, เครื่อง เนิ ไฟฟ้า, มอเ อร์, 6.7 8.6 5.0 7.3 9.9 7.3 2.6 .5 6.0 2.9 1.8
คอม วเ อร์ -15.7 3.1 -28. 21.3 -12.7 -19.8 -37.6 1.8 -16.3 111.9 1.8
อา  ยาน, เรือ, แท่น, แล รถไฟ 11.3 9. -17.3 26.5 68. 9.3 -28.6 3.8 18.5 -5. 1.5
เครื่อง ง วง วั -0.1 -2.6 2.5 -6.1 1.0 1.7 3.5 3.2 6.3 0.3 1.3
สินค้าน เข้าอื่น ๆ 21.4 -14.4 70.9 -42.9 49.9 138.1 14.8 -13.1 -12.8 -13.3 3.8
ทองค  (ไม่รวมทองร รรณ 32.0 -18.8 11 .1 -5 .1 103.6 2 5.8 23. -19.2 -2 .2 -15.2 2.7
สินค้าน เข้าเ  เ ล็ -2.2 -2.1 -2.3 9.9 -12. -1.0 -3.7 1.1 9.6 -8.1 1.1
มูลค่าสินค้าน เข้ารวมตามสถิติศุลกากร 12.8 18.9 7.1 16.3 21.5 18.9 -4.1 -3.5 0.2 -6.9 100.0
มูลค่าสินค้าน เข้ารวมตามสถิติดุลการช ระเงิน 14.0 19.1 9.3 15.8 22.3 21.4 -2.3 -1.7 2.0 -5.0 91.8
มูลค่าการน เข้าสินค้าไม่รวมทองค  13.4 20.9 6.4 21.2 20.7 16.3 -3.1 -1.1 2.8 -4.7 89.1
ที่มา: ธนาคารแห่ง ร เท ไทย
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 9
Economic Outlook NESDC
อัตราการค้า (Term of Trade) รั วเ มขึ้นเ นครั้งแร ในรอ 10 ไ รมาส เนื่องจา ราคาส่งออ เ มขึ้น
ร้อยล 0.3 ขณ ที่ราคาน เข้าล ลงร้อยล 1.1 ส่งผลให้อั รา รค้าอย ที่ร  97.3 เ มขึ้นจา ร  95.9
ในไ รมาสเ ยว นของ  อน แล ร  95.8 ในไ รมาส อนหน้า แ ยังเ นอั รา รค้าที่อย ในร    ว่า 100
  อ นเ นไ รมาสที่ 6
รวมครึ่งแรกของปี 2566 อั รา รค้าอย ที่ร  96.6 เทีย  ร  96.5 ใน วงครึ่งหลังของ ที่ผ่านมา
โ ยราคาน เข้าเ มขึ้นร้อยล 1.8 เร็ว ว่า รเ มขึ้นของราคาส่งออ ร้อยล 1.1
ดุลการค้าเกินดุลในไ รมาสที่สองของ  2566 ล รค้าเ น ล 2.2 นล้าน อลลาร์ สรอ.   ว่า รเ น ล 2.9
 นล้าน อลลาร์ สรอ. ในไ รมาส อนหน้า แล รเ น ล 2.7 นล้าน อลลาร์ สรอ. ในไ รมาสเ ยว นของ
  อน เมื่อคิ ในร เงิน ท ล รค้าเ น ล 75.1 นล้าน ท   ว่า รเ น ล 10 . นล้าน ท ในไ รมาส
 อนหน้า แล รเ น ล 93.3 นล้าน ท ในไ รมาสเ ยว นของ  อน
รวมครึ่งแรกของปี 2566 ล รค้าเ น ล 5.1 นล้าน อลลาร์ สรอ. เทีย  รเ น ล 3.3 นล้าน อลลาร์ สรอ.
ใน วงครึ่งหลังของ ที่ผ่านมา แล รเ น ล 10.3 นล้าน อลลาร์ สรอ. ใน วงเ ยว นของ  อน เมื่อคิ ในร
เงิน ท ล รค้าเ น ล 179. นล้าน ท เทีย  รเ น ล 121.3 นล้าน ท ใน วงครึ่งหลังของ ทีผ่านมา
ดุลการค้าเกินดุล 2.2
พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ต่ กว่าการเกินดุลใน
ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
อัตราการค้าเพิ่มขึ้นเป็น
ครั้งแรกในรอบ 10 ไตรมาส
ดัชนีปริมาณสินค้าน เข้าจ แนกตามภาคเศรษฐกิจ
ดัชนีปริมาณสินค้าน เข้า
%YoY
2565 2566 ทั้งปี H1 H2 Q1 Q2 Q3 Q4 H1 Q1 Q2
สินค้าอุ โ ค ริโ ค 1.6 2.8 0.5 3.5 2.2 6.9 -5.3 5.3 6.5 .0 วั ถุ  แล สินค้าขั้น ลาง 1.3 6.9 - .3 7.9 6.0 3.8 -12.3 - . -2.3 -6.6
สินค้าทุน -0.7 .2 -5.2 5.0 3. -3.2 -7.2 3. -0.3 7.0
ดัชนีปริมาณน เข้ารวม 1.2 4.2 -1.8 2.7 5.8 6.8 -10.1 -3.2 -2.6 -4.0
ที่มา: ธนาคารแห่ง ร เท ไทย
ดัชนีราคาสินค้าน เข้าจ แนกตามภาคเศรษฐกิจ
ดัชนีราคาสินค้าน เข้า
%YoY
2565 2566
ทั้งปี H1 H2 Q1 Q2 Q3 Q4 H1 Q1 Q2
สินค้าอุ โ ค ริโ ค .9 5.1 .7 . 5.7 5. .0 3.3 .3 2.3
วั ถุ  แล สินค้าขั้น ลาง 15.0 19.0 11.3 18.6 19. 1 .7 8.0 -2. 1.2 -5.8
สินค้าทุน 2.9 3.6 2.1 3.3 3.8 3.2 1.1 0.7 1.0 0.
ดัชนีราคาน เข้ารวม 12.7 14.2 11.2 12.8 15.6 13.7 8.8 1.8 4.8 -1.1
ที่มา: ธนาคารแห่ง ร เท ไทย
สาขาเกษตรกรรม การป่าไม้ และการประมง: ขยายตัวร้อยละ 0.5 ชะลอลงจากการขยายตัวร้อยละ 6.2
ในไตรมาสก่อนหน้า ตามการลดลงของผลผลิตหมวดพืชผลส คัญ โดยเฉพาะอ้อยและกลุ่มไม้ผล ในขณะที่
ผลผลิตหมวดปศุสัตว์และหมวดประมงขยายตัว สอ คล้อง   นีผลผลิ สินค้าเ รที่เ มขึ้นร้อยล 0.
 ลอลงจา ร้อยล .1 ในไ รมาส อนหน้า โ ยผลผลิ สินค้าเ รส คัญ ๆ ที่ขยาย ว ไ แ  (1 ข้าวเปลือก
เ มขึ้นร้อยล 17.5 เ นผลจา แรงจ งใจ นราคาใน ที่ผ่านมาท ให้เ ร รขยาย นที่เ  ล (2 ข้าวโพด
เลี้ยงสัตว์ เ มขึ้นร้อยล 25.1 เนื่องจา ราคาใน วงที่ผ่านมาอย ในเ ณฑ์  รวมทั้งนโย ยส่งเสริมให้เ ร ร
 ล ข้าวโ เลี้ยงสั ว์หลัง ท นาของ ครั ท ให้เ ร รขยาย นที่เ  ล ร อ  ส  อา
ที่เอื้ออ นวย (3 สุกร เ มขึ้นร้อยล 7. แล ( กุ้งขาวแวนนาไม เ มขึ้นร้อยล 1 . อย่างไร  ม  นี
ผลผลิ สินค้าเ รส คัญ ๆ งราย ร รั วล ลง ไ แ  (1 อ้อย (ล ลงร้อยล 66.2 เนื่องจา ริมาณ
ฝนน้อย ว่า ที่ผ่านมา ร อ  ราคา ยที่ยังคงอย ในร  ส ง ท ให้เ ร รมี ร รุง นอ้อยน้อยลง
(2 กลุ่มไม้ผล(ล ลงร้อยล 10.5 โ ยเฉ  ทุเรียนล ลงร้อยล 7.1 เ นผลมาจา ส  อา  ที่ไม่เอื้ออ นวย
 ร อ  ผลผลิ งส่วนไ รั ผล ร ท จา โรคร  (3 ปาล์มน้ มัน (ล ลงร้อยล 5.3 แล
( มันส ปะหลัง (ล ลงร้อยล .1 ส่วนดัชนีราคาสินค้าเกษตรล ลง อเนื่องเ นไ รมาสที่ 2 ร้อยล 5.
 ม รล ลงของ  นีราคาสินค้าเ รส คัญ ๆ เ น (1 ยางพารา ล ลงร้อยล 28.3 (2 ปาล์มน้ มัน
(ล ลงร้อยล .7 (3 สุกร (ล ลงร้อยล 1 .6 แล ( กุ้งขาวแวนนาไม (ล ลงร้อยล 15.2 อย่างไร  ม
  นีราคาสินค้าเ รส คัญ ๆ หลายราย ร รั วเ มขึ้น เ น ราคาข้าวเ ลือ (เ มขึ้นร้อยล 12.3 แล
กลุ่มไม้ผล (เ มขึ้นร้อยล 8.8 มล   รล ลงของ  นีราคาสินค้าเ ร ส่งผลให้ดัชนีรายได้เกษตรกร
โดยรวมล ลงครั้งแร ในรอ 6 ไ รมาส ร้อยล .9
รวมครึ่งแรกของปี 2566 รผลิ สาขาเ ร รรม ร ไม้ แล ร ร มงเ มขึ้นร้อยล 3. อเนื่องจา
 รเ มขึ้นร้อยล 1.2 ใน วงครึ่งหลังของ ที่ผ่านมา โ ย  นีผลผลิ สินค้าเ รเ มขึ้นร้อยล 2.5
  นีราคาสินค้าเ รล ลงร้อยล 3. แล  นีรายไ เ ร รโ ยรวมล ลงร้อยล 0.6
อัตราการค้า
%YoY 2565 2566
ทั้งปี H1 H2 Q1 Q2 Q3 Q4 H1 Q1 Q2
อั รา รค้า* 96.5 97.2 96.5 98.5 95.9 96.0 97.0 96.6 95.8 97.3
%YOY -7.8 -8. -6.7 -7.8 -9.1 -8.1 -5.2 -0.6 -2.7 1.
หมายเห  : * อั รา รค้า (Terms of Trade : TOT คือ ราคาสินค้าส่งออ เทีย  ราคาสินค้าน เข้าของแ ล ร เท หา TOT รั ขึ้น หมายถึง ร เท นั้น ๆ ไ  ร โย น์มา ขึ้นจา รค้าร หว่าง ร เท เนื่องจา สินค้าที่ส่งออ ไ ราคาส งขึ้นเทีย  ราคาที่น เข้า
ที่มา: ธนาคารแห่ง ร เท ไทย
ด้านการผลิต
สาขาที่พักแรมและบริการ
ด้านอาหาร สาขา
เกษตรกรรม การป่าไม้ และ
การประมง สาขาการขนส่ง
และสถานที่เก็บสินค้า
สาขาการขายส่งและ
การขายปลีก การซ่อมฯ
และสาขาการก่อสร้าง
ชะลอตัวลงจากไตรมาส
ก่อนหน้า ส่วนสาขา
การไฟฟ้า และก๊าซฯ
กลับมาขยายตัว ในขณะที่
สาขาการผลิตสินค้า
อุตสาหกรรมปรับตัวลดลง
ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3
สาขาเกษตรกรรม
การป่าไม้ และการประมง
ขยายตัวร้อยละ 0.5
ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับ
ไตรมาสก่อนหน้า
ตามการลดลงของผลผลิต
หมวดพืชผลส คัญ
โดยเฉพาะอ้อยและไม้ผล
ส่วนราคาสินค้าเกษตร
ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
เป็นไตรมาสที่ 2 ส่งผลให้
ดัชนีรายได้เกษตรกร
โดยรวมลดลงครั้งแรก
ในรอบ 6 ไตรมาส
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 10
Economic Outlook NESDC
สาขาอุตสาหกรรม: ลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ร้อยละ 3.3 ต่อเนื่องจากการลดลงร้อยละ 3.0 ในไตรมาส
ก่อนหน้า ตามการลดลงของทุกกลุ่มการผลิต โดยเฉพาะกลุ่มการผลิตเพื่อส่งออกที่ได้รับผลกระทบจาก
การชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าส คัญ สอ คล้อง  รล ลงของ  นีผลผลิ อุ สาห รรมร้อยล 5.6
โ ย ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมกลุ่มการผลิตเพื่อส่งออก (สัดส่วนส่งออกมากกว่าร้อยละ 60)ล ลงร้อยล 12.2
 อเนื่องจา รล ลงร้อยล 13.7 ในไ รมาส อนหน้า โ ย รผลิ สินค้าส คัญ ๆ ที่ รั วล ลง ไ แ  รผลิ
คอม วเ อร์แล อุ รณ์ อ วงล ลงร้อยล 29. ม รผลิ ฮาร์ ส ไ รฟ์ (Hard Disk Drive: HDD
ที่ล ลง ส่วน รผลิ เฟอร์นิเจอร์ล ลงร้อยล 33.7 สอ คล้อง  ความ อง รของ ลา โล ที่ล ลง ดัชนี
ผลผลิตอุตสาหกรรมกลุ่มการผลิตเพื่อบริโภคภายในประเทศ (สัดส่วนส่งออกน้อยกว่าร้อยละ 30) รั ว
ล ลงร้อยล .1 อเนื่องจา รล ลงร้อยล 1.8 ในไ รมาส อนหน้า โ ย รผลิ ส คัญ ๆ ที่ รั วล ลง
เ น รผลิ เหล็ แล เหล็ ล้าขั้นม ล นล ลง อเนื่องเ นไ รมาสที่ 6 ร้อยล 21.1 เนื่องจา จีน (ผ ผลิ
แล ส่งออ อัน  1 ของโล เร่ง ลัง รผลิ แล รส่งออ เหล็ มา ว่า  อน แล รผลิ ยเคมีแล
สาร ร อ ไนโ รเจนล ลง อเนื่องเ นไ รมาสที่ ร้อยล 30.7 เนื่องจา ส อ ยเคมี ยใน ร เท
เ มขึ้น แล ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการส่งออกในช่วงร้อยละ 30 - 60 ล ลงครั้งแร ในรอ
 ไ รมาส ร้อยล 1.1 เทีย  รขยาย วร้อยล 2.3 ในไ รมาส อนหน้า โ ย รผลิ ส คัญ ๆ ที่ รั ว
ล ลง เ น รผลิ อาหารสั ว์ส เร็จร ล ลงร้อยล 9.7 ม รล ลงของอุ สงค์จา ง ร เท อาทิ
สหรั ฯ แล ญี่ น อย่างไร  ม รผลิ ยานยน เ มขึ้น อเนื่องเ นไ รมาสที่ 11 ร้อยล 6.2 โ ยเฉ  รผลิ
เ อส่งออ ของรถยน นั่งส่วน คคลแล รถยน เ อ ร ณิ ย์ที่ขยาย วร้อยล 27.6 แล ร้อยล 9.9
 มล   ม รส่งออ ไ ลา ส คัญ อาทิ ออสเ รเลีย ซาอุ อาร เ ย แล เม็ ซิโ ส หรั อัตราการใช้
ก ลังการผลิตในไ รมาสนี้อย ที่ร้อยล 57.6   ว่าร้อยล 63.81 ในไ รมาส อนหน้า แล   ว่าร้อยล
61.20 ในไ รมาสเ ยว นของ  อน โ ยในอุ สาห รรมส คัญ 30 ราย ร มี รผลิ อุ สาห รรมที่มี รใ
 ลัง รผลิ ส ง ว่าร้อยล 80.00 จ นวน 2 ราย ร คือ รผลิ ลาส  แล ยางสังเครา ห์ขั้น น (ร้อยล
87.36 แล รผลิ ผลิ ณฑ์ที่ไ จา ร ลั่น โ รเลียม (ร้อยล 85.00 ขณ ที่ รผลิ อุ สาห รรมที่มี
 รใ  ลัง รผลิ   ว่าร้อยล 50.00 จ นวน 30 ราย ร เ น รผลิ คอม วเ อร์แล อุ รณ์ อ วง
(ร้อยล 8.0 รผลิ มอเ อร์ไฟฟ้า เครื่อง เนิ ไฟฟ้า (ร้อยล 7.55 แล รผลิ ผลิ ณฑ์ ลาส
 งส เร็จร แล ส เร็จร (ร้อยล 6.82 เ น น
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมส คัญ ๆ ที่ลดลง เ น รผลิ คอม วเ อร์แล อุ รณ์ อ วง (ล ลงร้อยล 29.
 รผลิ เหล็ แล เหล็ ล้าขั้นม ล น (ล ลงร้อยล 21.1 รผลิ เสื้อผ้าเครื่องแ ง ย (ย เว้นร้าน  เย็ เสื้อผ้า
(ล ลงร้อยล 29.8 รผลิ เฟอร์นิเจอร์ (ล ลงร้อยล 33.7 แล รผลิ ยางอื่น ๆ (ล ลงร้อยล 13. เ น น
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมส คัญ ๆ ที่เพิ่มขึ้น เ น รผลิ ยานยน  (ร้อยล 6.2 รผลิ น้  ล (ร้อยล
19.0 รผลิ จั รยานยน  (ร้อยล 17.3 รผลิ ผลิ ณฑ์อื่น ๆ ที่ท จา ร  แล ร  แข็ง (ร้อยล
8.3 แล รผลิ ผลิ ณฑ์ที่ไ จา ร ลั่น โ รเลียม (ร้อยล 0.5 เ น น
รวมครึ่งปีแรกของปี 2566 รผลิ สาขา รผลิ อุ สาห รรมล ลงร้อยล 3.2 โ ย  นีผลผลิ อุ สาห รรม
ล ลงร้อยล .6 แล อั รา รใ  ลัง รผลิ เฉลี่ยอย ที่ร้อยล 60.72
-20
-10
0
10
20
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2

(%YoY)
  นีผลผลิ สินค้าเ ร  นีราคาสินค้าเ ร  นีรายไ เ ร ร
ที่มา: ส นั งานเ ร จ รเ ร
รายได้เกษตรกรลดลงร้อยละ
ตามการลดลงของดัชนีราคาสินค้าเกษตร
ราคาข้าวเปลือก มันส ปะหลังและอ้อยปรับตัวเพิ่มขึ้น
ในขณะที่ราคายางพารา และปาล์มน้ มัน ปรับตัวลดลง
ที่มา: ส นั งานเ ร จ รเ ร
-100
-50
0
50
100
150
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2

(%YoY) ข้าวเ ลือ มันส  หลัง ยางแผ่น  น
 ล์มน้ มัน อ้อย
สาขาอุตสาหกรรมลดลง
ร้อยละ 3.3 ต่อเนื่อง
เป็นไตรมาสที่ 3
ตามการลดลงของทุกกลุ่ม
การผลิต
อัตราการใช้ก ลังการผลิต
เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 57.64
ต่ กว่าร้อยละ 63.81
ในไตรมาสก่อนหน้า และ
ต่ กว่าร้อยละ 61.20
ในไตรมาสเดียวกัน
ของปีก่อน
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 5.6
อัตราการใช้ก ลังการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ
ที่มา: ส นั งานเ ร จอุ สาห รรม
-60.0
-40.0
-20.0
0.0
20.0
40.0
60.0
0.0
10.0
20.0
30.0
40.0
50.0
60.0
70.0
80.0
90.0
100.0
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2

%Cap U (แ นซ้าย MPI
Export<30% Export 30-60%
Export>60%
ร้อยล %YoY
มูลค่าบริการรับด้านการท่องเที่ยวในไตรมาสที่สองของปี
มีจ นวน ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ
ที่มา: ธนาคารแห่ง ร เท ไทย
-100
0
100
200
300
400
0.0
0.2
0.4
0.6
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2

 ล้านล้าน ท ร้อยล
ม ลค่า ริ รรั %YoY (แ นขวา มาตรการ VOA
(1 พ ค ? ต ค
มาตรการ VOA
(14 ม ค เม ย
มาตรการ VOA
(1 พ ค ? ต ค
มาตรการ VOA
( พ ย. ? เม ย
การแพร่ระบาดของโรคโควิด
(การจ กัดการเดินทางระหว่างประเทศ) โครงการPhuket Sandbox
( ก ค
ยกเลิก Thailand Pass
( ก ค
เป ดประเทศ และเริ่มใช้ Thailand Pass
( พ ย
ขยายเวลาพ นักวีซ่าบางประเภท
( ต ค. ? มี ค
มาตรการ VOA
( พ ย. ? เม ย
จีนเป ดประเทศ และอนุญาตให้พลเมือง เดินทางท่องเที่ยวนอกประเทศ
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 11
Economic Outlook NESDC
สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร: ขยายตัวในเกณฑ์สูงร้อยละ 15.0 แต่ชะลอตัวลงจากร้อยละ
34.3 ในไตรมาสก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานการขยายตัวที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเดียวกันของปีก่อน
โ ยในไ รมาสนี้มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจ นวน 6.437 ล้านคน
(คิ เ นร้อยล 7 .62 ของจ นวนนั ท่องเที่ยว ง ร เท ใน วง อนเ  รแ ร่ร  ของโรคโควิ -19
นั ท่องเที่ยว ง ร เท ที่เ นทางมาไทยส งสุ 3 อัน  แร คือ มาเลเซีย จีน แล อินเ ย สอ คล้อง  รเ มขึ้น
ของจ นวนเที่ยว นแล เส้นทาง ร นของสาย ร นร หว่าง ร เท ส หรั มูลค่าบริการรับด้านการท่องเที่ยว1
ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 0.240 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8 ร้อยละ 150.4 โ ยนักท่องเที่ยวส คัญ
ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในไตรมาสนี้ไ แ  นั ท่องเที่ยวจา มิ คเอเ ยแล แ ซิฟิ 5.017 ล้านคน
(สั ส่วนร้อยล 77.93 เ มขึ้นร้อยล 377. มิ คยุโร 0.977 ล้านคน (สั ส่วนร้อยล 15.17 เ มขึ้นร้อยล
176.7 แล มิ คอเมริ  0.280 ล้านคน (สั ส่วนร้อยล .35 เ มขึ้นร้อยล 189.2 มล
ส่วนการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวไทย (ไทยเที่ยวไทย) ขยายตัวในเกณฑ์สูงต่อเนื่อง
ร้อยละ 24.7 โ ยมี จจัยสนั สนุนจา วงหยุ ยาวหลาย วง รวมทั้ง ร เนินมา ร รส่งเสริม รท่องเที่ยว
ผ่านงานเท ลแล งาน ร จ  ในแ ล จังหวั สร้างรายรับจากนักท่องเที่ยวชาวไทย2
0.188 ล้านล้านบาท
ขยายตัวร้อยละ 22.6 ส หรั จังหวั ที่มีผ เยี่ยมเยือนคนไทยมา ที่สุ 3 อัน  แร (ไม่รวม รุงเท มหานคร
ไ แ  ญจน รี 3. 53 ล้านคน (สั ส่วนร้อยล 5.73 ล รี 3. 03 ล้านคน (สั ส่วนร้อยล 5.65 แล
เ ร รี 2.662 ล้านคน (สั ส่วนร้อยล . 2 รเ มขึ้นของทั้งม ลค่า ริ รรั น รท่องเที่ยวแล ม ลค่า
 รใ จ่ายของนั ท่องเที่ยว วไทย ส่งผลให้ในไ รมาสนี้มีรายรับรวมจากการท่องเที่ยว3
อยู่ที่ 0.428 ล้านล้านบาท
เพิ่มขึ้นร้อยละ 71.7 ส หรั อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในไตรมาสนี้อยู่ที่ร้อยละ 66.93   ว่าร้อยล 70.2
ในไ รมาส อนหน้า แ ส ง ว่าร้อยล 2.80 ในไ รมาสเ ยว นของ  อน
รวมครึ่งแรกของปี 2566 สาขาที่  แรมแล ริ ร นอาหารขยาย วร้อยล 23.9 โ ยจ นวนนั ท่องเที่ยว
 ง ร เท มีจ นวน 12.915 ล้านคน เ มขึ้นร้อยล 520.6 รายรั รวมจา รท่องเที่ยวมีม ลค่า 0.892
ล้านล้าน ท เ มขึ้นร้อยล 86.3 ส หรั อั รา รเข้า  เฉลี่ยอย ที่ร้อยล 68.58
สาขาการขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์: เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ต่อเนื่องจาก
การขยายตัวร้อยละ 3.3 ในไตรมาสก่อนหน้า ตามการขยายตัวในเกณฑ์ดีของการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและ
ภาคบริการด้านการท่องเที่ยว สอ คล้อง  รเ มขึ้นของ  นีรวม รขายส่งแล รขาย ลี รซ่อมยานยน
แล จั รยานยน  โ ย (1 ดัชนีการขายส่ง (ยกเว้นยานยนต์และจักรยานยนต์) เ มขึ้นร้อยล 3.3 ม รเ มขึ้น
ของหมว รขายส่งสินค้าเฉ  ร เ ทอื่น ๆ อาทิ รขายส่งเ อเ ลิง ซ โ ยเฉ  น้ มันเ นซิน (2 ดัชนี
การขายปลีก (ยกเว้น ยานยนต์และจักรยานยนต์) เ มขึ้นร้อยล 0.05 ม รเ มขึ้นของหมว ร้านขาย ลี
ในร้านค้าทั่วไ เ นส คัญ ในขณ ที่ (3 ดัชนีการขายส่ง การขายปลีก การซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์
ล ลงร้อยล 2.5 ม รล ลงของหมว รขาย นส่วนแล อุ รณ์เสริมของยานยน แล หมว รขาย
ยานยน  โ ยเฉ  รถยน เ อ ร ณิ ย์ มความ อง รที่ รั วล ลง เนื่องจา มี รเร่งซื้อรถยน
เ อ ร ณิ ย์ไ ใน วง อนหน้า ร อ  ส่วนหนึ่งเ นผลมาจา นส งใน  อน อย่างไร  ม หมว รขาย
 ร รุงรั แล รซ่อมจั รยานยน  นส่วนแล อุ รณ์เสริมฯ ขยาย ว อเนื่องเ นไ รมาสที่ 5
รวมครึ่งแรกของปี 2566 สาขา รขายส่งแล รขาย ลี รซ่อมยานยน แล จั รยานยน เ มขึ้นร้อยล
3. โ ย  นี รขายส่ง (ย เว้นยานยน แล จั รยานยน  เ มขึ้นร้อยล .1 แล  นี รขาย ลี (ย เว้น
ยานยน แล จั รยานยน  เ มขึ้นร้อยล 0.3 ในขณ ที่  นี รขายส่งแล รขาย ลี รซ่อมยานยน
แล จั รยานยน ล ลงร้อยล 3.7
สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า: ขยายตัวร้อยละ 7.5 ชะลอตัวลงจากการขยายตัวในเกณฑ์สูงร้อยละ
12.1 ในไตรมาสก่อนหน้า สอ คล้อง  ร ลอ วของ  นี ริ รขนส่ง ร อ วย (1) บริการขนส่ง
ทางอากาศ เ มขึ้นร้อยล 3.9 ลอลงจา ร้อยล 76.5 ในไ รมาส อนหน้า (2) บริการขนส่งทางบกและ
ท่อล เลียง เ มขึ้นร้อยล 5. ลอลงจา ร้อยล 10.8 ในไ รมาส อนหน้า แล (3) บริการขนส่งทางน้
เ มขึ้นร้อยล 0.2 ลอ วลงจา ร้อยล 0.5 ในไ รมาส อนหน้า ส หรั ริ รสนั สนุน รขนส่งเ มขึ้น
ร้อยล 7.9 เร่งขึ้นจา รขยาย วร้อยล .1 ในไ รมาส อนหน้า แล ริ รไ ร ณีย์ขยาย วร้อยล 8.9
เทีย  รขยาย วร้อยล 9.0 ในไ รมาส อนหน้า สอ คล้อง  รขยาย วของรายรั ผ  ร อ ร
รวมครึ่งปีแรกของปี 2566 สาขา รขนส่งแล สถานที่เ  สินค้าเ มขึ้นร้อยล 10.0 โ ย ริ รขนส่ง
ขยาย วร้อยล 10.1 ร อ วย ริ รขนส่งทางอา  ขยาย วร้อยล 62.3 ริ รขนส่งทาง แล
ท่อล เลียงขยาย วร้อยล 8.7 แล ริ รขนส่งทางน้ ขยาย วร้อยล 0. มล   ส่วน ริ รสนั สนุน
 รขนส่งขยาย วร้อยล 6.0 แล ริ รไ ร ณีย์ขยาย วร้อยล 9.0
สาขาที่พักแรมและ
บริการด้านอาหาร
ขยายตัวในเกณฑ์สูง
ต่อเนื่องร้อยละ 15.0
โดยมีปัจจัยสนับสนุน
จากการขยายตัว
ในเกณฑ์สูงของจ นวน
นักท่องเที่ยวต่างประเทศ
และการขยายตัวต่อเนื่อง
ของการท่องเที่ยว
ในประเทศ
รายรับรวมจาก
การท่องเที่ยวในไตรมาสนี้
อยู่ที่ 0.428 ล้านล้านบาท
เพิ่มขึ้นร้อยละ 71.7
อัตราการเข้าพักเฉลี่ย
อยู่ที่ร้อยละ 66.93
ต่ กว่าร้อยละ 70.24
ในไตรมาสก่อนหน้า
แต่สูงกว่าร้อยละ 42.80
ในไตรมาสเดียวกัน
ของปีก่อน
สาขาการขายส่งและ
การขายปลีก
การซ่อมยานยนต์และ
จักรยานยนต์เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 3.4 ตามการ
ขยายตัวของการใช้จ่าย
ภาคครัวเรือนและ
ภาคบริการด้านการ
ท่องเที่ยว
1
ม ลค่า ริ รรั น รท่องเที่ยว จา ราง ล ร ร เงิน ของ ธนาคารแห่ง ร เท ไทย (ธ ท.
2
รายรั จา นั ท่องเที่ยว วไทย จา รางสรุ สถาน รณ์  แรม จ นวนผ เยี่ยมเยือน แล รายไ จา ผ เยี่ยมเยือน ของ ร ทรวง รท่องเที่ยวแล ฬา ( .
3
รายรั รวมจา รท่องเที่ยว คือ ผลรวมของม ลค่า ริ รรั น รท่องเที่ยวแล รายรั จา นั ท่องเที่ยว วไทย
สาขาการขนส่งและสถานที่
เก็บสินค้าเพิ่มขึ้น ร้อยละ
7.5 ชะลอลงจาก
ไตรมาสก่อน สอดคล้องกับ
การชะลอตัวของบริการ
ขนส่งทางอากาศ
ทางบก และทางน้
ขณะที่บริการสนับสนุน
การขนส่งขยายตัวดีขึ้น
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 12
Economic Outlook NESDC
สาขาการไฟฟ้า ก๊าซ ไอน้  และระบบปรับอากาศ: เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 เป็นการกลับมาขยายตัวภายหลังจาก
การลดลงร้อยละ 4.3 ในไตรมาสก่อนหน้า ตามการปรับตัวเพิ่มขึ้นของกิจกรรมการผลิตไฟฟ้าและกิจกรรม
โรงแยกก๊าซ สอ คล้อง  ร ลั มาขยาย วของ  นี รผลิ ไฟฟ้า ซ แล ร รั อา
โ ย (1 ดัชนีการผลิตไฟฟ้าขยาย วร้อยล 8.8 รั ว ขึ้นเมื่อเทีย  รล ลงร้อยล 2.3 ในไ รมาส อนหน้า
 ม รเ มขึ้นของ ริมาณ รใ ไฟฟ้าของ คครัวเรือนแล คธุร จร้อยล 17.8 แล ร้อยล 13.9
 มล   ในขณ ที่ ริมาณ รใ ไฟฟ้าของ คอุ สาห รรมล ลงร้อยล 3. สอ คล้อง  รล ลงของ รผลิ
 คอุ สาห รรม ส หรั อุณห มิเฉลี่ยทั่ว ร เท ในไ รมาสนี้อย ที่ 31.32 อง เซลเซียส นั เ นร  ส ง
ที่สุ เ น ร วั  รณ์ แล (2 ดัชนีการผลิตโรงแยกก๊าซ ขยาย วครั้งแร ในรอ 8 ไ รมาส ร้อยล 12.2
 รั ว ขึ้นเมื่อเทีย  รล ลงร้อยล 7.8 ในไ รมาส อนหน้า ม ริมาณความ อง รใ  ซธรรม
ที่ รั วเ มขึ้น โ ยเฉ  รใ เ อ รผลิ ไฟฟ้า ในขณ ที่ รใ เ อเ นวั ถุ  ใน รผลิ ลาส  แล
สารเคมีอินทรีย์แล เ นเ อเ ลิงส หรั ยานยน ใน คขนส่ง รั วล ลง
รวมครึ่งปีแรกของปี 2566 รผลิ สาขาไฟฟ้า ซ แล ร รั อา  เ มขึ้นร้อยล 0.8
สาขาการก่อสร้าง: เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ชะลอตัวลงจากการขยายตัวร้อยละ 3.9 ในไตรมาสก่อนหน้า ตามการลดลง
ของการก่อสร้างภาครัฐ ในขณะที่การก่อสร้างภาคเอกชนขยายตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โ ยในไ รมาสนี้
การก่อสร้างภาครัฐล ลงครั้งแร ในรอ 3 ไ รมาส ร้อยล 0.6 เทีย  รขยาย วร้อยล 5.8 ในไ รมาส
 อนหน้า เ นผลมาจา ร อสร้างของรั ลล ลงครั้งแร ในรอ 3 ไ รมาส ร้อยล 1.6 เทีย  รขยาย ว
ร้อยล 8.3 ในไ รมาส อนหน้า สอ คล้อง  รล ลงของ รเ  จ่ายของ ร ทรวงคมนาคม โ ยเฉ
ร ขนส่งทาง ส่วน ร อสร้างของรั วิสาห จเ มขึ้น อเนื่องเ นไ รมาสที่ 5 ร้อยล 1.2 เทีย  รขยาย ว
ร้อยล 1.3 ในไ รมาส อนหน้า สอ คล้อง  ความคื หน้าของ ร  นาโครงสร้าง น นที่ส คัญ ๆ เ น
โครง รความร่วมมือร หว่างรั ลแห่งรา อาณาจั รไทยแล รั ลแห่งสาธารณรั ร  นจีน ใน ร  นา
ร รถไฟความเร็วส ง เ อเ อมโยง มิ ค วง รุงเท มหานคร - หนองคาย (ร ย ที่ 1 วง รุงเท มหานคร -
นครรา สีมา (รฟท. แล โครง รรถไฟฟ้าสายสีม่วง วงเ  น - รา ฎร์ รณ (วงแหวน ญจนา เ
(รฟม. เ นส คัญ ส หรั การก่อสร้างภาคเอกชนเ มขึ้น อเนื่องเ นไ รมาสที่ ร้อยล 2.0 เร่งขึ้นจา
 รขยาย วร้อยล 1.1 ในไ รมาส อนหน้า ม รขยาย วของ ร อสร้างอาคารที่มิใ ที่อย อา ย
เ นส คัญ โ ยเฉ  อาคารโรงงาน ส่วน ร อสร้างที่อย อา ย (เ น ห้อง  แล นเ ยว แล ร อสร้าง
อื่น ๆ ลอ วลงจา ไ รมาส อนหน้า ในขณ ที่ ร อสร้างอาคารอาคาร ณิ ย์ รั วล ลง ส หรั ดัชนี
ราคาวัสดุก่อสร้างล ลงเ นครั้งแร ในรอ 11 ไ รมาส ล ลงร้อยล 1.2 ม รล ลงของ  นีราคาหมว เหล็
(ล ลงร้อยล 13.9 หมว ยางม อยแล แอสฟัลท์  คอน รี (ล ลงร้อยล 19.5 แล หมว ซีเมน  (ล ลง
ร้อยล 2.2 เ นส คัญ
รวมครึ่งปีแรกของปี 2566 รผลิ สาขา ร อสร้างขยาย วร้อยล 2.1 โ ย ร อสร้าง ครั เ มขึ้นร้อยล
2.6 ( ร อสร้างของรั ลเ มขึ้นร้อยล 3.3 ส่วน ร อสร้างของรั วิสาห จเ มขึ้นร้อยล 1.3 แล
 ร อสร้าง คเอ นเ มขึ้นร้อยล 1.6
สาขาการไฟฟ้า ก๊าซ ไอน้
และระบบปรับอากาศ
กลับมาขยายตัวร้อยละ
5.7 เทียบกับการลดลง
ร้อยละ 4.3 ในไตรมาส
ก่อนหน้า ตามการปรับตัว
เพิ่มขึ้นของกิจกรรม
การผลิตไฟฟ้าและ
กิจกรรมโรงแยกก๊าซ
สาขาการก่อสร้างขยายตัว
ร้อยละ 0.4 ชะลอตัว
จากไตรมาสก่อน
ตามการลดลงของการ
ก่อสร้างภาครัฐ ขณะที่
การก่อสร้างภาคเอกชน
ขยายตัวต่อเนื่อง ส หรับ
ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง
ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ
11 ไตรมาส
สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวในประเทศ1
ใน วง 6 เ อนแร ของ  2566 ว่า มีผ เยี่ยมเยือน2
(Visitor จ นวน 15 .99 ล้านคน-ครั้ง (คิ เ นสั ส่วนร้อยล 103.81 ของ วง อน
 รแ ร่ร  ของโรคโควิ -193
 เ มขึ้นร้อยล 56.7 เมื่อเทีย  วงเ ยว นของ  อน โ ยจ นวนห้อง  จา สถานที่  แรม
(Accommodation ใน  2566 อย ที่ 785,266 ห้อง ขยาย วร้อยล 17.3 จา ใน วง อน รแ ร่ร  ของโรคโควิ -19 โ ยเฉ  โฮมสเ ย์5
(สั ส่วนร้อยล 0.96 ขยาย วร้อยล 59.1 จา ใน วง อน รแ ร่ร  ของโรคโควิ -19 ซึ่งธุร จที่  แรมที่มี รจ ท เ ยนจั งใหม่
ส่วนใหญ่เ นธุร จขนา เล็ 6
ส หรั อั รา รเข้า  (Occupancy Rate: OR เฉลี่ยทั้ง ร เท อย ที่ร้อยล 68.58 ส ง ว่าร้อยล 39.56
ใน วงเ ยว นของ  อน แ ยังคง   ว่าร้อยล 72.5 ใน วง อน รแ ร่ร  ของโรคโควิ -19 ขณ ที่ร ย เวลา นั เฉลี่ย
ในสถานที่  แรมล ลงเหลือเ ยง 8.67 วัน จา 8.93 วัน จา ใน วง อน รแ ร่ร  ของโรคโควิ -19 สร้างรายรั จา รท่องเที่ยว
ใน ร เท ม ลค่า 8.92 แสนล้าน ท คิ เ นสั ส่วนร้อยล 6 .6 ของ วง อน รแ ร่ร  ของโรคโควิ -19 หรือเ มขึ้นร้อยล 86.3
เมื่อเทีย  วงเ ยว นของ  อน
1
 รท่องเที่ยวใน ร เท (Internal Tourism ร อ วย (1 รท่องเที่ยว ยใน ร เท (Domestic Tourism หมายถึง ผ  นั อา ยที่มีถิ่น นั อย ใน
 ร เท แล เ นทางท่องเที่ยว ยใน ร เท แล (2 รท่องเที่ยวขาเข้า (Inbound Tourism หมายถึง ผ  นั อา ยที่มีถิ่น นั อย ใน ง ร เท แล
เ นทางเข้ามาท่องเที่ยวในอี ร เท หนึ่ง
2
ผ เยี่ยมเยือน ครอ คลุมนั ท่องเที่ยว (Tourist หรือผ เยี่ยมเยือนที่มี รค้างคืน แล นั ทั นาจร (Excursionist หรือผ เยี่ยมเยือนที่ไม่มี รค้างคืน
3
 วง อน รแ ร่ร  ของโรคโควิ -19 คือค่าเฉลี่ยของ  2560 - 2562

ข้อม ลจา นย์วิจัย น ลา รท่องเที่ยว รท่องเที่ยวแห่ง ร เท ไทย
5
สถานที่  แรมที่มีอั รา รขยาย วส งสุ 3 อัน  แร (ไม่รวม ร เ ทอื่น ๆ ของ  2566 เทีย  วง อน รแ ร่ร  ของโรคโควิ -19 ไ แ  โฮมสเ ย์
(สั ส่วนร้อยล 0.96 ขยาย วร้อยล 59.1 รีสอร์ท (สั ส่วนร้อยล 31.12 ขยาย วร้อยล 19.8 แล โรงแรม (สั ส่วนร้อยล 5 .58 ขยาย วร้อยล 17.5
6
ข้อม ลจา สถิ  รจ ท เ ยนธุร จหมว ที่  แรม ของ รม  นาธุร จ รค้า ร ทรวง ณิ ย์
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 13
Economic Outlook NESDC
สถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวในประเทศ1
(ต่อ)
เมื่อ จารณาสถาน รณ์ รท่องเที่ยว ยใน ร เท (Domestic Tourism รายจังหวั ว่า จังหวั ที่มีอั รา รเข้า  แล รายรั จา
ผ เยี่ยมเยือนมา ที่สุ 5 อัน  แร ไ แ  เ  (ร้อยล 80.38 แล รายรั 182.6 นล้าน ท หรือคิ เ นร้อยล 19.1 ของรายรั รวม
 รุงเท มหานคร (ร้อยล 76.50 แล รายรั 3 8. นล้าน ท หรือคิ เ นร้อยล 36.53 ของรายรั รวม ล รี (ร้อยล 75.77 แล รายรั
10 .2 นล้าน ท หรือคิ เ นร้อยล 10.92 ของรายรั รวม สุรา ฎร์ธานี (ร้อยล 73.85 แล รายรั 23.3 นล้าน ท หรือคิ เ นร้อยล
2. ของรายรั รวม แล เ ยงใหม่ (ร้อยล 73.18 แล รายรั 0.8 นล้าน ท หรือคิ เ นร้อยล .28 ของรายรั รวม จ เห็นไ ว่าเฉ
 เ  แล รุงเท ฯ ครอ ครองสั ส่วน ว่าร้อยล 55.67 ของรายรั รวม ให้เห็นว่า รท่องเที่ยว ยใน ร เท ยังคง ร จุ วอย ในเมือง
ท่องเที่ยวหลั 7
ขณ ที่ของจังหวั ที่มีอั รา รเข้า  แล รายรั จา ผ เยี่ยมเยือนน้อยที่สุ 3 อัน  แร ร อ วย อ นาญเจริญ (ร้อยล
3 .58 แล รายรั 1. ร้อยล้าน ท หนอง วล  (ร้อยล 35.72 แล รายรั 1.2 ร้อยล้าน ท แล ยโสธร (ร้อยล 0.13 แล รายรั 2.
ร้อยล้าน ท ล้วนอย ในจังหวั เมืองท่องเที่ยวรอง8
อย่างไร  ม เมื่อ จารณา รเ มขึ้นของอั รา รเข้า  แล อั รา รขยาย วของรายรั จา ผ เยี่ยมเยือนของ วงครึ่ง แร ของ
  2566 เทีย  วงเ ยว นของ  2562 ว่าจังหวั ที่มี รเ มขึ้นของอั รา รเข้า  มา ที่สุ ไ แ  เ ยงราย นคร นม แล น่าน แล
จังหวั ที่มีอั รา รขยาย วของรายรั จา ผ เยี่ยมเยือนมา ที่สุ ไ แ  เยา สมุทรสงคราม แล รีรัมย์ ซึ่งเ นจังหวั ในเมืองท่องเที่ยว
รอง แล มีจุ หมาย รท่องเที่ยวที่ส คัญคือ แหล่งท่องเที่ยวเ งวั นธรรมแล ความเ อที่มี อเสียงแล มี ร วั ความเ นมา รวมทั้งที่
ที่เน้นธรรม  แล สวยงาม แล แหล่งท่องเที่ยวที่มี จ รรมทางน้ 9
ในร ย อไ ครั จึงควรให้ความส คัญ  รส่งเสริม รท่องเที่ยวในจังหวั เมืองท่องเที่ยวรองเ อให้เ  ร ร จาย ว
ของนั ท่องเที่ยวแล รสร้างรายรั จา รท่องเที่ยวไ ยังเมืองท่องเที่ยวรองอย่าง อเนื่อง คว ค ไ  รสร้างความร่วมมือร หว่าง ครั แล
เอ นใน รย ร   ย  ของ รท่องเที่ยว น ง ๆ ที่ส คัญ ไ แ  (1 รสร้างจุ ยืนที่โ เ นแล แ ง (Strategic Position ในแ ล
จังหวั เ อ ง รท่องเที่ยวแล สร้าง ร ส รณ์ที่หลา หลายให้แ นั ท่องเที่ยว รวมทั้งเ อให้เ  ร อ อแล รเที่ยวซ้
ในอนาค (2 ร  นาผลิ ณฑ์แล ริ รที่เน้นเอ ลั ณ์เฉ  ถิ่นหรือใ วั ถุ  ที่มี ยในท้องถิ่นเ อสร้างม ลค่าเ มให้แ สินค้าแล
 ริ ร แล (3 รย ร  โครงสร้าง น นแล ร คมนาคมขนส่งเ ออ นวยความส ว อย่างทั่วถึง
7
เมืองท่องเที่ยวหลั 22 จังหวั ร อ วย รุงเท มหานคร นคร ม นนท รี สมุทรสาคร สมุทร รา ร ฉ เ งเทรา ทุมธานี เ  ล รี ร
เ ยงใหม่ สุรา ฎร์ธานี สงขลา งงา ร จว คีรีขันธ์ ร ยอง เ ร รี ญจน รี นครรา สีมา ร นคร รีอยุธยา ขอนแ น แล สร รี
8
เมืองท่องเที่ยวรอง 55 จังหวั ร อ วย ฬสินธุ์ แ งเ ร จันท รี ยนาท ย มิ ม ร เ ยงราย รัง รา  นครนาย นคร นม นคร รีธรรมรา
นครสวรรค์ นราธิวาส น่าน ง ฬ รีรัมย์ ราจีน รี  นี เยา ทลุง จิ ร  ณุโล เ ร รณ์ แ ร่ มหาสารคาม มุ หาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ย ลา
ร้อยเอ็ ร นอง รา รี ล รี ล  ง ล  น เลย รีส เ ส ลนคร ส ล สมุทรสงคราม สร แ ว สิงห์ รี สุโขทัย สุ รรณ รี สุรินทร์ หนองคาย หนอง วล
อ่างทอง อ นาจเจริญ อุ รธานี อุ ร  ถ์ อุทัยธานี อุ ลรา ธานี
9
สถิ  รค้นหาผ่าน Google Trends งแ  1 ม ราคม - 30 มิถุนายน 2566 669.62
0.00
100.00
200.00
300.00
400.00
500.00
600.00
700.00
800.00
ทั้ง ร เท
จ นวนห้องพัก (พันห้อง)
H1/65 H1/66 ค่าเฉลี่ย  60 62
ที่มา: นย์วิจัย น ลา รท่องเที่ยว รท่องเที่ยวแห่ง ร เท ไทย
87.57
93.01
65.09
43.14
32.24
0.00
20.00
40.00
60.00
80.00
100.00
120.00
 รุงเท ฯ เ  ล รี สุรา ฎร์ฯ เ ยงใหม่
จ นวนห้องพัก (พันห้อง)
H1/65 H1/66 ค่าเฉลี่ย  60 62
ที่มา: นย์วิจัย น ลา รท่องเที่ยว รท่องเที่ยวแห่ง ร เท ไทย
72.55
83.27 81.06 80.79
73.39 76.26
0.00
20.00
40.00
60.00
80.00
100.00
อัตราการเข้าพัก (ร้อยละ)
H1/65 H1/66 ค่าเฉลี่ย  60 62
ที่มา: ร ทรวง รท่องเที่ยวแล ฬา
อัตราการเข้าพักในช่วงครึ่งแรกของปี 2566
(1) เ
(2) รุงเท ฯ
(3) ล รี
(4) สุรา ฎร์ธานี
(5) เ ยงใหม่
80.38
57. 8
3 .58
ที่มา: ร ทรวง รท่องเที่ยวแล ฬา
อั รา รเข้า
(ร้อยล
การเพิ่มขึ้นของอัตราการเข้าพัก
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 เทียบกับปี 2562
(1) เ ยงราย
(2) นคร นม
(3) น่าน
(4) จันท รี
(5) มุ หาร
ที่มา: ร ทรวง รท่องเที่ยวแล ฬา
% รเข้า
เทีย   2562
0.36
 0.68
 1.72
(1) เยา
(2) สมุทรสงคราม
(3) รีรัมย์
(4) แ ร่
(5) เ ยงราย
อัตราการขยายตัวของรายรับจากผู้เยี่ยมเยือน
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 เทียบกับปี 2562
ที่มา: ร ทรวง รท่องเที่ยวแล ฬา
%อั รา รขยาย ว
ของรายไ เมื่อเทีย
   2562
198.38
110.15
21.93
รายได้จากผู้เยี่ยมเยือนในช่วงครึ่งแรกของปี 2566
ที่มา: ร ทรวง รท่องเที่ยวแล ฬา
(1) รุงเท ฯ
(2) เ
(3) ล รี
(4) เ ยงใหม่
(5) สุรา ฎร์ธานี
รายไ จา ผ เยี่ยมเยือน
( นล้าน ท
3 8. 1
17 .26
0.12
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 14
Economic Outlook NESDC
ผู้มีงานท : จ นวนผู้มีงานท เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่12 ตามการเพิ่มขึ้นของผู้มีงานท นอกภาคเกษตร
ในขณะที่ผู้มีงานท ภาคเกษตรปรับตัวลดลง ส่วนอัตราการว่างงานอยู่ในระดับสูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า
เล็กน้อยแต่ต่ กว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในไ รมาสที่สองของ  2566 ผ มีงานท จ นวน 39.68 ล้านคน
เ มขึ้นร้อยล 1.7 เทีย  รเ มขึ้นร้อยล 2. ในไ รมาส อนหน้า จ แน เ นผ มีงานท  วไทยจ นวน
36.93 ล้านคน (สั ส่วนร้อยล 93.08 เ มขึ้นร้อยล 0.5 แล ผ มีงานท  ว ง วจ นวน 2.75 ล้านคน
(สั ส่วนร้อยล 6.92 เ มขึ้นร้อยล 21.1 โ ยผ มีงานท นอกภาคเกษตร (สั ส่วนร้อยล 70.68 เ มขึ้น
 อเนื่องเ นไ รมาสที่ 5 ร้อยล 2.5 ม รเ มขึ้นของผ มีงานท ในสาขาที่  แรมแล ริ ร นอาหาร
สาขา ร อสร้าง แล สาขา รขายส่งขาย ลี แล รซ่อมยานยน ฯ เ นส คัญ ในขณ ที่ผ มีงานท
ภาคเกษตร (สั ส่วนร้อยล 29.2 ล ลงร้อยล 0.2 โ ยส่วนหนึ่งเ นผลจา ร ลั ส  ลา แรงงานของ
แรงงาน คอุ สาห รรมแล ค ริ ร แล สอ คล้อง  รล ลงของผลผลิ สินค้าเ รส คัญ
 งราย ร เ น ยาง รา ล์มน้ มัน แล สุ ร เ น น ส หรั อัตราการว่างงานในไ รมาสนี้อย ที่ร้อยล
1.06 ส งขึ้นเล็ น้อยเมื่อเทีย  ไ รมาส อนหน้า ที่ร้อยล 1.05 แ    ว่าร้อยล 1.37 ในไ รมาสเ ยว น
ของ  อน โ ยมีผู้ว่างงานเฉลี่ยจ นวน .29 แสนคน ส ง ว่าผ ว่างงานจ นวน .21 แสนคน ในไ รมาส อนหน้า
แ    ว่าผ ว่างงานจ นวน 5. 7 แสนคน ในไ รมาสเ ยว นของ  อน
เฉลี่ยครึ่งแรกของปี 2566 ผ มีงานท เ มขึ้นร้อยล 2.0 แล อั รา รว่างงานเฉลี่ยครึ่ง แร อย ที่ร้อยล 1.06
จ นวนผู้มีงานท เพิ่มขึ้น
ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 12
ตามการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
เป็นไตรมาสที่ 5
ของผู้มีงานท นอก
ภาคเกษตร ในขณะที่
ผู้มีงานท ภาคเกษตร
ลดลง
ส หรับอัตราการว่างงาน
อยู่ที่ร้อยละ 1.06 สูงกว่า
ร้อยละ 1.05 ในไตรมาส
ก่อนหน้า แต่ต่ กว่า
ร้อยละ 1.37 ในไตรมาส
เดียวกันของปีก่อน
จ นวนผู้ประกันตน
ในระบบประกันสังคม
เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น
ไตรมาสที่ 9 ร้อยละ 2.0
ตามการเพิ่มขึ้นของ
ผู้ประกันตนภาคบังคับ
ตามมาตรา 33 และ
ผู้ประกันตนตาม
ความสมัครใจ (มาตรา 40)
ในขณะที่ผู้ประกันตนตาม
ความสมัครใจ (มาตรา 39)
ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
เป็นไตรมาสที่ 4
ส หรับสัดส่วนผู้ประกันตน
ที่ได้รับประโยชน์
กรณีว่างงานตามมาตรา 33
ในไตรมาสนี้อยู่ที่ร้อยละ
2.1 สูงว่าร้อยละ 1.9
ในไตรมาสก่อนหน้า
แต่ต่ กว่าร้อยละ 2.2
ในไตรมาสเดียวกัน
ของปีก่อน
สถานการณ์ด้านแรงงานในระบบประกันสังคม: จ นวนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
เป็นไตรมาสที่ 9 โดยสัดส่วนผู้ประกันตนที่ได้รับประโยชน์กรณีว่างงานตามมาตรา 33 สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า
แต่ต่ กว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในไ รมาสที่สองของ  2566 ผ  ร น นในร ร นสังคมรวม
เ มขึ้น อเนื่องเ นไ รมาสที่ 9 ร้อยล 2.0 ร อ วย ผ  ร น น ค งคั มมา รา 33 เ มขึ้น
 อเนื่องเ นไ รมาสที่ 7 ร้อยล 3.6 เทีย  รเ มขึ้นร้อยล .1 ในไ รมาส อนหน้า ม รเ มขึ้น
ของผ  ร น นใน คอุ สาห รรมแล ค ริ ร (อาทิ สาขา อสร้าง สาขาที่  แรมแล ริ ร นอาหาร
แล สาขา รขายส่งขาย ลี แล รซ่อมยานยน ฯ เ น น แล ผ  ร น น มความสมัครใจ (มา รา 0
เ มขึ้นร้อยล 1.1 เทีย  รเ มขึ้นร้อยล 1.3 ในไ รมาส อนหน้า ในขณ ที่ผ  ร น น มความสมัครใจ
(มา รา 39 ล ลง อเนื่องเ นไ รมาสที่ ร้อยล 2.7 ส หรั สัดส่วนผู้ประกันตนที่ได้รับประโยชน์
กรณีว่างงานตามมาตรา 33 ในไ รมาสนี้อย ที่ร้อยล 2.13 ส ง ว่าร้อยล 1.9 ในไ รมาส อนหน้า แ    ว่า
ร้อยล 2.17 ในไ รมาสเ ยว นของ  อน โ ยมีผู้ประกันตนที่ได้รับประโยชน์กรณีว่างงานตามมาตรา 33 เฉลี่ย
จ นวน 2.50 แสนคน ส ง ว่าจ นวน 2.27 แสนคน ในไ รมาส อนหน้า แล ส ง ว่าจ นวน 2. 5 แสนคน
ในไ รมาสเ ยว นของ  อน
0.0
0.6
1.2
1.8
2.4
36.0
36.4
36.8
37.2
37.6
38.0
38.4
38.8
39.2
39.6
40.0
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2

 รจ้างงาน อั รา รว่างงาน แ นขวา
 ล้านคน (%)
ผู้มีงานท เพิ่มขึ้นร้อยละ ตามการเพิ่มขึ้นของผู้มีงานท นอกภาคเกษตร
ในขณะที่ภาคเกษตรลดลง อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ ที่ร้อยละ
ที่มา: ส นั งานสถิ แห่ง   สส
การจ้างงานจ แนกตามสาขาการผลิต
%YOY สัดส่วน
Q2/66
2565 2566
ทั้งปี H1 H2 Q1 Q2 Q3 Q4 H1 Q1 Q2
ผู้มีงานท รวม 100.00 1.0 0.2 1.8 0.1 0.3 2.1 1.5 2.0 2. 1.7
- ภาคเกษตร 29.32 -1.2 0.6 -2.9 2. -1.2 -2. -3. 0.7 1.6 -0.2
- นอกภาคเกษตร 70.68 2.0 0.0 .1 -0.8 0.9 .3 3.9 2.6 2.7 2.5
อุ สาห รรม 15.75 1. -0.1 2.9 -1.6 1.5 1. . 0. 0. 0.3
 อสร้าง 5.85 -3.5 -6.3 -0.3 - .2 -8.5 0. -1.0 2.0 -1.8 6.0
สาขา รขายส่งแล รขาย ลี รซ่อมยานยน ฯ 17.35 .2 5.1 3.2 2.0 8.3 .5 2.0 2. . 0.5
ที่  แรมแล ริ ร นอาหาร 8.06 0.5 -5.3 7.5 - . -6.1 8.3 6.6 10.0 8.2 11.7
ก ลังแรงงานรวม (ล้านคน) 39.90 39.69 0.12 39.62 39.76 0.09 0.1 0.29 0.28 0.31
จ นวนผู้มีงานท  (ล้านคน) 39.22 38.86 39.58 38.72 39.01 39.57 39.59 39.65 39.63 39.68
จ นวนผู้ว่างงาน (ล้านคน) 0.53 0.58 0. 8 0.61 0.55 0. 9 0. 6 0. 3 0. 2 0. 3
อัตราการว่างงาน (%) 1.33 1. 5 1.19 1.53 1.37 1.23 1.15 1.06 1.05 1.06
ที่มา: ส นั งานสถิ แห่ง   (สส .
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 15
Economic Outlook NESDC
0.0
1.0
2.0
3.0
4.0
5.0
10
11
12
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2

จ นวนผ  ร น น ค งคั สั ส่วนผ ใ  ริ ร รณีว่างงาน แ นขวา
จ นวนผู้ประกันตนภาคบังคับ ล้านคน
และสัดส่วนผู้ใช้บริการกรณีว่างงานอยู่ที่ร้อยละ
ที่มา: ส นั งาน ร นสังคม ร ทรวงแรงงาน
 ล้านคน (%)
จ นวนผู้ประกันตน (ม.33 ม.39 และม.40) และผู้ประกันตนที่ได้รับประโยชน์กรณีว่างงานจาก ม.33
จ นวน (พันคน) 2565 2566
ทั้งปี H1 H2 Q1 Q2 Q3 Q4 H1 Q1 Q2
ผ  ร น น ค งคั (ม.33 1/ 11,638 11,313 11,638 11,23 11,313 11, 62 11,638 11,725 11,689 11,725
ผ  ร น น มความสมัครใจ (ม.39 2/ 1,880 1,902 1,880 1,920 1,902 1,899 1,880 1,850 1,866 1,850
ผ  ร น น มความสมัครใจ (ม. 0 3/ 10,881 10,812 10,881 10,767 10,812 10,855 10,881 10,935 10,911 10,935
รวมผู้ประกันตน (ม.33 ม.39 และม.40) 24,399 24,027 24,399 23,920 24,027 24,216 24,399 24,511 24,466 24,511
ผ  ร น นที่ไ รั ร โย น์ รณีว่างงานจา ม.33 197 2 5 197 306 2 5 228 197 250 227 250
สัดส่วนผู้ประกันตนที่ได้รับประโยชน์กรณีว่างงานจาก ม.33
(ร้อยละ) 1.7 2.2 1.7 2.7 2.2 2.0 1.7 2.1 1.9 2.1
ที่มา: ส นั งาน ร นสังคม ร ทรวงแรงงาน
หมายเห :
1/ ผ  ร น น ค งคั (ม.33 คือ นั งาน ริ ทเอ นทั่วไ ซึ่งมีสถาน เ นล จ้างที่ท งานอย ในสถาน ร อ รที่มี นั งาน งแ  1 คนขึ้นไ
อายุไม่   ว่า 15  แล ไม่เ น 60
2/ ผ  ร น น คสมัครใจ (ม.39 คือ คคลที่เคยท งานอย ใน ริ ทเอ นในมา รา 33 มา อนแล้วลาออ แ  อง รรั สิทธิ ร นสังคมไว้
จึงสมัครเข้าใ สิทธิ ร นสังคมในมา รา 39 แทน
3/ ผ  ร น น คสมัครใจ (ม. 0 คือ ผ  ร น นในมา รา 0 นี้ คือ คคลที่ไม่ไ เ นล จ้างใน ริ ทเอ น มมา รา 33 แล ไม่เคยสมัครเ น
ผ  ร น นในมา รา 39 ผ ที่จ สมัคร ร นสังคมในมา รา 0 ไ นั้น องเ นผ ที่ ร อ อา  อิสร หรือแรงงานนอ ร มีอายุไม่   ว่า 15
แ ไม่เ น 60
ปัญหาความไม่สอดคล้องกันของตลาดแรงงานของไทย
 ยหลังจา สถาน รณ์ รแ ร่ร  ของโรคโควิ -19 คลี่คลายลง ลา แรงงานของไทย รั ว ขึ้น อเนื่อง งจ เห็นไ จา จ นวน
ผ มีงานท ในไ รมาสที่สองของ  2566 อย ที่ 39.68 ล้านคน คิ เ นสั ส่วนร้อยล 98. ของ ลังแรงงานทั้งหม แล เ มขึ้นร้อยล 1.7
เมื่อเทีย  วงเ ยว นของ  อนหน้า ซึ่งท ให้อั รา รว่างงานในไ รมาสที่สองของ  2566 อย ที่ร้อยล 1.06 ล ลงจา ร้อยล 1.33
ใน  2565 แล ใ ล้เคียง  ร้อยล 0.98 ใน  2562 ซึ่งเ น วง อนวิ โควิ -19 อย่างไร  ม ร เ น ญหาของ ลา แรงงานไทยที่ส คัญ
 ร รหนึ่งคือ ญหาคุณ  ของแรงงานแล ความไม่สอดคล้องของตลาดแรงงาน (Labor mismatching) ซึ่งอาจเ นข้อจ   ใน รย ร
 รผลิ ของไทย
จา ข้อม ล รส รวจความ อง รแรงงานจา โครง รที่ไ รั รส่งเสริม รลงทุนของส นั งานคณ รรม รส่งเสริม รลงทุน
(BOI ใน วง  2561 - 2565 ว่าความ อง รแรงงานรวมเ มขึ้นจา 95,566 คนใน  2561 เ น 168,992 คนใน  2565
แ เมื่อ จารณาสั ส่วนความ อง รแรงงานที่มี ร  ในร  ริญญา รีขึ้นไ นั้น ล ลงจา ร้อยล 30.1 ของความ อง รแรงงานรวม
ใน  2561 เหลือเ ยงร้อยล 17.2 ใน  2565 เท่านั้น ส่วนสั ส่วนความ อง รแรงงานใน ร  ร  ว . - วส. ล ลงเล็ น้อยจา ร้อยล
23.7 ใน  2561 เ นร้อยล 22.5 ใน  2565 ในขณ ที่สั ส่วนความ อง รแรงงานที่มี ร  ร  ร ถม   ที่ 6 - มัธยม   ที่ 6
เ มขึ้นจา ร้อยล 1.1 ใน  2561 เ นร้อยล 57.3 ใน  2565 แล เมื่อ จารณาเฉ  ความ อง รแรงงานเ ยงสองร  ร
คือ ริญญา รีขึ้นไ แล ร  ว . แล วส. ว่าสั ส่วนเฉลี่ยของความ อง รแรงงานที่มี ร  ในร  ริญญา รีขึ้นไ ล ลง
โ ยเฉลี่ยใน วง  2561 - 2565 อย ที่ร้อยล 5.6 ขณ ที่สั ส่วนเฉลี่ยของความ อง รแรงงานที่มี ร  ในร  ว . แล วส.
 ลั เ มขึ้น โ ยเฉลี่ย  2561 - 2565 อย ที่ร้อยล 5 .
ตารางที่ 1 ความต้องการแรงงานจากโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน
จ นวน (คน) สัดส่วน (ร้อยละ)
2561 2562 2563 2564 2565 2561 2562 2563 2564 2565 เฉลี่ย 2561-2565
ร  ริญญา รีขึ้นไ 28,757 20,113 22,801 25,581 29,037 30.1 21.1 15.5 16.1 17.2 20.0
ร  ว . - วส. 22,608 22,551 32,178 37,817 38,079 23.7 23.7 21.9 23.7 22.5 23.1
แรงงานเฉพาะปริญญาตรีขึ้นไป และปวช. - ปวส. 51,365 42,664 54,979 63,398 67,116 53.8 44.8 37.4 39.8 39.7 43.1
ร  .6 - ม.6 39,299 6,971 82,899 81,563 96,786 1.1 9. 56.2 51.2 57.3 51.1
อื่น ๆ ,902 5, 71 9,385 1 ,390 5,090 5.1 5.8 6. 9.0 3.0 5.9
รวม 95,566 95,106 147,263 159,351 168,992 100.0 100.0 100.0 100.0 100.0 100.0
แรงงานเฉพาะปริญญาตรีขึ้นไป และปวช. - ปวส. 51,365 42,664 54,979 63,398 67,116 100.0 100.0 100.0 100.0 100.0 100.0
ร  ริญญา รีขึ้นไ 28,757 20,113 22,801 25,581 29,037 56.0 47.1 41.5 40.3 43.3 45.6
ร  ว . - วส. 22,608 22,551 32,178 37,817 38,079 44.0 52.9 58.5 59.7 56.7 54.4
ที่มา : สรุ ข้อม ล รส รวจความ อง รแรงงานจา โครง รที่ไ รั รส่งเสริม รลงทุน เ อนม ราคม - ธันวาคม 2565
ส นั งานคณ รรม รส่งเสริม รลงทุน
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 16
Economic Outlook NESDC
ปัญหาความไม่สอดคล้องกันของตลาดแรงงานของไทย (ต่อ)
นอ จา นี้ เมื่อ จารณาข้อม ลความ อง รแรงงานของ ริ ทที่ไ รั รส่งเสริม รลงทุนในอุ สาห รรมเ หมายในเข นที่ EEC
ใน  2565 จ แน ม ร   จ นวน 19 โครง ร ซึ่งมีความ อง รแรงงานรวม 52,322 คนนั้น ว่า ร  ร  ที่มี
ความ อง รมา ที่สุ คือ แรงงานร  ร ถม   ที่ 6 ถึงมัธยม   ที่ 6 มีสั ส่วนถึงร้อยล 59.1 ความ อง รแรงงานร  ว . - วส.
อย ที่ร้อยล 25.2 แล ความ อง รแรงงานร  ริญญา รีขึ้นไ อย ที่ร้อยล 1 .7 เท่านั้น แล เมื่อ จารณาถึงอุ สาห รรมเ หมาย
ที่ส คัญ เ น อุ สาห รรมยานยน แล นส่วน แล อุ สาห รรมเครื่องใ ไฟฟ้าแล อิเล็ ทรอนิ ส์ ว่า ร  ร  ที่มีความ อง ร
มา ที่สุ คือ แรงงานร  ร ถม   ที่ 6 ถึงมัธยม   ที่ 6 มีสั ส่วนร้อยล 63.9 แล ร้อยล 63.2 มล   ความ อง รแรงงาน
ร  ว . - วส. อย ที่ร้อยล 22.5 แล ร้อยล 23.6 มล   ขณ ที่ความ อง รแรงงานร  ริญญา รีขึ้นไ อย ที่ร้อยล 13.5 แล
ร้อยล 12.9 มล   โ ยอุ สาห รรมเ หมายที่มีความ อง รแรงงานร  ริญญา รีขึ้นไ ในสั ส่วนที่ส ง ไ แ  อุ สาห รรม จิ ล
แล อุ สาห รรมเ รแล แ รร อาหาร ส่วนอุ สาห รรมเ หมายที่มีความ อง รแรงงานร  ว . แล วส. ในสั ส่วนที่ส ง ไ แ
อุ สาห รรมร อั โนมั แล หุ่นยน  แล อุ สาห รรมเทคโนโลยี ว  อย่างไร   เมื่อ จารณา ลังแรงงาน
โ ยอ้างอิงจา จ นวนนั เรียน นั  ที่อย ใน คอุ ม   (ร  ริญญา รีขึ้นไ ว่า ใน  256 1
มีจ นวนนั
ในร  อุ ม  รวม 1,902,692 คน แม้จ ล ลงจา จ นวน 2,171,663 ใน  2561 แ ยังส ง ว่าเมื่อเทีย  นั เรียนที่อย ในร  ว .
แล วส. ใน  256 ที่มีจ นวน 37 ,962 คน (คิ เ นสั ส่วนร้อยล 83.5 แล ร้อยล 16.5 มล   งนั้น จา ข้อม ล ง ล่าวส ท้อน
ให้เห็นถึงสถาน รณ์ ลา แรงงานที่เผ ญ  ญหาความไม่สอ คล้อง นร หว่าง ลังแรงงานที่ผลิ ออ มา ( น Supply แล ความ อง ร
ของ ลา ( น Demand นั่นคือ มีแรงงานจ ใหม่ที่เข้าส  ลา ที่จ อุ ม  ในร  ริญญา รีขึ้นไ ในสั ส่วนส งมา ส่งผลให้แรงงาน
ในร  ริญญา รี องท งาน   ว่าร  มา ขึ้น แล สั ส่วนผ ว่างงานในร  ริญญา รีจ มีแนวโน้มเ มขึ้น ซึ่งจ ลายเ นข้อจ
ของ ลา แรงงานไทยในร ย อไ
1
ข้อม ลล่าสุ
ตารางที่ 2 ความต้องการแรงงานของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในเขตพื้นที่ EEC
ในปี 2565 จ แนกตามการศึกษา
จ นวน
โครงการ
จ นวนความต้องการ
แรงงาน (คน)
สัดส่วนความต้องการแรงงานในแต่ละระดับ (ร้อยละ)
ปริญญาตรีขึ้นไป ปวช. - ปวส. ป.6 - ม.6 อื่น ๆ
อุ สาห รรมยานยน แล นส่วน 59 15,890 13.5 22.5 63.9 0.1
อุ สาห รรมเครื่องใ ไฟฟ้าแล อิเล็ ทรอนิ ส์ 51 1 ,0 2 12.9 23.6 63.2 0.3
อุ สาห รรม รแ ทย์ 17 7,291 9.5 19.7 70.0 0.8
อุ สาห รรม โ รเคมีแล เคมี ณฑ์ 2 2,669 20.0 29.9 50.0 0.1
อุ สาห รรมเ รแล แ รร อาหาร 15 9 7 33.7 2 .8 31.1 10.2
อุ สาห รรมร อั โนมั แล หุ่นยน  1 2 30.3 69.7 0.0 0.0
อุ สาห รรม จิ ล 5 11 9 .7 5.3 0.0 0.0
อุ สาห รรมเทคโนโลยี ว  2 22 .5 77.3 18.2 0.0
อุ สาห รรมอื่น ๆ 227 11,103 18.0 33.1 6. 2.6
รวม 419 52,322 14.7 25.2 59.1 1.0
ที่มา: ข้อม ลส รวจความ อง รแรงงานของ ริ ทที่ไ รั ส่งเสริม รลงทุนในอุ สาห รรมเ หมายในเข นที่ EEC งแ  ม.ค.- ธ.ค. 2565
ส นั งานคณ รรม รส่งเสริม รลงทุน
ตารางที่ 3 จ นวนและสัดส่วนนักเรียน นักศึกษาที่อยู่ในภาคอุดมศึกษา (ปริญญาตรีขึ้นไป) และอาชีวศึกษา
2561 2562 2563 2564 เฉลี่ย 2561 - 2564
ร  ริญญา รีขึ้นไ (คน 2,171,663 2,076,92 2,058,2 9 1,902,692 2,052,382
ร  ว .- วส. (คน 366,870 378,738 387, 11 37 ,962 376,995
รวม (คน) 2,538,533 2,455,662 2,445,660 2,277,654 2,429,377
ร  ริญญา รีขึ้นไ (ร้อยล 85.5 8 .6 8 .2 83.5 8 .5
ร  ว .- วส. (ร้อยล 1 .5 15. 15.8 16.5 15.5
รวม (ร้อยละ) 100.0 100.0 100.0 100.0 100.0
ที่มา: ส นั งานสถิ แห่ง
45.6
54.4
สัดส่วนความต้องการแรงงานจากโครงการที่ได้รับ
การส่งเสริมการลงทุนของ BOI (เฉลี่ยปี 2561 - 2565)
 ริญญา รีขึ้นไ ว . - วส.
ที่มา: ส นั งานคณ รรม รส่งเสริม รลงทุน
84.5
15.5
สัดส่วนจ นวนนักเรียน นักศึกษาที่อยู่ในภาคอุดมศึกษา
(ปริญญาตรีขึ้นไป) และอาชีวศึกษา (เฉลี่ยปี 2561 - 2564)
 ริญญา รีขึ้นไ ว . - วส.
ที่มา: ส นั งานสถิ แห่ง
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 17
Economic Outlook NESDC
การจัดเก็บรายได้รัฐบาล ในไ รมาสที่สามของ ง ร มาณ 2566 (เม ยน - มิถุนายน 2566 รั ลจั เ
รายไ สุทธิ 795,788.9 ล้าน ท เ มขึ้นจา ไ รมาสเ ยว นของ  อนร้อยล 3.2 ซึ่งเ นผลมาจา
 รเ มขึ้นของ (1 รน ส่งรายไ ของส่วนรา รอื่นร้อยล 56.7 เนื่องจา รน ส่งทุนหรือผล ไร
ส่วนเ นของทุนหมุนเวียนเ นรายไ แผ่น น เงินเหลือจ่าย  อนส่งคืนของ รร ท ร นสินเ ออุ สาห รรม
ขนา ย่อม แล รน ส่งรายไ จา รเ ลี่ยนร สัม ทานใน จ ร โ รเลียมเ นร สัญญาแ ง น
ผลผลิ (ร Production Sharing Contract หรือ PSC ของ รมเ อเ ลิงธรรม   (2  เงินไ  คคลธรรม
ร้อยล 8.6 (3  เงินไ นิ  คคลร้อยล 3.1 ม ร รั ว ขึ้นของ จ รรมทางเ ร จ แล (
สรร สามิ รถยน ร้อยล 10.7 ม รเ มขึ้นของ รผลิ รถยน  เ อส่งมอ มค สั่งซื้อหลังจา ญหา
 รขา แคลนเซมิคอน  เ อร์คลี่คลายลง
อย่างไร  ม รจั เ   สรร สามิ น้ มันแล ผลิ ณฑ์น้ มันล ลงจา ไ รมาสเ ยว นของ  อนร้อยล 22.9
เนื่องจา รล อั รา  สรร สามิ น้ มัน เซลลิ รล ไม่เ น 5 ท แล รล อั รา  สรร สามิ น้ มัน
ส หรั เครื่อง นไอ นจา ลิ รล .726 ท อลิ ร เหลือ 0.200 ท อลิ ร เ อ รรเทาความเ อ ร้อน
ของ ร  นจา ราคาน้ มัน  ใน ลา โล ที่ รั วส งขึ้น ขณ ที่ รจั เ   ม ลค่าเ มล ลงจา ไ รมาสเ ยว น
ของ  อนร้อยล .8 ม รล ลงของม ลค่าสินค้าน เข้า
รวม 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 รั ลจั เ  รายไ สุทธิ 1,956, 89.9 ล้าน ท เ มขึ้นร้อยล
5.2 แล ส ง ว่า ร มาณ ร มเอ สารง ร มาณร้อยล 7.5 โ ยหน่วยงานส คัญ ๆ ที่สามารถจั เ  ไ
ส ง ว่า ร มาณ ร ไ แ  (1 รมสรร  ร โ ย รจั เ   เงินไ นิ  คคล  ม ลค่าเ ม แล
  เงินไ  คคลธรรม ส ง ว่า ร ร มาณ ร (2 ส่วนรา รอื่น เนื่องจา รน ส่งทุนหรือผล ไร
ส่วนเ นของทุนหมุนเวียนเ นรายไ แผ่น น รายไ จา สัม ทานโทร  ท์เคลื่อนที่ของ ริ ท โทรคมนาคม
แห่ง   จ   (มหา น เงินส่วนเ นจา รจ หน่าย นธ  ร เงินจา ร เ อ เ ย รขา ล แล
เงินเหลือจ่าย  อนส่งคืนของ รร ท ร นสินเ ออุ สาห รรมขนา ย่อม แล (3 รม ล  ร เนื่องจา
ม ลค่า รน เข้าส ง ว่า ร มาณ ร รวมทั้ง ร ร อา รขาเข้า มค    ค ข้อ  ท รจั เ
น เข้า นส่วนรถยน  อย่างไร   รจั เ  รายไ ของ รมสรร สามิ   ว่า ร มาณ รจา ร รั ล
อั รา  สรร สามิ น้ มัน เซลเ อ รรเทาผล ร ท อค่าครอง  ของ ร  น
การใช้จ่ายของรัฐบาล ในไ รมาสที่สามของ ง ร มาณ 2566 รั ลมี รเ  จ่ายง ร มาณทั้งสิ้น
811,900.2 ล้าน ท
เ มขึ้นจา ไ รมาสเ ยว นของ  อนร้อยล 2.6 ร อ วย (1) การเบิกจ่าย
งบประมาณรายจ่ายประจ ปี 2566 จ นวน 7 2,350.3 ล้าน ท เ มขึ้นจา ไ รมาสเ ยว นของ
 ง ร มาณ อนหน้าร้อยล 9.3 โ ยอั รา รเ  จ่ายร้อยล 23.3 จ แน เ น ( i รายจ่าย ร จ
625,510.8 ล้าน ท เ มขึ้นจา วงเ ยว นของ  อนร้อยล 9.6 ม รเ มขึ้นของ รเ  จ่ายหมว
ง รายจ่ายอื่นเ นส คัญ (อั รา รเ  จ่ายร้อยล 2 .7 ส ง ว่าร้อยล 22.5 ในไ รมาสเ ยว นของ  อน
แล (ii รายจ่ายลงทุน 116,839.5 ล้าน ท เ มขึ้นจา วงเ ยว นของ  อนร้อยล 7.8 เ นผลมาจา
 รเ  จ่ายในหมว เงินอุ หนุนทั่วไ แล หมว ที่ นแล สิ่ง อสร้าง (อั รา รเ  จ่ายร้อยล 17.8   ว่า
ร้อยล 19.2 ในไ รมาสเ ยว นของ  อน
ในไตรมาสที่สามของ
ปีงบประมาณ 2566
การจัดเก็บรายได้รัฐบาล
เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก
การเพิ่มขึ้นของการน ส่ง
รายได้ของส่วนราชการอื่น
การจัดเก็บภาษีเงินได้
บุคคลธรรมดา
ภาษีเงินได้นิติบุคคล และ
ภาษีสรรพสามิตรถยนต์

 รใ จ่ายของรั ล ร อ วย (1 ง ร มาณรายจ่าย ร จ   (2 ง ร มาณ นไว้เ  เหลื่อม  (3 ง ลงทุนรั วิสาห จโ ยไม่รวม ริ ท ท. จ   (มหา น
แล รายจ่ายลงทุนรั วิสาห จที่ไ รั รจั สรรจา ง ร มาณรายจ่าย ร จ  แล ง ร มาณ นไว้เ  เหลื่อม  แล ( เงิน  ยใ  .ร. . เงินโควิ -19วงเงิน 1.5
ล้านล้าน ท
5
รวมรายจ่ายลงทุนรั วิสาห จที่ไ รั รจั สรรจา ง ร มาณรายจ่าย ร จ  แล ง ร มาณ นไว้เ  เหลื่อม  จ นวน 7,278.3 ล้าน ท
(2) การเบิกจ่ายงบประมาณกันไว้เบิกเหลื่อมปี 27,927.5 ล้าน ท ล ลงจา ไ รมาสเ ยว นของ  อน
ร้อยล 12.2 โ ยมีอั รา รเ  จ่ายร้อยล 1 .7 (3) การเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ (ไม่รวมบริษัท ปตท.
จ กัด (มหาชน)) 50,181.0 ล้าน ท5
ล ลงจา ไ รมาสเ ยว นของ  อนหน้าร้อยล 10.2 โ ยเ นผลมาจา
 รล ลงของ รเ  จ่ายของ รไฟฟ้าฝ่ายผลิ แห่ง ร เท ไทย แล ริ ท โทรคมนาคมแห่ง   จ   (มหา น
เ นส คัญ
รวม 9 เดือนแรกของ
ปีงบประมาณ 2566
การจัดเก็บรายได้รัฐบาล
สูงกว่าช่วงเดียวกันของ
ปีก่อนและสูงกว่า
ประมาณการร้อยละ 5.2
และร้อยละ 7.5
ตามล ดับ
การใช้จ่ายของรัฐบาล
ในไตรมาสที่สามของ
ปีงบประมาณ 2566
เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6
-40
-20
0
20
40
60
80
100
-400,000
-200,000
0
200,000
400,000
600,000
800,000
1,000,000
1,200,000
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3

ล้าน ท ร้อยล
ที่มา: GFMIS
การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจ ปี
รายจ่ายลงทุน แ นซ้าย
รายจ่าย ร จ  แ นซ้าย
อั รา รขยาย วของ รเ  จ่ายรวม แ นขวา
23.3
17.8
0
5
10
15
20
25
30
35
Q3-56 Q3-57 Q3-58 Q3-59 Q3-60 Q3-61 Q3-62 Q3-63 Q3-64 Q3-65 Q3-66
ร้อยล
ที่มา: GFMIS
อัตราการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจ ปีในไตรมาสที่สาม
เทียบกับอัตราการเบิกจ่ายเฉลี่ย
อั รา รเ  จ่ายรวม อั รา รเ  จ่ายรายจ่ายลงทุน
อั รา รเ  จ่ายรวมเฉลี่ย อั รา รเ  จ่ายรายจ่ายลงทุนเฉลี่ย
เฉลี่ย = 21.1
เฉลี่ย = 17.3
ด้านการคลัง
อัตราการเบิกจ่าย
งบประมาณรายจ่าย
ประจ ปี อยู่ที่ร้อยละ
23.3 โดยอัตราเบิกจ่าย
รายจ่ายประจ และ
รายจ่ายลงทุนอยู่ที่
ร้อยละ 24.7 และร้อยละ
17.8 ตามล ดับ
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 18
Economic Outlook NESDC
รวม 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 มี รเ  จ่ายง ร มาณ ครั รวม 2,7 8,381.8 ล้าน ท
ล ลงจา วงเ ยว นของ  อนร้อยล 5.7 ร อ วย (1) การเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจ ปี
2566 จ นวน 2, 3 ,233.6 ล้าน ท (อั รา รเ  จ่ายร้อยล 76. ส ง ว่าร้อยล 73.2 ใน วงเ ยว นของ
  อน แ งเ น รเ  จ่ายรายจ่าย ร จ  2,08 ,726.2 ล้าน ท (อั รา รเ  จ่ายร้อยล 82. ส ง ว่าร้อยล
77.8 ใน วงเ ยว นของ  อน แล รเ  จ่ายรายจ่ายลงทุน 3 9,507. ล้าน ท (อั รา รเ  จ่ายร้อยล
53.3 ส ง ว่าร้อยล 52.5 ใน วงเ ยว นของ  อน (2) การเบิกจ่ายงบประมาณกันไว้เบิกเหลื่อมปี
131,373.6 ล้าน ท (อั รา รเ  จ่ายร้อยล 69.0 (3) การเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ (ไม่รวมบริษัท
ปตท. จ กัด (มหาชน)) 160,878.2 ล้าน ท6
ทั้งนี้ รั วิสาห จที่มี รเ  จ่ายง ลงทุนส งสุ 5 อัน  แร
ไ แ  รไฟฟ้าส่วน มิ ค รรถไฟแห่ง ร เท ไทย รไฟฟ้าฝ่ายผลิ แห่ง ร เท ไทย รไฟฟ้านครหลวง
แล ริ ท โทรคมนาคมแห่ง   จ   (มหา น แล (4) การเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ พ.ร.ก. กู้เงินโควิด-19
พ.ศ. 2563 - 2564 (วงเงิน 1.5 ล้านล้านบาท) 7, 18.7 ล้าน ท
หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเ อนมิถุนายน 2566 มีม ลค่าทั้งสิ้น 10,923,183.5 ล้าน ท คิ เ นร้อยล 61.1
ของ GDP ร อ วย เงิน  ยใน ร เท 10,750,929.5 ล้าน ท (ร้อยล 60.2 ของ GDP แล เงิน จา
 ง ร เท 172,25 .0 ล้าน ท (ร้อยล 1.0 ของ GDP โ ยแ งเ นหนี้ของรั ล 9,558,050. ล้าน ท
หนี้รั วิสาห จที่ไม่เ นสถา น รเงิน 1,085,379.5 ล้าน ท หนี้รั วิสาห จที่เ นสถา น รเงิน (รั ล
ค้  ร น 223,508.2 ล้าน ท แล หนี้หน่วยงานอื่นของรั 56,2 5. ล้าน ท ซึ่งคิ เ นร้อยล 87.5
ร้อยล 9.9 ร้อยล 2.0 แล ร้อยล 0.5 ของหนี้สาธารณ คงค้าง มล
ฐานะการคลัง ในไ รมาสที่สามของ ง ร มาณ 2566 รั ลเ น ลง ร มาณ 29,251 ล้าน ท เมื่อรวม
 รขา ลเงินนอ ง ร มาณ 10,760 ล้าน ท แล ร เงินเ อ เ ย รขา ล 1 0,738 ล้าน ท
ท ให้รั ลเ น ลเงินส สุทธิ 159,229 ล้าน ท แล เมื่อรวม  เงินคงคลัง ณ สิ้นไ รมาสที่สองของ
 ง ร มาณ 2566 จ นวน 193,585 ล้าน ท ส่งผลให้ น เงินคงคลัง ณ สิ้นเ อนมิถุนายน 2566 มีจ นวน
ทั้งสิ้น 352,81 ล้าน ท
รวม 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 รั ลมี รขา ลง ร มาณ 608, 61 ล้าน ท เมื่อรวม
 รขา ลเงินนอ ง ร มาณ 97,987 ล้าน ท แล มี ร เงินเ อ เ ย รขา ล 35,2 3 ล้าน ท
ส่งผลให้รั ลยังคงขา ลเงินส หลัง สุทธิ 271,205 ล้าน ท
รวม 9 เดือนแรก
อัตราการเบิกจ่าย
งบประมาณรายจ่าย
ประจ ปี อยู่ที่ร้อยละ
76.4 โดยอัตราเบิกจ่าย
รายจ่ายประจ และ
รายจ่ายลงทุนอยู่ที่
ร้อยละ 82.4 และ
ร้อยละ 53.3 ตามล ดับ
ภาวะการเงิน
ในไตรมาสที่สองของปี 2566 อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.25 เป็นร้อยละ 2.00 ต่อปี
คณ รรม รนโย ย รเงิน ( นง. ใน ร ร มครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่ 31 คม 2566 มีม  รั ขึ้น
อั รา อ เ ยนโย ยร้อยล 0.25 อ  จา ร้อยล 1.75 อ  เ นร้อยล 2.00 อ  โ ย นง. ร เมินว่า
เ ร จไทยมีแนวโน้มขยาย วอย่าง อเนื่องจา ค รท่องเที่ยวแล ร ริโ ค คเอ นเ นส คัญ
 นอั ราเงินเฟ้อทั่วไ มีแนวโน้มเข้าส  รอ เ หมาย เนื่องจา แรง นจา ค่าไฟฟ้าแล ราคาน้ มันที่เริ่ม
คลี่คลายลง อย่างไร  ยังมีความเสี่ยงจา นอุ สงค์ ยใน ร เท จา ว เ ร จที่มีแนวโน้มขยาย วไ
รวมทั้ง รส่งผ่าน นทุนผ  ร อ รที่อาจ รั วส งขึ้นจา แรง น นอุ ทาน ซึ่งขึ้น  ร เนิน
นโย ยเ ร จ ครั ในร ย ถั ไ น  รวมร รเงินไทยยังคงมีเสถียร  แ ยังคง อง  ม
  นา รแล ความผันผวนใน ลา รเงินโล อย่างใ ล้  รวมถึงความสามารถใน ร ร หนี้ของ
ผ  ร อ รขนา ลางแล ขยายย่อม (SMEs แล ครัวเรือนที่มีรายไ น้อย ทั้งนี้ ร เนินนโย ย รเงิน
ของไทย สอ คล้อง  ร เท เ ร จหลั ไ แ  ธนาคาร ลางสหรั ฯ รั ขึ้นอั รา อ เ ยนโย ยเ น
ร้อยล 5.00 - 5.25 อ  สห  ยุโร รั เ มเ นร้อยล .00 อ  แล ธนาคาร ลางอัง เ มเ นร้อยล
5.00 อ  รวมทั้งธนาคาร ลางแคนา  ออสเ รเลีย นิวซีแลน  แล มาเลเซีย รั ขึ้นอั รา อ เ ยนโย ย
เ นร้อยล .75 ร้อยล .10 ร้อยล ร้อยล 5.50 แล ร้อยล 3.00 อ  มล   ขณ ที่ธนาคาร ลาง
ญี่ น ฟิลิ นส์ อินโ นีเซีย เ หลีใ  แล อินเ ย คงอั รา อ เ ยนโย ยไว้ที่ร  ร้อยล (-0.10 ร้อยล 6.75
ร้อยล 5.75 ร้อยล 3.50 แล ร้อยล 6.50 อ  มล   ในส่วนธนาคาร ลางเวีย นาม แล จีน รั ล
อั รา อ เ ยนโย ยมาอย ที่ร้อยล 3.00 แล ร้อยล 3.55 อ  มล
หนี้สาธารณะคงค้าง
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566
อยู่ที่ร้อยละ 61.1 ของ GDP
รวม 9 เดือนแรกของ
ปีงบประมาณ 2566
การใช้จ่ายของรัฐบาล
ลดลงร้อยละ 5.7
ตามการลดลงของ
การเบิกจ่ายงบประมาณ
กันไว้เบิกเหลื่อมปี
งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ
และเงินกู้ภายใต้
พ.ร.ก. กู้เงินโควิด-19
0
10
20
30
40
50
60
70
0
2,000
4,000
6,000
8,000
10,000
12,000
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3

 นล้าน ท ร้อยล
ที่มา: ส นั งาน ริหารหนี้สาธารณ
หนี้สาธารณะคงค้าง
หนี้ใน ร เท หนี้ ง ร เท หนี้สาธารณ คงค้าง อ GDP (แ นขวา
0
50,000
100,000
150,000
200,000
250,000
300,000
350,000
400,000
0
100,000
200,000
300,000
400,000
500,000
600,000
700,000
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3

ที่มา: ร ทรวง รคลัง
สถานะเงินคงคลัง
สถาน เงินคงคลัง ณ สิ้นงว แ นซ้าย
 เ อ เ ย รขา ล แ นขวา
ล้าน ท ล้าน ท
ฐานะเงินคงคลัง
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566
มีจ นวนทั้งสิ้น 352,814
ล้านบาท
6
รวมรายจ่ายลงทุนรั วิสาห จที่ไ รั รจั สรรจา ง ร มาณรายจ่าย ร จ  แล ง ร มาณ นไว้เ  เหลื่อม  จ นวน 25,522.5 ล้าน ท
ธนาคารแห่งประเทศไทย
ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นโยบายต่อเนื่อง
สอดคล้องกับทิศทาง
การด เนินนโยบาย
การเงินของประเทศ
เศรษฐกิจหลัก
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 19
Economic Outlook NESDC
ในเดือนกรกฎาคม 2566 ธนาคาร ลางสหรั ฯ สห  ยุโร แคนา  แล รัสเซีย รั ขึ้นอั รา อ เ ย
นโย ยเ นร้อยล 5.25 - 5.50 ร้อยล .25 ร้อยล 5.00 แล ร้อยล 8.50 อ  มล
ล่าสุดเดือนสิงหาคม 2566 ธนาคาร ลางอัง แล ธนาคารแห่ง ร เท ไทย รั ขึ้นอั รา อ เ ยนโย ย
เ นร้อยล 5.25 แล ร้อยล 2.25 อ  มล   ขณ ที่ธนาคาร ลาง ราซิล รั ล อั รา อ เ ยนโย ย
มาอย ที่ร้อยล 13.25 อ
ธนาคารพาณิชย์ และSFIs
ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
เงินให้กู้ยืมและเงินฝาก
ตามการปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายของ
ธนาคารแห่งประเทศไทย
สินเชื่อคงค้างภาคเอกชน
ของสถาบันรับฝากเงิน
ขยายตัวร้อยละ 1.0
ชะลอตัวลงจากร้อยละ
1.5 ไตรมาสก่อนหน้า
เป็นผลจากการลดลงของ
สินเชื่อภาคธุรกิจในระบบ
ธนาคารพาณิชย์
และสินเชื่อตามนโยบาย
รัฐของ SFIs เป็นส คัญ
ขณะที่สินเชื่อภาคครัวเรือน
ขยายตัวใกล้เคียงกับ
ไตรมาสก่อนหน้า
อัตราดอกเบี้ยนโยบาย
(ร้อยละ)
ณ สิ้นงวด
2564 2565 2566
ทั้งปี ทั้งปี Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค.
สหรั ฯ 0.00-0.25 .25- .50 0.25-0.50 1.50-1.75 3.00-3.25 .25- .50 .75-5.00 5.00-5.25 .75-5.00 5.00-5.25 5.00-5.25 5.25-5.50 5.25-5.50
สห  ยุโร 0.00 2.50 0.00 0.00 1.25 2.50 3.50 .00 3.50 3.75 .00 .25 .25
อัง 0.25 3.50 0.75 1.25 2.25 3.50 .25 5.00 .25 .50 5.00 5.00 5.25
แคนา  0.25 .25 0.50 1.50 3.25 .25 .50 .75 .50 .50 .75 5.00 5.00
ออสเ รเลีย 0.10 3.10 0.10 0.85 2.35 3.10 3.60 .10 3.60 3.85 .10 .10 .10
ไทย 0.50 1.25 0.50 0.50 1.00 1.25 1.75 2.00 1.75 2.00 2.00 2.00 2.25
นิวซีแลน  0.75 .25 1.00 2.00 3.00 .25 .75 5.50 5.25 5.50 5.50 5.50 5.50
รัสเซีย 8.50 7.50 20.00 9.50 7.50 7.50 7.50 7.50 7.50 7.50 7.50 8.50 8.50
มาเลเซีย 1.75 2.75 1.75 2.00 2.50 2.75 2.75 3.00 2.75 3.00 3.00 3.00 3.00
เวีย นาม 2.50 .50 2.50 2.50 3.50 .50 3.50 3.00 3.50 3.50 3.00 3.00 3.00
จีน 3.80 3.65 3.70 3.70 3.65 3.65 3.65 3.55 3.65 3.65 3.55 3.55 3.55
 ราซิล 9.25 13.75 11.75 13.25 13.75 13.75 13.75 13.75 13.75 13.75 13.75 13.75 13.25
ญี่ น -0.10 -0.10 -0.10 -0.10 -0.10 -0.10 -0.10 -0.10 -0.10 -0.10 -0.10 -0.10 -0.10
ฟิลิ นส์ 2.50 6.00 2.50 3.00 .25 6.00 6.75 6.75 6.75 6.75 6.75 6.75 6.75
อินโ นีเซีย 3.50 5.50 3.50 3.50 .25 5.50 5.75 5.75 5.75 5.75 5.75 5.75 5.75
เ หลีใ  1.00 3.25 1.25 1.75 2.50 3.25 3.50 3.50 3.50 3.50 3.50 3.50 3.50
อินเ ย .00 6.25 .00 .90 5.90 6.25 6.50 6.50 6.50 6.50 6.50 6.50 6.50
ที่มา: รว รวมโ ย ส . ข้อม ล ณ วันที่ สิงหาคม 2566
ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ธนาคารพาณิชย์ขนาดกลาง และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ตามทิศทางการปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย โ ยธนาคาร ณิ ย์ขนา ใหญ่ ขนา ลาง แล สถา น
 รเงินเฉ  จ รั ขึ้นอั รา อ เ ยเงินฝา ร จ  12 เ อน เ นร้อยล 1. 0 ร้อยล 1.00 แล ร้อยล
1. 5 เทีย  ร้อยล 1.15 ร้อยล 0.83 แล ร้อยล 1.15 อ  ในไ รมาส อนหน้า มล   สอ คล้อง
อั รา อ เ ยเงินให้ ยืมแ ล ค้ารายใหญ่ น  (MLR ที่เ มขึ้นเ นร้อยล 6.96 ร้อยล 8.05 แล ร้อยล
6.79 เทีย  ร้อยล 6.56 ร้อยล 7.70 แล ร้อยล 6.3 อ  ในไ รมาส อนหน้า มล   ทั้งนี้
 รเ มขึ้นของอั รา อ เ ยทั้งเงินฝา แล เงิน  ร อ  อั ราเงินเฟ้อที่ ลอ วลง ส่งผลให้อั รา
 อ เ ยเงินฝา ที่แท้จริงเฉลี่ยทุ ธนาคารเ มขึ้นเ นร้อยล 1.05 เทีย  ร  ล ร้อยล 1.79 ในไ รมาส
 อนหน้า ส่วนอั รา อ เ ยเงิน ที่แท้จริงเ มขึ้นเ นร้อยล 7.0 เทีย  ร้อยล .0 ในไ รมาส อนหน้า
ในเดือนกรกฎาคม 2566 อั รา อ เ ยของธนาคาร ณิ ย์แล สถา น รเงินเฉ  จไม่เ ลี่ยนแ ลงจา
ณ สิ้นไ รมาสสองของ  2566 แ อั ราเงินเฟ้อที่เ มขึ้นส่งผลให้อั รา อ เ ยเงินฝา แล เงิน เฉลี่ยที่แท้จริง
ล ลงเล็ น้อยมาอย ที่ร้อยล 0.90 แล ร้อยล 6.89 มล
สินเชื่อคงค้างภาคเอกชนในระบบธนาคารพาณิชย์ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ณ สิ้นไ รมาสที่สอง
ของ  2566 ยอ สินเ อคงค้าง คเอ นในร ธนาคาร ณิ ย์ล ลงร้อยล 0.7 เทีย  รขยาย ว
ร้อยล 0.3 ในไ รมาส อนหน้า โ ยสินเ อ คธุร จล ลงร้อยล 1.9 อเนื่องจา รล ลงร้อยล 0.3
ในไ รมาส อนหน้า เนื่องจา (1 ธนาคารเ มความร มั ร วังใน รให้สินเ อ โ ยเฉ  สินเ อธุร จขนา
 ลางแล ขนา ย่อม (SMEs เนื่องจา มีความเสี่ยงเ มขึ้นจา ทั้ง ร รั ขึ้นอั รา อ เ ยเงินให้ ยืมแล
 รฟื้น วของเ ร จที่ยังไม่ทั่วถึง โ ยเฉ  ผ  ร อ รในส่วนที่เ ยวข้อง  ค รส่งออ
(2 ผ  ร อ ร งส่วน ลอ รลงทุนใน วงความไม่แน่นอนของเ ร จโล แล ร เมินทิ ทาง
 ร เนินนโย ยเ ร จของรั ลใหม่ แล (3 ร ร คืนสินเ อของธุร จ งราย ในส่วนของธุรกิจ
สาขาส คัญ ๆ ที่สินเชื่อปรับตัวลดลง ประกอบด้วย (1) สาขาการผลิต โ ยเฉ  สินเ อเ อ รผลิ
ผลิ ณฑ์อาหาร แล สินเ อเ อ รผลิ เคมี ณฑ์แล ผลิ ณฑ์เคมี (2) สาขาการขายส่งและการขายปลีก
การซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์โ ยเฉ  สินเ อเ อ รขายส่งแล ขาย ลี ที่ไม่ใ สินค้า นยานยน
อย่างไร   สินเ อในสาขา จ รรมทาง รเงินแล ร ร น ยยังคงขยาย วไ   อเนื่องจา ไ รมาส อนหน้า
ส ท้อน  รวม จ รรมใน ค รเงินที่ยังคงอย ในเ ณฑ์  ขณ ที่ จ รรมใน ค รผลิ มี ร ลอ วลง
ส หรับสินเชื่อภาคครัวเรือนขยายตัวร้อยละ 0.7 ชะลอลงเล็กน้อยจากร้อยละ 0.9 ในไตรมาสก่อนหน้า
 ม ร ลอ วลงของสินเ อเ อที่อย อา ยแล สินเ อเ อ รอุ โ ค ริโ คส่วน คคล
ส หรับสินเชื่อภาคเอกชนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ในไ รมาสที่สองของ  2566 ขยาย วร้อยล 2.6
 ลอ วลงจา ร้อยล 3.9 ในไ รมาส อนหน้า เ นผลจา สินเ อใน ญ ธุร รรมนโย ยรั (Public
Service Account: PSA ล ลงร้อยล 3. เนื่องจา มา ร ร นสินเ อเ อ วยเหลือแล รรเทา
ผล ร ท จา สถาน รณ์แ ร่ร  ของโรคโควิ -19 ของ ครั ทยอยสิ้นสุ ลง เ นส คัญ ขณ ที่สินเ อ
 คครัวเรือนแล สินเ อ คธุร จยังคงขยาย วร้อยล 3.6 แล ร้อยล 11.1 เทีย  รขยาย วร้อยล
3.5 แล ร้อยล 8.7 ในไ รมาส อนหน้า มล   ส่วนหนึ่งเ นผลจา ร รั ขึ้นอั รา อ เ ยที่  ว่า
ธนาคาร ณิ ย์
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 20
Economic Outlook NESDC
ค่าเงินบาทเทียบกับ
ดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลง
จากไตรมาสก่อนหน้า
เนื่องจากธนาคารกลาง
สหรัฐฯ ส่งสัญญาณจะ
ยังคงด เนินนโยบาย
ในทิศทางเข้มงวดขึ้น
อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่ง
ปีหลังของปี 2566
และสถานการณ์การเมือง
ภายในประเทศที่ยังมี
ความไม่แน่นอน
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงจากไตรมาสก่อนหน้า ในไ รมาสที่สองของ  2566
ค่าเงิน ทเฉลี่ยอย ที่ 3 .50 ท อ อลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงร้อยล 1.71 จา ค่าเฉลี่ย 33.92 ท อ
 อลลาร์ สรอ. ในไ รมาส อนหน้า ส่วนหนึ่งเ นผลมาจา จจัย ยนอ โ ยเฉ  ธนาคาร ลางสหรั ฯ
ส่งสัญญาณจ ยังคง เนินนโย ย รเงินในทิ ทางเข้มงว ขึ้นอย่าง อเนื่อง ใน วงครึ่งหลังของ  2566 แล
 รอ่อนค่าลงของเงินหยวน ยหลังเ ร จจีนขยาย ว   ว่าที่คา รณ์ไว้ ร อ  จจัย รเมือง
 ยใน ร เท ที่ยังมีความไม่แน่นอน ส่งผล อความเ อมั่นของนั ลงทุน ซึ่งสอ คล้อง  สถาน ขายสุทธิของ
นั ลงทุน ง  ใน ลา ทุนไทย
ส หรั ค่าเงินส ลอื่นที่ส คัญใน มิ คเมื่อเทีย  เงิน อลลาร์ สรอ. รั วอ่อนค่าลงจา ไ รมาส อนหน้า
ในทิ ทางเ ยว  ค่าเงิน ท ไ แ  ค่าเงินของ ร เท ญี่ น (ร้อยล 3.8 เ หลีใ  (ร้อยล 3.1 มาเลเซีย
(ร้อยล 3.0 จีน (ร้อยล 2. ฟิลิ นส์ (ร้อยล 1.5 ไ หวัน (ร้อยล 1.0 สิงคโ ร์ (ร้อยล 0.5 แล
เวีย นาม (ร้อยล 0.2 ขณ ที่ค่าเงินของ ร เท ส คัญใน มิ คที่ รั วแข็งค่า ไ แ  ค่าเงินอินโ นีเซีย
(ร้อยล 2.5 แล อินเ ย (ร้อยล 0.1
ทั้งนี้  นีค่าเงิน ท (NEER เฉลี่ยอย ที่ 119.82 ล ลงร้อยล 0. 3 จา ไ รมาส อนหน้า ส ท้อนถึงค่าเงิน
 ทอ่อนค่าลงเมื่อเทีย  ร เท ค ค้า/ค แข่งอื่น ๆ ขณ ที่  นีเงิน อลลาร์ สรอ. (Dollar Index เฉลี่ยอย ที่
102.57 ล ลงจา ร  103.39 ในไ รมาส อนหน้า ส ท้อนถึง รอ่อนค่าของค่าเงิน อลลาร์ สรอ.
เมื่อเทีย  ค่าเงินส ลหลั อื่น ๆ
ในเดือนกรกฎาคม 2566 ค่าเงิน ทเฉลี่ยอย ที่ 3 .63 ท อ อลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นร้อยล 0.81 จา
ค่าเฉลี่ย 3 .91 ท อ อลลาร์ สรอ. ในเ อน อนหน้า สอ คล้อง  รอ่อนค่าลงของเงิน อลลาร์ สรอ.
เมื่อเทีย เงินส ลหลั อื่น ๆ ส่วนหนึ่งเ นผลจา รคา รณ์ อทิ ทาง ร เนินนโย ย รเงินของ
ธนาคาร ลางสหรั ฯ ในร ย ถั ไ มีแนวโน้มใ ล้สิ้นสุ วัฏจั ร ร รั ขึ้นอั รา อ เ ยนโย ย
ดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ณ สิ้นไ รมาสสองของ
  2566  นีราคา ลา หลั ทรั ย์  ที่ 1,503.1 จุ ล ลงร้อยล 6.6 จา ไ รมาส อนหน้า โ ยมี จจัย
 ร ท ที่ส คัญมาจา (1 สถาน รณ์ทาง รเมือง ยใน ร เท ที่ยังมีความไม่แน่นอนส ง โ ยเฉ
 รจั งรั ล  ใหม่แล ทิ ทาง ร เนินนโย ยเ ร จ (2 ธนาคาร ลางสหรั ฯ แล ธนาคาร ลาง
ของ ร เท ส คัญ ๆ ยังคง เนินนโย ย รเงินในทิ ทางเข้มงว ขึ้นอย่าง อเนื่อง ซึ่งจ เ นข้อจ   อ
 รขยาย วทางเ ร จในร ย ถั ไ แล (3 สถาน รณ์ ญหาของ ริ ทจ ท เ ยน งราย ส่งผล ร ท อ
ความเ อมั่นในร ธรรมา  ลของ ลา ทุนไทย โ ยนั ลงทุน ง  มีสถาน ขายสุทธิ 50.3 นล้าน ท
 อเนื่องจา สถาน ขายสุทธิ 56.9 นล้าน ท ในไ รมาส อนหน้า ทั้งนี้ ลุ่มธุร จที่  นีฯ รั วล ลง
ที่ส คัญ ไ แ  ลุ่มเทคโนโลยี (ล ลงร้อยล 13.2 ลุ่มสินค้าอุ สาห รรม (ล ลงร้อยล 11.6 ลุ่มสินค้า
อุ โ ค ริโ ค (ล ลงร้อยล 9.8 ลุ่มเ รแล อุ สาห รรมอาหาร (ล ลงร้อยล 7.1
 ลุ่มอสังหาริมทรั ย์แล อสร้าง (ล ลงร้อยล 6.6 ลุ่มทรั ยา ร (ล ลงร้อยล 6.6 แล ลุ่ม ริ ร
(ล ลงร้อยล 5.0
  นี ลา หลั ทรั ย์ของ ร เท ส คัญ ๆ ใน มิ คที่ รั วล ลงในทิ ทางเ ยว   นี ลา หลั ทรั ย์
ไทย ไ แ  จีน (ล ลงร้อยล 5.1 มาเลเซีย (ล ลงร้อยล 3.2 อินโ นีเซีย (ล ลงร้อยล 2.1 แล ฟิลิ นส์
(ล ลงร้อยล 0.5 ขณ ที่  นีหลั ทรั ย์ของ ร เท ส คัญ ๆ ใน มิ คที่ รั วเ มขึ้น ไ แ   นี ลา
หลั ทรั ย์ของอินเ ย (เ มขึ้นร้อยล 9.7 ไ หวัน (เ มขึ้นร้อยล 6.6 เวีย นาม (เ มขึ้นร้อยล 5.2 แล
เ หลีใ  (เ มขึ้นร้อยล 3.5
ในเดือนกรกฎาคม 2566  นีราคา ลา หลั ทรั ย์อย ที่ 1,556.1 จุ รั วเ มขึ้นจา สิ้นเ อนมิถุนายน
2566 ร้อยล 3.5 ม รทยอย ร  ผล ร อ รไ รมาสสองของ  2566 ของ ริ ทจ ท เ ยน
ซึ่งส่วนใหญ่ผล ร อ รส ง ว่าที่นั ลงทุนคา รณ์ไว้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น ใน วงไ รมาสสองของ  2566 อั ราผล อ แทน
 นธ  รรั ลทั้งร ย สั้นแล ร ย ยาว รั วเ มขึ้น โ ยอั ราผล อ แทน นธ  รร ย สั้น รั ว
เ มขึ้น ม ร รั ขึ้นอั รา อ เ ยนโย ยของธนาคารแห่ง ร เท ไทย นอั ราผล อ แทน นธ  ร
ร ย ยาว รั วเ มขึ้นสอ คล้อง  อั ราผล อ แทน นธ  รรั ลสหรั ฯ แล รล ลงของ  นีราคา
ดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์
(SET Index) ปรับตัวลดลง
จากไตรมาสก่อนหน้า
ส่วนหนึ่งเป็นผลจาก
ความไม่แน่นอนของ
สถานการณ์การเมือง
ภายในประเทศ
และการด เนินนโยบาย
ทางการเงินที่เข้มงวด
ของธนาคารกลางประเทศ
ส คัญ ๆ
-10
-5
0
5
10
15
20
25
30
35
40
0
2
4
6
8
10
12
14
16
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2

%YOY %YOY
สินเชื่อภาคเอกชน รวมดอกเบี้ยค้างรับ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
ชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า
สินเ อธุร จ แ นขวา สินเ อครัวเรือน แ นขวา
สินเ อ มนโย ยรั แ นขวา
ที่มา: ธนาคารแห่ง ร เท ไทย
-4
-2
0
2
4
6
8
-2
-1
0
1
2
3
4
5
6
7
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2

%YOY %YOY
สินเชื่อภาคเอกชน รวมดอกเบี้ยค้างรับ ของธนาคารพาณิชย์
ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า
สินเ อ คเอ น รวม อ เ ยค้างรั
สินเ อธุร จ แ นขวา
สินเ อครัวเรือน แ นขวา
ที่มา: ธนาคารแห่ง ร เท ไทย
อัตราผลตอบแทนพันธบัตร
รัฐบาลทั้งระยะสั้นและ
ระยะยาวปรับตัวเพิ่มขึ้น
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 21
Economic Outlook NESDC
เงินทุนเคลื่อนย้าย ในไ รมาสแร ของ  2566 เงินทุนไหลออ สุทธิ 2.5 นล้าน อลลาร์ สรอ. เทีย
เงินทุนไหลเข้าสุทธิ 3.1 นล้าน อลลาร์ สรอ. ในไ รมาส อนหน้า เ นผลจา รน เงินออ ไ ลงทุนโ ย รง
แล ลงทุนในหลั ทรั ย์ ง ร เท ของนั ลงทุนไทย แล นั ลงทุน ง  น เงินลงทุนออ จา ลา ทุนไทย
เ นส คัญ อย่างไร   นั ลงทุน ง  ยังคงน เงินมาลงทุนโ ย รงใน ร เท อย่าง อเนื่อง
ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมา
ขาดดุลเป็นครั้งแรกในรอบ
3 ไตรมาส เนื่องจาก
การขาดดุลบริการจาก
การส่งกลับก ไร
 นธ  รรั ล โ ยนั ลงทุน ง  มีสถาน ขายสุทธิ 58. นล้าน ท เทีย  สถาน ขายสุทธิ
23.0 นล้าน ทในไ รมาส อนหน้า แล ณ สิ้นไ รมาสสองของ  2566 อั ราผล อ แทน นธ  รรั ล
อ้างอิงอายุ 2  แล อายุ 10  อย ที่ร้อยล 2.15 อ  แล ร้อยล 2.58 อ  เ มขึ้นจา ร้อยล 1.81 อ
แล ร้อยล 2. 1 อ  ณ สิ้นไ รมาส อนหน้า มล   ทั้งนี้ คเอ นมี รร มทุนใหม่ผ่าน ลา
 ราสารหนี้มีม ลค่าทั้งสิ้น 595.8 นล้าน ท ส่วนใหญ่เ น รร มทุนของ ลุ่มเงินทุนแล หลั ทรั ย์
 ลุ่ม ลังงาน แล ลุ่มอสังหาริมทรั ย์
ในเดือนกรกฎาคม 2566 อั ราผล อ แทน นธ  รรั ลทั้งร ย สั้นแล ร ย ยาวอย ในร  ใ ล้เคียง
เ อน อนหน้า สอ คล้อง  อั รา อ เ ยนโย ยของไทย แล  นีราคา นธ  รรั ลที่อย ในร  ทรง ว
เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออก
สุทธิ ตามการน เงิน
ออกไปลงทุนโดยตรงและ
ลงทุนในหลักทรัพย์
ต่างประเทศของ
นักลงทุนไทย เป็นส คัญ
29.0
30.0
31.0
32.0
33.0
34.0
35.0
36.0
37.0
38.0
95 39.0
100
105
110
115
120
125
130
ม ค
เม ย
 ค
 ค
ม ค
เม ย
 ค
 ค
ม ค
เม ย
 ค
 ค
ม ค
เม ย
 ค
 ค
ม ค
เม ย
 ค
 ค
ม ค
เม ย
 ค
  นี
NEER REER ท อลลาร์ สรอ แ นขวา
 ท อลลาร์ สรอ
เงินบาทอ่อนค่าลงจากไตรมาสก่อนหน้า
ที่มา: CEIC, ธนาคารแห่ง ร เท ไทย
1000
1200
1400
1600
1800
2000
10,000
20,000
30,000
40,000
50,000
60,000
70,000
80,000
90,000
100,000
110,000

ล้าน ท  นี
Value SET Index (RHS)
ดัชนีหลักทรัพย์และมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยปรับลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า
ที่มา: SET
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นและระยะยาวปรับเพิ่มขึ้น
ที่มา: ThaiBMA
0.0
1.0
2.0
3.0
4.0
5.0
1M 6M 2Y 4Y 6Y 8Y 10Y 12Y 14Y 16Y 18Y 20Y 22Y 24Y 26Y 28Y
ร้อยล
Q1/2566
Q2/2566
 ค
เงินทุนเคลื่อนย้าย
(พันล้านดอลลาร์ สรอ.) 2564 2565 2566
ทั้งปี Q1 Q2 Q3 Q4 ทั้งปี Q1 Q2 Q3 Q4 Q1
- การลงทุนโดยตรง -4.5 2.3 -1.4 -1.4 -4.0 2.6 2.0 -0.4 0.1 0.9 -0.8
นั ลงทุนไทย -19.2 -3.5 -3.0 - .6 -8.0 -7.6 -3.7 -1.2 -2.0 -0.7 -2.9
นั ลงทุน ง   1 .6 5.8 1.6 3.2 .0 10.2 5.7 0.9 2.1 1.6 2.0
- การลงทุนในหลักทรัพย์ -11.9 -10.0 -3.7 0.0 1.9 5.8 2.6 1.9 -0.8 2.0 -5.9
นั ลงทุนไทย -16.8 -10.5 -3.7 -0.2 -2.5 -2.5 -1.3 1.0 -0.3 -1.9 -3.1
นั ลงทุน ง   .9 0. -0.1 0.2 . 8.2 3.9 0.9 -0. 3.8 -2.8
อื่น ๆ 10.4 1.0 2.5 4.0 2.9 -5.2 -0.9 -1.7 -2.8 0.2 4.2
เงินทุนเคลื่อนย้าย -6.0 -6.7 -2.7 2.6 0.8 3.2 3.7 -0.2 -3.5 3.1 -2.5
ที่มา: ธ ท.
ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล ในไ รมาสที่สองของ  2566 ล ญ เ นส  ขา ล 1.9 นล้าน อลลาร์ สรอ.
(6 .1 นล้าน ท เทีย  รขา ล 7.6 นล้าน อลลาร์ สรอ. (262. นล้าน ท ในไ รมาสเ ยว น
ของ  อน แล รเ น ล 3.5 นล้าน อลลาร์ สรอ. (121.7 นล้าน ท ในไ รมาส อนหน้า ซึ่งเ นผลมาจา
 รเ น ล รค้า 2.2 นล้าน อลลาร์ สรอ. (   ว่า รเ น ล 2.7 นล้าน อลลาร์ สรอ. ในไ รมาสเ ยว น
ของ  อน แล ล ริ ร รายไ  ม มิ แล รายไ ทุ ย มิขา ล .1 นล้าน อลลาร์ สรอ. (เทีย
 รขา ล 10.3 นล้าน อลลาร์ สรอ. ในไ รมาสเ ยว นของ  อน
รวมครึ่งแรกของปี 2566 ล ญ เ นส  เ น ล 1.6 นล้าน อลลาร์ สรอ. (57.6 นล้าน ท เทีย
 รขา ล 5.5 นล้าน อลลาร์ สรอ. (197.7 นล้าน ท ใน วงครึ่งหลังของ ที่ผ่านมา แล รขา ล 9.2
 นล้าน อลลาร์ สรอ. (316.2 นล้าน ท ใน วงเ ยว นของ  อน
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 22
Economic Outlook NESDC
อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ในไ รมาสที่สองของ  2566 อั ราเงินเฟ้อทั่วไ เฉลี่ยอย ที่ร้อยล 1.1 ลอ ว อเนื่อง
เ นไ รมาสที่ 3 โ ยดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เ มขึ้นร้อยล .0 เทีย
 รเ มขึ้นร้อยล 6.2 ในไ รมาส อนหน้า ม  นีราคาเ  ไ  ไข่แล ผลิ ณฑ์นม แล อาหารส เร็จร
ซึ่งเ มขึ้นร้อยล 7.5 ร้อยล 6.3 แล ร้อยล 3.7 มล   ส่วนในหมวดที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่ม รั ว
ล ลงเ นครั้งแร ในรอ 9 ไ รมาส ร้อยล 0.8 สอ คล้อง  รล ลงของ  นีราคา ลังงานร้อยล 5.3
 ม รล ลงของ  นีราคายาน หน แล น้ มันเ อเ ลิงร้อยล 6.0 ส่วนอั ราเงินเฟ้อ น นเฉลี่ยอย ที่ร้อยล
1.5 ลอ วลงจา ร้อยล 2.2 ในไ รมาส อนหน้า6
รวมครึ่งแรกของปี 2566 อั ราเงินเฟ้อทั่วไ เฉลี่ยอย ที่ร้อยล 2.5 เทีย  ร้อยล 6.5 ใน วงครึ่งหลังของ
  อนหน้า แล อั ราเงินเฟ้อ น นอย ที่ร้อยล 1.9 เทีย  ร้อยล 3.1 ใน วงครึ่งหลังของ  อนหน้า
ในเดือนกรกฎาคม 2566 อั ราเงินเฟ้อทั่วไ แล อั ราเงินเฟ้อ น นอย ที่ร้อยล 0. แล ร้อยล 0.9
 มล
ดัชนีราคาผู้ผลิต ปรับตัว
ลดลงร้อยละ 5.0 ลดลง
เป็นครั้งแรกในรอบ 10
ไตรมาส นับแต่ไตรมาสที่สี่
ของปี 2563
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย
อยู่ที่ร้อยละ 1.1 ชะลอตัว
ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3
ตามหมวดอาหารและ
เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์
ที่ชะลอตัวลง ขณะที่หมวด
ที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่ม
ปรับตัวลดลงสอดคล้องกับ
ราคาพลังงาน
เงินส รองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเ อนมิถุนายน 2566 อย ที่ 218.2 นล้าน อลลาร์ สรอ. ล ลงจา 222.3
 นล้าน อลลาร์ สรอ. ณ สิ้นเ อนมิถุนายน 2565 เมื่อคิ ในร เงิน ท เงินส รองร หว่าง ร เท
ณ สิ้นเ อนมิถุนายน 2566 อย ที่ 7,769.3 นล้าน ท   ว่า 7,8 .0 นล้าน ท ณ สิ้นเ อนมิถุนายน 2565
-15,000
-10,000
-5,000
0
5,000
10,000
15,000
20,000
Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2

ล้าน อลลาร์ สรอ
ดุลบัญชีเดินสะพัด ดุลการค้า
และดุลบริการ รายได้ปฐมภูมิ และรายได้ทุติยภูมิ
 ล ญ เ นส
 ล รค้า
 ล ริ ร รายไ  ม มิ แล รายไ ทุ ย มิ
ที่มา ธนาคารแห่ง ร เท ไทย
-10.0
-5.0
0.0
5.0
10.0
15.0
Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2Q3Q4Q1Q2

%YoY
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปในไตรมาสที่สองของปี
ขยายตัวร้อยละ
  นีราคาผ  ริโ คทั่วไ  นีราคาผ  ริโ ค น น
  นีราคาผ ผลิ
ที่มา ร ทรวง ณิ ย์
7
ในเ อน ร ฎาคม 2566 อั ราเงินเฟ้อทั่วไ อย ที่ร้อยล 0. แล อั ราเงินเฟ้อ น นอย ที่ร้อยล 0.9 โ ยเฉลี่ย 7 เ อนแร ของ  2566 อั ราเงินเฟ้อทั่วไ
อย ที่ร้อยล 2.2 ส่วนอั ราเงินเฟ้อ น นอย ที่ร้อยล 1.7
8
ในเ อน ร ฎาคม 2566  นีราคาผ ผลิ ล ลงร้อยล 5.1 ล ลง อเนื่องเ นเ อนที่ห้า โ ยเฉลี่ย 7 เ อนแร ของ  2566  นีราคาผ ผลิ ล ลงร้อยล 2.7
เงินส รองระหว่างประเทศ
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566
อยู่ที่ 218.2 พันล้าน
ดอลลาร์ สรอ ลดลงจาก
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ดัชนีราคาผู้ผลิต ในไ รมาสที่สองของ  2566  นีราคาผ ผลิ รั วล ลงเ นครั้งแร ในรอ 10 ไ รมาส
ร้อยล 5.0 ม ร รั วล ลงของ  นีราคาในทุ หมว สินค้า โดยดัชนีราคาหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
ล ลงร้อยล 5.0 สอ คล้อง  รล ลงของราคาใน ลุ่มสินค้าส คัญที่เคลื่อนไหว มราคา ลา โล โ ย  นี
ราคาผลิ ณฑ์ที่ไ จา ร ลั่น โ รเลียม เคมี ณฑ์แล ผลิ ณฑ์เคมี แล ผลิ ณฑ์ยางแล ลาส  ล ลง
ร้อยล 32.9 ร้อยล 10. แล ร้อยล 7.0 มล   หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง ล ลงร้อยล 13.3
 ม รล ลงของ  นีราคา ลุ่ม โ รเลียม  แล ซธรรม  ร้อยล 15.3 แล หมวดผลิตภัณฑ์เกษตร
และการประมง ล ลงร้อยล 1.5 สอ คล้อง  รล ลงของ  นีราคา ลุ่มสินค้าที่ส คัญ เ น ยางแผ่น
สุ รมี วิ แล งแวนนาไม เ น น8
รวมครึ่งแรกของปี 2566  นีราคาผ ผลิ เฉลี่ย รั วล ลงร้อยล 2.2 ซึ่งล ลงเ นครั้งแร นั จา ครึ่งหลัง
ของ  2563 เทีย  รเ มขึ้นร้อยล 9.2 ใน วงครึ่งหลังของ  อนหน้า
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 23
Economic Outlook NESDC
2. ความเคลื่อนไหวราคาน้ มันไตรมาสที่สองของปี 2566
ราคาน้ มันดิบ
ในตลาดโลกลดลงจาก
ไตรมาสก่อนหน้าและ
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ราคาน้ มันดิบลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและจากไตรมาสก่อนหน้า ในไ รมาสที่สองของ  2566
ราคาน้ มัน  ใน ลา โล เฉลี่ย ลา ( ไ เ รนท์ โอมาน แล เวสท์เท็ ซัส อย ที่ 76.0 อลลาร์ สรอ. อ ร์เรล
ล ลงร้อยล 30.1 จา ราคาเฉลี่ย 108.8 อลลาร์ สรอ. อ ร์เรล ใน วงเ ยว นของ  อน แล ล ลงร้อยล
 .6 เมื่อเทีย  ราคาเฉลี่ย 79.7 อลลาร์ สรอ. อ ร์เรล ในไ รมาส อนหน้า
 รล ลงของราคาน้ มัน  ใน ลา โล ในไ รมาสนี้มีสาเห มาจา (1 ความ งวลเ ยว  ร ลอ วของ
เ ร จโล แล ความ อง รใ น้ มันใน ลา โล หลังจา ธนาคาร ลางของสหรั ฯ แล ร เท เ ร จหลั
 รั ขึ้นอั รา อ เ ยนโย ยอย่าง อเนื่อง (2 ริมาณน้ มัน  ส รองทาง รค้าของสหรั ฯ รั เ มขึ้น
โ ยในไ รมาสที่สองของ  2566 อย ที่ 61 ล้าน ร์เรล เ มขึ้นร้อยล 10.5 เมื่อเทีย  17 ล้าน ร์เรล
ใน วงเ ยว นของ  อน แล (3 ความ งวลเ ยว  ว เ ร จจีน ซึ่งเ นผ น เข้าน้ มันรายใหญ่ของโล
มีแนวโน้มจ ฟื้น วไ   ว่าที่นั วิเครา ห์คา รณ์ไว้
รวมครึ่งแรกของปี 2566 ราคาน้ มัน  ใน ลา โล เฉลี่ย ลา อย ที่ 77.9 อลลาร์ สรอ. อ ร์เรล
ล ลงร้อยล 23.7 จา ค่าเฉลี่ย 102.1 อลลาร์ สรอ. ใน วงเ ยว นของ  อน แล ล ลงร้อยล 1 . จา ราคา
เฉลี่ย 91.0 อลลาร์ สรอ. อ ร์เรล ในครึ่งหลังของ  อนหน้า
ราคาน้ มันดิบในตลาดโลก
ปี ราคา (ดอลลาร์ สรอ. /บาร์เรล) อัตราการขยายตัว (%YOY)
WTI BRENT DUBAI OMAN เฉลี่ย WTI BRENT DUBAI OMAN เฉลี่ย
2563 ทั้ง  39.6 3. 2. 1.8 2.0 -30. -32.2 -33.0 -3 .2 -32.3
256 ทั้ง  68.1 70.9 69.5 69.3 69. 72.1 63. 63.8 65.5 65.
2565
ทั้ง  9 .2 98.8 96.2 96.5 96.5 38. 39. 38. 39. 38.9
H1 101. 10 .7 101.9 100.8 102.1 63.5 60.7 60.0 59.7 60.8
H2 87.2 93.2 90.7 92.9 91.0 18.1 21.9 20.9 23.6 21.1
Q1 9 .7 97.9 96.1 96. 96.2 63.3 59.8 59. 63.3 61.3
Q2 109.0 112.3 108.5 105. 108.8 63.9 61.9 60.7 56.2 60.6
Q3 91. 97.5 96.5 100.7 96.5 29.6 33.2 3 .3 0.0 3 .3
Q 82.6 88.6 8 .7 8 .7 85.1 7.1 11.1 8.0 8.0 8.6
2566
H1 7 .6 79.8 78.6 78.7 77.9 -26.5 -23.8 -22.9 -21.9 -23.7
Q1 76.0 82.1 80.2 80. 79.7 -19.7 -16.1 -16.5 -16.6 -17.2
Q2 73.1 77.3 76.9 76.9 76.0 -33.0 -31.2 -29.1 -27.0 -30.1
เม.ย. 78.8 82.8 82.6 82.7 81.7 -21.9 -21.3 -19. -20.1 -20.7
 .ค. 71.7 75.7 75.0 75.0 7 .3 -3 .7 -32.6 -30.5 -29.2 -31.8
มิ.ย. 70.3 75.0 7 .7 7 .7 73.7 -38.3 -36.2 -3 .1 -29.5 -3 .6
 .ค. 75.2 79.7 79.8 79.9 78.6 -2 .9 -2 . -22.6 -2 .6 -2 .1
7M 7 .6 79.7 78.7 78.8 78.0 -26.3 -23.9 -22.9 -22. -23.8
ที่มา: ริ ท ไทยออยล์ จ   (มหา น แล ส นั งานนโย ยแล แผน ลังงาน
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 24
Economic Outlook NESDC
เศรษฐกิจโลกไตรมาสที่สองของปี 2566 ขยายตัวต่อเนื่องตามการขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศและการฟื้นตัวของภาคบริการ สะท้อนจาก
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคบริการที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสแรกและช่วงครึ่งหลังของปี 2565 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบหลายไตรมาส
ส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมขยายตัวเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเฉพาะเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ สหรัฐฯ และจีน ในขณะที่แรงสนับสนุนการขยายตัว
ทางเศรษฐกิจจากการส่งออกสินค้า9
และการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงทั้งเศรษฐกิจอุตสาหกรรมหลักและเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย สอดคล้องกับ
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing Purchasing Manager?s Index) ที่อยู่ในระดับต่ากว่า 50.0 และต่าสุดนับตั้งแต่วิกฤตโควิด
ในปี 2563 ในหลายประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ และระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ที่มีความตึงเครียดมากขึ้น การลดลงของการผลิตและการค้าระหว่างประเทศของเศรษฐกิจหลักส่งผลให้ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และประเทศก่าลัง
พัฒนาในเอเชียขยายตัวในเกณฑ์ต่า ขณะที่ แรงกดดันด้านเงินเฟ้อเริ่มชะลอลงโดยเป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับสูง
และการผ่อนคลายลงของแรงกดดันด้านอุปทาน ส่งผลให้ธนาคารกลางส่าคัญ ๆ เริ่มคงและชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม
คณะกรรมการนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่สอง10
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 2.6 (Advance Estimate) เร่งขึ้นจากร้อยละ 1.8 ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ
5 ไตรมาส และเมื่อปรับผลของฤดูกาลแล้ว เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 2.4 เร่งขึ้นจากร้อยละ 2.0 ในไตรมาสก่อนหน้า (%QoQ saar.)
การขยายตัวเร่งขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นผลมาจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมวดสินค้า
คงทนและหมวดบริการ สอดคล้องกับดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคบริการและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 54.3 และ 105.4 ซึ่งเป็น
ระดับที่สูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส เช่นเดียวกับการลงทุนภาคเอกชนในสินทรัพย์ที่ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ (Non-residential investment) ที่ยังคงขยาย
ตัวอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 4.6 เร่งขึ้นจากร้อยละ 2.7 ในไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องกับการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน โดยการจ้างงาน
นอกภาคเกษตรในเดือนมิถุนายน 2566 อยู่ที่ 156.2 ล้านคนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และคิดเป็นการเพิ่มขึ้นรวม 7.32 แสนต่าแหน่งเมื่อเทียบกับ
ไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ การลงทุนภาคเอกชนในอสังหาริมทรัพย์ (Residential investment) ลดลงร้อยละ 15.8 ต่อเนื่องจากร้อยละ 19.0
ในไตรมาสก่อนและเป็นการลดลงต่อเนื่องกันเป็นไตรมาสที่ 7 โดยเป็นผลมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวมถึงราคาอสังริมทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ การส่งออกสินค้าลดลงร้อยละ 6.6 เทียบกับการขยายตัวร้อยละ 7.2 ในไตรมาสก่อนและเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 10 ไตรมาส เช่นเดียวกับ
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ระดับ 48.3 นับเป็นการอยู่ในระดับต่ากว่า 50 ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐที่ยัง
ขยายตัวต่อเนื่องตามการเพิ่มขึ้นของค่าตอบแทนของเจ้าหน้าที่รัฐทั้งในส่วนของรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น นอกจากนี้ รัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐฯ
ยังสามารถหาข้อตกลงเกี่ยวกับการปรับขึ้นเพดานหนี้สาธารณะและการปรับกรอบงบประมาณภาครัฐในระยะต่อไปได้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2566
ส่งผลให้ข้อจ่ากัดในการใช้จ่ายของภาครัฐลดลง11 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (PCE inflation) อยู่ที่ร้อยละ 3.7 ชะลอลงจากร้อยละ 4.9 ในไตรมาส
ก่อนหน้า ส่งผลให้คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 -14 มิถุนายน 2566 มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
(Federal funds rate) ไว้ที่ร้อยละ 5.00 -5.25 หลังจากได้มีการปรับขึ้นร้อยละ 0.25 ในการประชุมเมื่อวันที่ 2-3 พฤษภาคม 2566 ซึ่งเป็นการปรับ
ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องกันเป็นครั้งที่ 10 นับตั้งแต่การประชุมในเดือนมีนาคม 2565 อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ
ยังคงส่งสัญญาณการด่าเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายการจ้างงานเต็มที่และอัตราเงินเฟ้อปรับตัวเข้าสู่เป้าหมาย
ในระยะยาวที่ร้อยละ 2.0
เศรษฐกิจยูโรโซน ขยายตัวร้อยละ 0.6 ชะลอลงจากร้อยละ 1.1 ในไตรมาสก่อนหน้า และนับเป็นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่าสุดในรอบ 9
ไตรมาส โดยเศรษฐกิจเยอรมนีซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศสมาชิกทั้งหมดลดลงร้อยละ 0.1 ซึ่งเป็นการลดลงทางเศรษฐกิจติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2
ขณะที่ประเทศสมาชิกหลักอื่น ๆ ขยายตัวชะลอลง12 โดยเป็นผลมาจากการลดลงของส่งออกสินค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรม โดยดัชนีผู้จัดการ
ฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 44.7 นับเป็นระดับต่ากว่า 50 ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 4 สอดคล้องกับมูลค่าการส่งออกสินค้าใน 2 เดือน
แรกของไตรมาสที่สองที่ลดลงร้อยละ 1.1 เทียบกับการขยายตัวร้อยละ 3.9 ในไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจยังได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัว
ของภาคบริการ สะท้อนได้จากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่เฉลี่ย 54.4 จากระดับ 52.8 ในไตรมาสก่อนหน้า สอดคล้องกับดัชนี
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ระดับ (-17.0) ปรับตัวดีขึ้นจาก (-19.6) ในไตรมาสก่อนหน้าและเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส ขณะที่ตลาดแรงงานยังฟื้นตัว
ต่อเนื่อง โดยอัตราการว่างงานในไตรมาสที่สองอยู่ในระดับต่าที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 6.4 เท่ากับไตรมาสก่อนหน้า ส่าหรับอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย
ทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 6.2 ชะลอลงจากร้อยละ 8.0 ในไตรมาสก่อนหน้า แต่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังทรงตัวอยู่ในระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เฉลี่ยร้อยละ
5.5 เท่ากับไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและปรับลด
3. เศรษฐกิจโลกไตรมาสที่สองของปี 2566
9
มูลค่าการส่งออกสินค้าในไตรมาสที่ 2 ของญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ลดลงร้อยละ 4.0 และร้อยละ 12.0 ต่อเนื่องจากร้อยละ 8.0 และร้อยละ 12.7ในไตรมาสก่อนหน้า ตามล่าดับ
ในขณะเดียวกัน การส่งออกของสหรัฐฯ และจีน ในไตรมาสที่ 2 ลดลงร้อยละ 6.6 และร้อยละ 5.4 เทียบกับการขยายตัวร้อยละ 7.2 และร้อยละ 0.1ในไตรมาสที่ผ่านมา
ตามล่าดับ
10 ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ในการประชุมเดือนพฤษภาคม 2566 ก่อนจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน ขณะที่
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ อินเดีย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตลอดช่วงไตรมาสที่ 2 หลังจากการปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องช่วงก่อนหน้า
11 รัฐสภาสหรัฐฯ มีมติเห็นชอบกฎหมายขยายเพดานหนี้สาธารณะ โดยจะปรับลดการขาดดุลงบประมาณลง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. ภายในปี 2576 ควบคู่ ไปกับการยกเว้น
เพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ซึ่งก่าหนดไว้ที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. เป็นการชั่วคราว จนถึงเดือนมกราคม 2568 ท่าให้ความเสี่ยงที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะผิดนัดช่าระหนี้
หมดไปในช่วงเวลาดังกล่าว
12 เศรษฐกิจฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน ขยายตัวร้อยละ 0.9 ร้อยละ 0.6 และร้อยละ 1.4 เทียบกับการขยายตัวร้อยละ 0.9 ร้อยละ 2.0 และร้อยละ 4.2 ในไตรมาสก่อนหน้า
ตามล่าดับ
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 25
Economic Outlook NESDC
ขนาดของมาตรการสนับสนุนสภาพคล่องอย่างต่อเนื่อง13ขณะเดียวกันสหภาพยุโรปยังคงด่าเนินโครงการทางการคลังขนาดใหญ่ (Next Generation EU)
เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการระบาดและปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมเพื่อลดการพึ่งพิงพลังงานน่าเข้า14
เศรษฐกิจญี่ปุ่น ขยายตัวร้อยละ 2.0 ในไตรมาสที่สองของปี 2566 เท่ากับไตรมาสก่อนหน้า ตามการปรับตัวดีขึ้นของการอุปโภคบริโภค
ภายในประเทศและภาคบริการ โดยการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง ที่ร้อยละ 0.2 เทียบกับร้อยละ 2.7 ในไตรมาสก่อนหน้า
สอดคล้องกับดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคบริการปรับมาอยู่ที่ 55.1 เพิ่มขึ้นจาก 53.8 ในไตรมาสก่อนหน้าและสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม
มูลค่าการส่งออกสินค้าในไตรมาสที่สองปรับตัวลดลงร้อยละ 4.0 ต่อเนื่องจากร้อยละ 8.0 ในไตรมาสแรก และเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็น
ไตรมาสที่ 5 ตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่า และตลาดแรงงานเริ่มมีภาวะตึงตัวมากขึ้น 15
โดยเฉพาะในภาคบริการ ส่งผลให้ค่าจ้างเฉลี่ยในไตรมาสที่ 2 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 2.0 เร่งขึ้นจากร้อยละ 1.0 ในไตรมาสก่อนหน้า
นอกจากนี้ การลงทุนทั้งภาคเอกชนและรัฐบาลปรับตัวดีขึ้น ตามอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่า และแรงสนับสนุนจากมาตรการเศรษฐกิจ
ที่อนุมัติในปีงบประมาณก่อนหน้าเริ่มมีการเบิกจ่ายจริงในปีงบประมาณ 2566 ส่าหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ร้อยละ 3.4 ลดลงจากร้อยละ 3.6 ใน
ไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากสินค้าในหมวดพลังงานที่ลดลงตามมาตรการของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงด่าเนินนโยบาย
การเงินแบบขยายตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานให้อยู่ในระดับที่ร้อยละ 2.016
เศรษฐกิจจีน ขยายตัวร้อยละ 6.3 เร่งขึ้นจากร้อยละ 4.5 ในไตรมาสก่อนหน้า และเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 8 ไตรมาส โดยมีปัจจัยสนับสนุน
หลักมาจากการบริโภคภายในประเทศและการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคบริการ สะท้อนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Caixin PMI) ภาคบริการอยู่ที่ระดับ
55.8 เพิ่มขึ้นจากระดับ 55.2 ในไตรมาสก่อน และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ไตรมาส เช่นเดียวกับมูลค่าการค้าปลีกที่ขยายตัวร้อยละ 10.7 ต่อเนื่อง
จากร้อยละ 10.6 ในไตรมาสก่อนหน้า นอกจากนี้ การขยายตัวในระดับสูงของไตรมาสนี้ยังเป็นผลมาจากฐานที่ต่าในปีก่อนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจ
ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการส่งออกสินค้ายังเผชิญ
ข้อจ่ากัดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้การฟื้นตัวยังเป็นไปอย่างจ่ากัด โดยมูลค่าการส่งออก
สินค้าลดลงร้อยละ 5.4 เทียบกับการขยายตัวร้อยละ 0.1 ในไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 50.3 เท่ากับ
ไตรมาสก่อนหน้า นอกจากนี้ การลงทุนภาคเอกชนยังคงเผชิญกับข้อจ่ากัดจากปัญหาการขาดสภาพคล่องและภาระหนี้สินของภาคอสังหาริมทรัพย์
ส่งผลให้การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรชะลอตัว ตามการลดลงของการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์17 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 0.1
ลดลงจากร้อยละ 1.3 ในไตรมาสก่อนหน้า และเป็นระดับที่ต่าสุดในรอบ 9 ไตรมาส ส่งผลให้ธนาคารกลางจีน (People's Bank of China: PBOC)
13 ในการประชุมเมื่อวันที่ 16 เมษายน และ 4 พฤษภาคม 2566 ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.50 และร้อยละ 0.25 ตามล่าดับ ส่งผลให้
อัตราดอกเบี้ย Refinancing Operations Rate อัตราดอกเบี้ย Marginal Lending Facility และดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ของแต่ละประเทศที่ฝากไว้กับธนาคาร
กลาง ณ สิ้นสุดไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ร้อยละ 3.75 ร้อยละ 4.00 และ ร้อยละ 3.25 ตามล่าดับ ขณะเดียวกัน เพื่อลดผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ECB ยังคงด่าเนินการ
เสริมสภาพคล่องอย่างต่อเนื่องภายใต้โครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ไปจนถึงปี 2567 ในขณะที่ การเสริมสภาพคล่องผ่านโครงการ
Asset Purchase Programme (APP) ได้สิ้นสุดลงในเดือนมิถุนายน 2566 รวมถึงเร่งผลักดันให้มีการจ่ายคืนเงินกู้ที่ได้รับผ่านมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่าให้แก่ธนาคาร
พาณิชย์รอบที่ 3 (TLTROs III) ให้เร็วกว่าที่ก่าหนด อย่างไรก็ตาม ECB ยังคงใช้กลไกเพื่อลดผลกระทบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย (Transmission Protection Instrument: TPI)
โดยการเข้าซื้อสินทรัพย์โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลของประเทศสมาชิกที่เผชิญความผันผวนในตลาดการเงินเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก
14 โครงการ Next Generation EU ได้ตั้งกรอบงบประมาณให้ประเทศสมาชิกตั้งโครงการที่สอดคล้องกับเป้าหมายหลักขึ้นมาเพื่อของบประมาณผ่าน Recovery and
Resilience Facility: RRF ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักในการผลักดันโครงการต่าง ๆ โดยมีกรอบวงเงินที่ประเทศสมาชิกสามารถขอผ่าน RFF สูงถึง 7.238 แสนล้านยูโร แบ่งเป็นเงิน
ให้กู้ยืม 3.858 แสนล้านยูโร และเงินอุดหนุน 3.380 แสนล้านยูโร โดยมีระยะเวลาการใช้จ่าย ในช่วงปี 2564 -2569 โดยมาตรการภายใต้โครงการ Next Generation EU
มีวัตถุประสงค์เพื่อการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดและจากราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น การปฏิรูปเศรษฐกิจสีเขียว การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
การปฏิรูประบบการศึกษาสายสามัญและสายอาชีพ รวมไปถึงมาตรการสนับสนุนวัตกรรมและวิทยาศาสตร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เศรษฐกิจและสังคมมีความยั่งยืนและ
สามารถรับแรงกระทบจากภายนอกได้ นอกจากนี้ยังต้องการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและลดการพึ่งพิงทางเศรษฐกิจจากต่างประเทศ โดยเฉพาะในด้านพลังงาน โดยมี
วงเงินโครงการที่ได้รับการอนุมัติ ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2566 ไปแล้วทั้งสิ้น 1.53 แสนล้านยูโร หรือคิดเป็นร้อยละ 21.1 ของงบประมาณทั้งหมด
15 อัตราการว่างงานในไตรมาสที่สองของปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 2.7 คงตัวจากร้อยละ 2.6 ในไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ จากรายงาน Monthly Topics No.72 ในหัวข้อ ?ปัญหาการ
ขาดแคลนแรงงานเชิงพื้นที่? วันที่ 30 มิถุนายน 2566 ของส่านักงานคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่น พบว่า ภายหลังช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด ปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาค
บริการก่าลังเป็นปัญหาในปัจจุบัน โดยหนึ่งในสาเหตุหลักมาจากความไม่สอดคล้อง (Mismatch) ระหว่างอุปสงค์และอุปทานของแรงงาน ประกอบกับสังคมสูงวัยและ
มาตรการของภาครัฐในการเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข นอกจากนี้ หากพิจารณาข้อมูล Tankan ของธนาคารกลางญี่ปุ่น พบว่า จากข้อมูลการส่ารวจในช่วงเดือนมิถุนายน
2566 ดัชนีตัวแปรการจ้างงานของอุตสาหกรรมบริการส่วนบุคคลและการพักแรมอยู่ที่ร้อยละ -47 และ -69 ตามล่าดับ หากเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมการผลิตและ
อุตสาหกรรมรวมที่ร้อยละ -20 และร้อยละ -32 ตามล่าดับ
16 ในการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 27 -28 เมษายน 2566 และเมื่อวันที่ 15 -16 มิถุนายน 2566 ธนาคารกลางของญี่ปุ่นมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระยะสั้นและ
ระยะยาวไว้ที่ร้อยละ -0.1 และร้อยละ 0.0 ตามล่าดับ รวมถึงการด่าเนินมาตรการซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว 10 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.5 ในช่วงร้อยละ ?0.5 (Yield
Curve Control: YCC) และมาตรการซื้อสินทรัพย์ซื้อกองทุนรวมดัชนีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (ETFs) และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่น
(J-REITs) มูลค่ารวม 12 ล้านล้านเยนและ 1.8 แสนล้านเยน ตามล่าดับ (Quantitative and Qualitative easing: QQE)
17 การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 ลดลงร้อยละ 10.4 ชะลอลงจากร้อยละ 2.3 ในไตรมาสก่อนหน้า และเป็นอัตราการขยายตัวที่ต่าสุดในรอบ 13 ไตรมาส
และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ลดลงร้อยละ 14.3 จากการลดลงร้อยละ 6.5 ลดลงต่อเนื่องกัน 5 ไตรมาส
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 26
Economic Outlook NESDC
ได้ผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง18ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้มีการด่าเนินมาตรการทางการคลังเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
เช่นกัน19
เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมใหม่ (NIEs)ขยายตัวในเกณฑ์ต่าต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าตามการลดลงของภาคการส่งออก20สอดคล้องกับ
การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวร้อยละ 0.5 เทียบกับร้อยละ 0.4 ในไตรมาสก่อนหน้า ตามการฟื้นตัวของภาคบริการ
โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ส่วนเศรษฐกิจเกาหลีใต้ขยายตัวร้อยละ 0.9 เท่ากับไตรมาสก่อน และเศรษฐกิจฮ่องกงขยายตัวร้อยละ 1.5 ชะลอลงจาก
ร้อยละ 2.9 ในไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่เศรษฐกิจไต้หวันขยายตัวร้อยละ 1.5 ฟื้นตัวจากการลดลงร้อยละ 2.9 ในไตรมาสก่อนและเป็นการขยายตัวทาง
เศรษฐกิจครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส โดยเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของการอุปสงค์ภายในประเทศทั้งการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนและการใช้จ่ายภาครัฐ
รวมถึงภาคการท่องเที่ยวภายหลังจากการเปิดประเทศในช่วงไตรมาสแรก ขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงแม้จะชะลอตัวลงจาก
ช่วงก่อนหน้า21 ส่งผลให้ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ยังคงด่าเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดอย่างต่อเนื่อง22
เศรษฐกิจประเทศกลุ่มอาเซียน ขยายตัวต่อเนื่องตามการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน โดยเศรษฐกิจอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และเวียดนาม
ในไตรมาสแรกขยายตัวร้อยละ 5.2 ร้อยละ 4.3 ร้อยละ 2.9 และร้อยละ 4.1 ต่อเนื่องจากจากร้อยละ 5.0 ร้อยละ 6.4 ร้อยละ 5.6 และร้อยละ 3.3
ในไตรมาสก่อนหน้า ตามล่าดับ อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าส่งผลให้การส่งออกสินค้าปรับตัวลดลง23ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ
ในหลายประเทศเริ่มกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน ประกอบกับด้านเสถียรภาพด้านการเงินในตลาดโลก ท่าให้ธนาคารกลางเริ่มชะลอ
การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย24

18 เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2566 ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระยะกลางอายุ 1 ปีส่าหรับสถาบันการเงิน (Medium-Term Lending Facility: MLF)
ลงจากร้อยละ 2.75 มาอยู่ที่ร้อยละ 2.65 ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ต่อเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2566 ซึ่งได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร
(Reverse Repurchase Rate) ระยะเวลา 7 วันลงจากร้อยละ 2.00 เป็นร้อยละ 1.90 นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2566 ยังได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (Loan
Prime Rate: LPR) ระยะ 1 ปี ลงจากร้อยละ 3.65 มาเป็นร้อยละ 3.55 ระยะ 5 ปี จากร้อยละ 4.3 มาเป็นร้อยละ 4.2 อย่างไรก็ตาม ยังคงสัดส่วนการด่ารงสินทรัพย์สภาพคล่อง
(Required Reserve Ratio: RRR) ไว้ที่ร้อยละ 7.6 ต่อไป
19 โดยมีมาตรการที่ส่าคัญ ดังนี้ (i) การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ประกอบการรายย่อยที่มียอดขายต่อเดือนน้อยกว่า 100,000 หยวน รวมไปถึงการลดการจัดเก็บภาษีการใช้ที่ดินใน
เขตเมือง ส่าหรับสถานที่จัดเก็บสินค้าของผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ (ii) การขยายมาตรการลดหย่อนภาษีส่าหรับรถยนต์ไฟฟ้า จากเดิมที่จะสิ้นสุดในปี 2566 ไปจนกระทั่งสิ้นสุด
ปี 2570 และ (iii) การด่าเนินงานในระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับยานยนต์สมัยใหม่ โดยเพิ่มการติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้าสาธารณะในพื้นที่ชนบท เพื่อเร่งให้เกิดสถานีชาร์จ
ไฟฟ้าที่ครอบคลุมเต็มรูปแบบ ผ่านการสนับสนุนโดยพันธบัตรพิเศษของรัฐบาลท้องถิ่น
20 มูลค่าการส่งออกของสิงคโปร์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน ในไตรมาสสองของปี 2566 ลดลงร้อยละ 14.5 ร้อยละ 12.0 และร้อยละ 17.0 ตามล่าดับ นับเป็นการลดลงติดต่อกันเป็น
ไตรมาสที่สาม ขณะที่มูลค่าการส่งออกของฮ่องกงลดลงร้อยละ 13.3 นับเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นห้าไตรมาส
21 อัตราเงินเฟ้อของสิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และฮ่องกงในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 5.1 ร้อยละ 3.2 ร้อยละ 2.0 และร้อยละ 2.0 เทียบกับ ร้อยละ 6.2 ร้อยละ 4.7
ร้อยละ 2.6 และร้อยละ 1.9 ในไตรมาสก่อนหน้า ตามล่าดับ
22 อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางเกาหลีใต้ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 3.50 นับเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3
นับตั้งแต่การประชุมในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 หลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกัน 7 ครั้ง นับตั้งแต่เมษายน 2565
23 มูลค่าการส่งออกสินค้าของอินโดนีเซียและมาเลเซียลดลงร้อยละ 17.8 ร้อยละ 14.6 จากการขยายตัวร้อยละ 1.4 และการลดลงร้อยละ 1.6 ในไตรมาสก่อนหน้า ตามล่าดับ ขณะที่
มูลค่าการส่งออกของฟิลิปปินส์และเวียดนามลดลงร้อยละ 5.6 และร้อยละ 12.2 ต่อเนื่องจากการลดลงร้อยละ 13.2 และร้อยละ 11.8 ในไตรมาสก่อนหน้า ตามล่าดับ
24 ส่าหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในไตรมาสที่สอง เศรษฐกิจอินโดนีเซียอยู่ที่ร้อยละ 3.9 ลดลงจากร้อยละ 5.2 ในไตรมาสก่อนหน้า และกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ร้อยละ 2.0 -4.0
ส่งผลให้ธนาคารกลางอินโดนีเซียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.75 ตามล่าดับ ในการประชุมเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2566 ส่วนอัตราเงินเฟ้อของมาเลเซียอยู่ที่ร้อยละ
3.7 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.6 ในไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้ธนาคารกลางมาเลเซียยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากร้อยละ 2.75 เป็นร้อยละ 3.0ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม
2566 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของเวียดนามอยู่ที่ร้อยละ 2.4 ลดลงจากร้อยละ 4.2 ในไตรมาสก่อนหน้า และต่ากว่าระดับเป้าหมายที่ร้อยละ 4.5 ส่งผลให้ธนาคารกลางเวียดนามปรับ
ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากร้อยละ 3.5 เป็นร้อยละ 3.0 ในการประชุมเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2566 อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์อยู่ที่ร้อยละ 6.0 แม้ว่าจะลดลงจาก
ร้อยละ 8.3 ในไตรมาสแรก แต่ยังคงสูงกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ร้อยละ 2.0 -4.0 ทั้งนี้ ธนาคารฟิลิปปินส์ยังคงมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 6.25 ตามล่าดับ ใน
การประชุมเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2566
การขยายตัวของเศรษฐกิจ และมูลค่าการส่งออกของประเทศในภูมิภาคต่าง ๆ
(%YoY)
GDP มูลค่าส่งออกสินค้า
2563 2564 2565 2566 2563 2564 2565 2566
ทั้งปี ทั้งปี Q4 ทั้งปี Q1 Q2 ทั้งปี ทั้งปี Q3 Q4 ทั้งปี Q1 Q2 พ.ค. มิ.ย.
สหรัฐฯ -2.8 5.9 0.9 2.1 1.8 2.6 -13.3 23.0 24.4 8.8 18.4 7.2 -6.6 -6.4 -8.0
ยูโรโซน -6.1 5.3 1.7 3.5 1.1 0.6 -9.1 14.3 20.2 14.9 18.0 8.6 -2.3
สหราชอาณาจักร -11.0 7.6 0.6 4.1 0.2 0.4 -11.3 13.6 20.4 5.0 11.5 6.1 2.8 0.5 4.8
ออสเตรเลีย -1.9 5.2 2.7 3.7 2.5 -7.3 37.2 14.7 15.0 19.7 3.9 -16.0 -13.4 -19.7
ญี่ปุ่น -4.3 2.1 0.4 1.0 2.0 2.0 -9.1 17.9 -2.0 -4.6 -1.2 -8.0 -4.0 -5.5 -3.8
จีน 2.2 8.4 2.9 3.0 4.5 6.3 4.0 29.7 10.0 -6.9 7.0 0.1 -5.4 -8.0 -13.9
อินเดีย -6.0 8.9 4.5 6.7 6.1 -14.7 43.0 7.8 -2.1 14.6 -2.0 -14.1 -10.3 -18.8
เกาหลีใต้ -0.7 4.3 1.4 2.6 0.9 0.9 -5.5 25.7 5.8 -10.0 6.1 -12.7 -12.0 -15.4 -6.0
ไต้หวัน 3.4 6.5 -0.8 2.4 -2.9 1.5 4.9 29.3 3.4 -8.7 7.4 -19.2 -17.0 -14.1 -23.4
ฮ่องกง -6.5 6.4 -4.2 -3.5 2.9 1.5 -0.5 26.0 -11.6 -22.0 -9.3 -18.0 -13.3 -15.5 -11.2
สิงคโปร์ -3.9 8.9 2.1 3.6 0.4 0.5 -4.1 22.1 19.5 -4.4 12.7 -5.2 -14.5 -12.4 -14.9
อินโดนีเซีย -2.1 3.7 5.0 5.3 5.0 5.2 -2.7 41.9 27.2 8.0 26.1 1.4 -17.8 0.9 -21.2
มาเลเซีย -5.5 3.3 7.1 8.7 5.6 2.9 -2.3 27.5 29.5 2.4 17.6 -1.6 -14.6 -3.8 -18.4
ฟิลิปปินส์ -9.5 5.7 7.1 7.6 6.4 4.3 -8.1 14.5 0.6 8.6 5.7 -13.2 -5.6 1.9 0.8
เวียดนาม 2.9 2.6 5.9 8.0 3.3 4.1 6.9 18.9 16.4 -6.9 10.6 -11.8 -12.2 -9.1 -11.0
ที่มา: CEIC รวบรวมโดย สศช.
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 27
Economic Outlook NESDC
เศรษฐกิจโลกในปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราชะลอลงจากปี 2565 ตามการชะลอลงของประเทศเศรษฐกิจหลักและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่
และก่าลังพัฒนา โดยเป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางส่าคัญ ๆ เพื่อลดแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่อยู่
ในระดับสูงซึ่งส่งผลต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศและภาวะการตึงตัวของตลาดการเงิน ขณะเดียวกันการค้าระหว่างประเทศยังเผชิญกับ
ข้อจ่ากัดจากการด่าเนินมาตรการกีดกันทางการค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่มีความตึงเครียดมากขึ้น25 ที่ส่งผลกระทบต่อการผลิต
ภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกสินค้าในหลายประเทศ ส่าหรับเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งหลังของปีคาดว่ามีแนวโน้มที่จะยังได้รับแรงสนับสนุนจาก
การฟื้นตัวของภาคบริการโดยเฉพาะสาขาที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ประกอบกับแนวโน้มการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายหลังจาก
แรงกดดันเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลง อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความเสี่ยงด้านต่าโดยเฉพาะแรงกดดันต่อเงินเฟ้อที่อาจยืดเยื้อ
กว่าที่คาด อันเป็นผลจากความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครนที่รุนแรงมากขึ้นและความเสี่ยงจากความผันผวนของสภาพภูมิอากาศ
ที่ได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ที่จะส่งผลกระทบต่อราคาอาหารในตลาดโลก ซึ่งอาจท่าให้ธนาคารกลางตัดสินใจกลับมาด่าเนินนโยบาย
การเงินที่เข้มงวดมากขึ้นอีกครั้ง และจะเพิ่มความเสี่ยงต่อความผันผวนของตลาดการเงินและภาระหนี้สิน นอกจากนี้ เศรษฐกิจจีนยังมีข้อจ่ากัดของ
การฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศเนื่องจากปัญหาหนี้สินในภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ภาคการส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกัน
ทางการค้าและการลงทุนของสหรัฐฯ ภายใต้แนวโน้มดังกล่าวในกรณีฐานคาดว่าเศรษฐกิจโลกและปริมาณการค้าโลกในปี 2566 มีแนวโน้มที่จะ
ขยายตัวร้อยละ 2.8 และร้อยละ 2.1 ตามล ดับ ชะลอลงจากร้อยละ 3.2 และร้อยละ 5.4 ในปี 2565
เศรษฐกิจสหรัฐฯคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.2 ในปี 2566 ชะลอลงจากร้อยละ 2.1 ในปี 2565 แต่เป็นการปรับเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.9 ในการประมาณการ
ครั้งก่อน โดยเป็นการปรับประมาณการตามการขยายตัวของการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัว
ดีกว่าที่คาด นอกจากนี้ ข้อจ่ากัดจากปัญหาเพดานหนี้สาธารณะยังได้รับการแก้ไข เช่นเดียวกับปัญหาเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินที่ไม่ขยาย
วงกว้างสู่สถาบันการเงินอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงตามการลงทุนภาคเอกชน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมวดที่อยู่อาศัยที่ยังมีข้อจ่ากัดจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มชะลอ
อย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมในเดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 49.0 เทียบกับ 52.2 ในช่วงเดียวกันของปี
ก่อน และต่ากว่า 50 เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน สอดคล้องกับอัตราการว่างงานในเดือนกรกฎาคมที่ร้อยละ 3.8 เท่ากับเดือนก่อนหน้า แต่เป็นการ
เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.1 ในเดือนเมษายน นอกจากนี้ การที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch ได้มีการปรับลดความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาล
สหรัฐฯ (US Long-Term Foreign Currency Issuer Default Rating) ลงจาก AAA เป็น AA+ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2566 จะส่งผลกระทบต่อการ
ฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน เช่นเดียวกับการใช้จ่ายภาครัฐในช่วงที่เหลือของปีที่มีข้อจ่ากัดจากการปรับลด
งบประมาณรายจ่ายตาม Fiscal Responsibility Act26 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือนกรกฎาคมยังคงอยู่ในระดับสูง
ที่ร้อยละ 3.2 และร้อยละ 4.7 ตามล่าดับ ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะด่าเนินนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดต่อไปจนกว่าแรงกดดัน
ด้านเงินเฟ้อจะปรับลดลงสู่ระดับเป้าหมายนโยบายการเงิน27
เศรษฐกิจยูโรโซน คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.8 เป็นการปรับขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนที่ร้อยละ 0.5 ตามการขยายตัวมากกว่า
ที่คาดการณ์ในไตรมาสที่สอง แต่ชะลอตัวลงจากร้อยละ 3.5 ในปี 2565 ตามการชะลอตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก
สอดคล้องกับการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกและการด่าเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดของธนาคารกลางยุโรป สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการ
ฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมในเดือนกรกฎาคม 2566 ที่ระดับ 42.7 ลดลงจาก 43.4 ในเดือนก่อนหน้าและเป็นระดับที่ต่าสุดในรอบ 38 เดือน
นอกจากนี้ อุปสงค์ภายในประเทศยังอ่อนแอ สะท้อนจากดัชนีค้าปลีกที่ขยายตัวร้อยละ 3.7 ชะลอลงจากร้อยละ 4.0 ในไตรมาสก่อนหน้า
และเป็นการขยายตัวที่ต่าที่สุดในรอบ 22 เดือน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง เมื่อรวมกับแรงกดดันจากความยืดเยื้อของ
สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงาน28 ท่าให้คาดว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB)
มีแนวโน้มที่จะด่าเนินนโยบายการเงินอย่างเข้มงวดต่อไป29 ซึ่งจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของทั้งการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม
คาดว่าการฟื้นตัวของภาคบริการยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจยูโรโซนในช่วงครึ่งหลังของปี สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ
25 ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 ได้ประกาศออกค่าสั่งประธานาธิบดี (Executive Order) เรื่อง Addressing United States Investments in Certain National
Security Technologies and Products in Countries of Concern โดยได้มีการด่าเนินมาตรการห้ามการลงทุนของสหรัฐฯ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงในประเทศจีน ประกอบด้วย
เทคโนโลยีสารสนเทศควอนตัม เทคโนโลยีสารกึ่งตัวน่าและไมโครอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการน่าเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ทางการทหาร
กับสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรในภายหลัง พร้อมทั้งเรียกร้องให้กลุ่มประเทศพันธมิตรด่าเนินมาตรการดังกล่าวเช่นเดียวกัน
26 Fiscal Responsibility Act. เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงระหว่างรัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐฯ ในการยกเว้นเพดานหนี้สาธารณะ ได้มีการก่าหนดให้มีการปรับลดงบประมาณรายจ่าย
ภาครัฐลง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. ในระยะเวลา 10 ปี หรือภายในปี 2576
27 ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 -26 กรกฎาคม 2566 คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ย
นโยบายอยู่ในช่วงร้อยละ 5.25 -5.50 ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2544 ทั้งนี้ ในกรณีฐานคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ
0.25 ในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนกันยายน ก่อนที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับดังกล่าวจนถึงสิ้นปี 2566
28 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายหลังจากที่รัสเซียห้ามไม่ให้ยูเครนส่งออกสินค้าผ่านทางทะเลด่า หลังจากข้อตกลงที่อนุญาตให้มีการขนส่งสินค้าผ่านช่องทางดังกล่าวได้สิ้นสุดลงในเดือน
กรกฎาคม 2566 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของหลายประเทศสมาชิกมีแนวโน้มที่ลดการพึ่งพิงพลังงานจากรัสเซียได้ในสัดส่วนที่มาก โดยสัดส่วนการน่าเข้าก๊าซจากรัสเซียลดลงอยู่ที่
ร้อยละ 9.6 ในเดือนกรกฎาคม 2566 จากร้อยละ 29.7 และร้อยละ 18.9 ในเดือนกุมพันธ์ 2564 และ 2565 ตามล่าดับ ส่งผลให้ราคาพลังงานในภูมิภาคมีความอ่อนไหวต่อ
สถานการณ์ความขัดแย้งยืดเยื้อน้อยลง
29 การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางยุโรป เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ECB ได้มีมติขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
Refinancing Operations Rate อัตราดอกเบี้ย Marginal Lending Facility และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ของแต่ละประเทศที่ฝากไว้กับธนาคารกลางจากร้อยละ 4.00
ร้อยละ 4.25 และร้อยละ 3.50 เป็นร้อยละ 4.25 ร้อยละ 4.50 และร้อยละ 3.75 ตามล่าดับ ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 9 ติดต่อกัน และเป็นอัตราดอกเบี้ย
ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 นอกจากนี้ ECB ยังได้ปรับลดการขยายปริมาณเงิน โดยการยุติลงทุนโดยใช้เงินต้นจากพันธบัตรที่ครบก่าหนดไถ่ถอนของสินทรัพย์ภายใต้โครงการ Asset
Purchase Programme (APP) ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ECB ยังคงน่าเงินต้นภายใต้โครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) มาลงทุนซ่า
อีกครั้ง โดยจะด่าเนินการต่อไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปี 2567
4. แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2566
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 28
Economic Outlook NESDC
ภาคบริการในเดือนกรกฎาคม 2566 ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50.9 ซึ่งเป็นการอยู่ในระดับสูงกว่า 50.0 เป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน นอกจากนี้เศรษฐกิจ
ในภูมิภาคยังได้รับแรงสนับสนุนจากการด่าเนินมาตรการทางการคลังขนาดใหญ่ของสหภาพยุโรป30
เศรษฐกิจญี่ปุ่น มีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 1.5 ในปี 2566 เท่ากับการประมาณการครั้งก่อน และเร่งตัวขึ้นจากร้อยละ 1.0 ในปี 2565
เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ภายในประเทศตามการฟื้นตัวภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยเฉพาะ
ภาคบริการและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว31 สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคบริการในเดือนกรกฎาคม 2566 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 53.8
สูงกว่าระดับ 50.0 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 นอกจากนี้ การลงทุนภาครัฐมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาตรการเศรษฐกิจ
ที่ประกาศใช้ในปีงบประมาณ 2022 มีแผนการเบิกจ่ายจนถึงปีงบประมาณ 2025 ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการ
ของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ประกอบกับการฟื้นตัวของตลาดหลักทรัพย์จนท่าให้ดัชนีนิคเคอิ 225 เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม
2566 ปรับตัวมาอยู่ที่ 33,753.33 จุด สูงที่สุดในรอบ 33 ปี ตามการปรับตัวดีขึ้นของตลาดหลักทรัพย์ประเทศส่าคัญ ๆ และการฟื้นตัวของห่วงโซ่
อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ส่วนบุคคลและภาคการส่งออก อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอย่าง
ต่อเนื่องยังคงส่งผลต่อภาคการส่งออกและภาคการผลิต โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคอุตสาหกรรมในเดือนกรกฎาคม 2566 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 49.6
ต่ากว่าระดับ 50.0 เป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงตึงตัว ประกอบกับระดับค่าจ้างที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลต่อทั้งภาคการผลิตและ
ภาคบริการ32 ส่าหรับการด่าเนินนโยบายการเงิน ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังคงด่าเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตรา
เงินเฟ้อพื้นฐานให้อยู่ที่ระดับร้อยละ 2.033 โดยในกรณีฐาน คาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่นจะยังคงด่าเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายจนถึงสิ้นปี
2566 ภายใต้แนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง34
เศรษฐกิจจีน คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.9 ในปี 2566 เร่งขึ้นจากร้อยละ 3.0 ในปี 2565 เท่ากับการประมาณการครั้งก่อน ทั้งนี้คาดว่าเศรษฐกิจในช่วง
ครึ่งหลังของปีจะชะลอตัวลงตามการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการด่าเนินมาตรการควบคุมการส่งออกเพิ่มเติม35 รวมถึง
มาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Caixin PMI) ภาคอุตสาหกรรมในเดือนกรกฎาคม 2566 ลดลงไปอยู่ที่ 49.2 ต่าสุด
ในรอบ 6 เดือน เช่นเดียวกับ มูลค่าการส่งออกสินค้าในเดือนกรกฎาคม 2566 ลดลงร้อยละ 15.4 เทียบกับการลดลงร้อยละ 13.9 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็น
อัตราการลดลงที่ต่าสุดในรอบ 41 เดือน ขณะที่การลงทุนยังเผชิญกับข้อจ่ากัดจากปัญหาการขาดสภาพคล่องและภาระหนี้สินในภาคอสังหาริมทรัพย์36
รวมทั้งผลของฐานการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนกรกฎาคม 2566 ลดลงร้อยละ 0.3 เทียบกับ
ร้อยละ 0.0 ในเดือนก่อนหน้า และเป็นระดับที่ต่าสุดในรอบ 30 เดือน โดยเป็นผลมาจากการลดลงของราคาอาหารในหมวดเนื้อสัตว์และราคาเชื้อเพลิง
ยานยนต์เป็นส่าคัญ37การลดลงของราคาสินค้าสะท้อนความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจีนจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้แรงกดดันด้านอุปสงค์
อันเนื่องมาจากการบริโภคภายในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์ต่า สะท้อนจากมูลค่าการค้าปลีกในเดือนกรกฎาคม 2566 ที่ขยายตัวร้อยละ 2.5
ชะลอตัวลงจากร้อยละ 3.1 ในเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มที่จะได้รับแรงสนับสนุนจากการด่าเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย
เพิ่มเติมของธนาคารกลางจีนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการด่าเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังอย่างต่อเนื่อง
38
30 ตามกรอบงบประมาณรายจ่ายระยะยาว (Multiannual Financial Frameworks: MFF) ของสหภาพยุโรปในช่วงปี 2564 -2570 วงเงิน 1.216 ล้านล้านยูโร รวมถึงงบประมาณ
เพิ่มเติมจากแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ Next Generation EU วงเงิน 8.069 แสนล้านยูโร โดย ณ วันที่ 5 สิงหาคม 2566 ได้มีการอนุมัติวงเงินภายใต้ RRF ไปแล้วทั้งสิ้น 3.76 พันล้านยูโร
จากวงเงินทั้งสิ้น 7.238 แสนล้านยูโร โดยแบ่งเป็นเงินอุดหนุน 2.69 พันล้านยูโร และเงินกู้ 1.07 พันล้านยูโร นอกจากนี้ เมื่อรวมกับงบประมาณส่าหรับมาตรการชั่วคราวเพื่อฟื้นฟู
และกระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ วงเงินงบประมาณทั้งหมดที่จัดสรรในขณะนี้มีมูลค่าถึง 2.02 ล้านล้านยูโร
31 ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2566 รัฐบาลจีนได้ประกาศอนุญาตการท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ในญี่ปุ่น
32 สมาคมแรงงานญี่ปุ่นได้ประกาศผลสรุปการเจรจาปรับเพิ่มค่าจ้างประจ่าปี (Spring Wage Offensive) ในเดือนกรกฎาคม 2566 โดยค่าจ้างแรงงานจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 3.58
ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 30 ปี โดยที่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กปรับสูงขึ้นร้อยละ 3.23 และธุรกิจขนาดใหญ่สูงขึ้นร้อยละ 3.99 โดยสาเหตุหลักของการปรับขึ้นในระดับสูงนี้
มาจากการที่ค่าจ้างเพิ่มในระดับต่ามาเป็นระยะเวลายาวนาน กอปรกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเป็นการสอดรับกับนโยบายการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ตาม
นโยบายรัฐบาล
33 ในการประชุมเมื่อวันที่ 27 -28 กรกฎาคม 2566 คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นมีมติให้คงอัตราดอกเบี้นนโยบายระยะสั้นและระยะยาวไว้ที่ร้อยละ (-0.1)
และร้อยละ 0.0 ตามล่าดับ อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รับซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวสิบปี จากร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 1.0 ในช่วงร้อยละ ?0.5
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ร้อยละ 3.3 เร่งขึ้นจากร้อยละ 3.2 ในเดือนก่อนหน้า
34 อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยในเดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่ 141.21 เยนต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องจากเฉลี่ย 137.30 เยนต่อดอลลาร์สรอ. ในไตรมาสที่สองของปี 2566
35 เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566 กระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ออกมาตรการควบคุมการส่งออกสินแร่โลหะส่าคัญ ประกอบด้วย แกลเลียม (Gallium) และเจอร์เมเนียม (Germanium)
ซึ่งเป็นส่วนประกอบส่าคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์ อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่
1 สิงหาคม 2566 โดยผู้ที่ต้องการจะส่งออกโลหะทั้งสองชนิดและผลิตภัณฑ์ที่มีโลหะดังกล่าวเป็นส่วนประกอบจะต้องมีใบอนุญาตเป็นการเฉพาะเพื่อเป็นการตอบโต้รัฐบาลสหรัฐฯ
ที่ได้ด่าเนินมาตรการกีดกันทางการค้าต่อจีนมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บริษัท Evergrande ได้ยื่นล้มละลาย เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2566
36 บริษัท Country Garden บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศจีนได้ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องและผิดนัดช่าระหนี้ดอกเบี้ยในช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2566 ซึ่ง
จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นโดยรวมของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน รวมถึงการเพิ่มข้อจ่ากัดให้กับการบริหารจัดการสภาพคล่องของบริษัทอื่น ๆ
37 ราคาอาหารในเดือนกรกฎาคม 2566 ลดลงร้อยละ 1.7 เทียบกับการขยายตัวร้อยละ 2.3 ในเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากการลดลงของราคาเนื้อหมูที่ลดลงร้อยละ 26
เทียบกับการลดลงร้อยละ 7.2 ในเดือนก่อนหน้า มีสาเหตุหลักมาจากอุปทานส่วนเกินในเนื้อหมูหลังจากการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรสิ้นสุดลง ขณะเดียวกัน
ราคาเชื้อเพลิงส่าหรับยานยนต์ในเดือนกรกฎาคม 2566 ลดลงร้อยละ 13.2 เทียบกับการลดลงร้อยละ 17.6 ในเดือนก่อนหน้า ลดลงติดต่อกัน 5 เดือน
38 การประชุมคณะกรรมการโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (The July meeting of the Communist Party's Politburo) เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2566 รัฐบาลจีน
ได้ประกาศนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 หลังจากที่เศรษฐกิจของจีนในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 มีสัญญาณการชะลอตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยมีมาตรการที่ส่าคัญ ดังนี้ (i) การกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการส่งเสริมการอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะในรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์
และเครื่องใช้ในบ้าน รวมไปถึงการเร่งการออกพันธบัตรพิเศษของรัฐบาลท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน (ii) มาตรการช่วยเหลือด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยการขยาย
มาตรการการผ่อนปรนข้อจ่ากัดในการปล่อยสินเชื่อส่าหรับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และขยายระยะเวลาช่าระเงินกู้ออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เพื่อให้มั่นใจว่า
โครงการจะเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบได้ (iii) การแก้ปัญหาหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น (iv) การยกระดับและการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรม โดยส่งเสริมการลงทุนใน ?โครงสร้างพื้นฐาน
ใหม่? อาทิ 5G, AI, Block Chain, Cloud Computing เป็นต้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งพาตนเองในห่วงโซ่อุตสาหกรรม และ (v) ส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน
โดยปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจส่าหรับองค์กรเอกชนและเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อจีน
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 29
Economic Outlook NESDC
39 การลดลงของการส่งออกสินค้าสะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมของเศรษฐกิจฮ่องกงและสิงคโปร์ในเดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่49.4 และ 51.3 ลดลง
เมื่อเทียบกับระดับ 52.3 และ 58.0 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามล่าดับ ขณะเดียวกัน การส่งออกสินค้าของเศรษฐกิจเกาหลีใต้และไต้หวันในเดือนกรกฎาคม 2566 ลดลงร้อยละ
16.5 และร้อยละ 10.4 เทียบกับร้อยละ 6.0 และร้อยละ 23.4 ในเดือนก่อนหน้า และเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 และ 11 ตามล่าดับ
40 ธนาคารกลางเกาหลีใต้ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 3.50 นับเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่
การประชุมในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 หลังการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายติดต่อกัน 7 ครั้ง นับตั้งแต่เมษายน 2565
41 ธนาคารกลางอินโดนีเซียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 5.75 ในการประชุมเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2566 เช่นเดียวกันกับธนาคารกลางมาเลเซียที่มีมติคงอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.0 ในการประชุมเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2566
เศรษฐกิจกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมใหม่ (NIEs)ส่วนใหญ่มีแนวโน้มชะลอลงตามการลดลงของการส่งออกสินค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรม39 ทั้งนี้
ในปี 2566 คาดว่า เศรษฐกิจไต้หวันและสิงคโปร์จะขยายตัวร้อยละ 1.8 และร้อยละ 1.8 ชะลอลงจากร้อยละ 2.5 และร้อยละ 3.6 ในปีก่อนหน้า ส่าหรับ
เศรษฐกิจเกาหลีใต้คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.4 ชะลอลงจากร้อยละ 2.6 ในปีก่อนหน้า ตามการลดลงของการส่งออกสินค้าและการผลิตภาคอุตสาหกรรม
ขณะที่เศรษฐกิจฮ่องกงคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.5 ฟื้นตัวจากการลดลงร้อยละ 3.5 ในปี 2565 โดยมีปัจจัยสนับสนุนส่าคัญจากการขยายตัวของ
ภาคบริการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน ทั้งนี้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลงส่งผลให้ธนาคารกลางเริ่มชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นโยบาย40อย่างไรก็ตาม คาดว่าธนาคารกลางต่าง ๆ จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไปจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับลดลงสู่ระดับเป้าหมาย
เศรษฐกิจอาเซียน มีแนวโน้มชะลอตัวลงตามแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าส่าคัญ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจยังได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของ
อุปสงค์ภายในประเทศและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ขณะที่ธนาคารกลางเริ่มคงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายหลังจากแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อ
ผ่อนคลายลง41 ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2566 เศรษฐกิจอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามจะขยายตัวร้อยละ 5.0 ร้อยละ 4.2 ร้อยละ 5.6 และร้อยละ
5.5 ชะลอตัวลงจากร้อยละ 5.3 ร้อยละ 8.7 ร้อยละ 7.6 และร้อยละ 8.0 ในปี 2565 ตามล่าดับ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์และเวียดนาม
มีการปรับประมาณการจากร้อยละ 4.5 ร้อยละ 5.2 และร้อยละ 5.2 ตามล่าดับ เนื่องจากการฟื้นตัวดีกว่าที่คาดการณ์ของอุปสงค์ภายในประเทศ
มาตรการกีดกันทางการค้าด้านเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีน
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีด่า ( บริษัท ของจีน
ซึ่งด่าเนินธุรกิจเกี่ยวกับโทรคมนาคม กล่าวคือ บริษัท ไม่สามารถซื้อสินค้า
จากสหรัฐฯ ได้หากไม่ได้รับการอนุญาตเป็นรายกรณี ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัท
ขายสินค้าให้กับประเทศอิหร่านและเกาหลีเหนือ
7 มี.ค. 59
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ปลดบริษัท ออกจากบัญชีด่า
13 ก.ค. 61
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ผ่าน พ.ร.บ. ควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีที่ส่งผล
ต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ
13 ส.ค. 61
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ปรับกฎสินค้า ทั้งนี้ เป็นการครอบคลุมถึง
บริษัทอื่น ๆ ที่ใช้เทคโนโลยีของสหรัฐฯ
17 ส.ค. 63
รัฐบาลกลางฯ ควบคุมการส่งออกสารกึ่งตัวน่าจากบริษัท และบริษัท
 ซึ่งเป็นบริษัทผลิตสารกึ่งตัวน่าของสหรัฐฯ ไปยังประเทศจีน
31 ส.ค. 65
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีด่าบริษัท ของจีน ตามค่าตัดสินของ
กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2562 ว่ามีการฟอกเงิน
ภายในสหรัฐฯ
15 พ.ค. 62
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีด่าบริษัทลูกของ ในสหราช
อาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี และสิงคโปร์
19 ส.ค. 62
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีด่าบริษัท
 ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของจีน เพื่อป้องกันการ
ใช้ประโยชน์ทางการทหาร
26 ก.ย. 63
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ขยายขอบเขตมาตรการควบคุมการส่งออกไปยัง
รัสเซีย จีน และเวเนซูเอลา เพื่อป้องกันการใช้ประโยชน์ทางการทหาร
27 เม.ย. 63
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ อนุญาตบริษัท ใช้เทคโนโลยีบางชนิดที่
เปิดเผยได้และถูกยกเว้น
15 มิ.ย. 63
ค่าสั่งประธานาธิบดี ( ควบคุมไม่ให้บริษัทของสหรัฐฯ ลงทุน
ในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพของจีน
8 พ.ย. 63
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ประกาศควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีสารกึ่งตัวน่า
และปัญญาประดิษฐ์ไปยังจีน และประกาศฉบับปรับปรุงในวันที่ 31 ตุลาคม 2565
7 ต.ค. 65
รัฐบาลจีนประกาศห้ามน่าอุปกรณ์จากบริษัทไมครอนซึ่งเป็นบริษัทผลิตสาร
กึ่งตัวน่ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ในการใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ
21 พ.ค. 66
รัฐบาลเนเธอร์แลนด์สั่งให้บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปส่าคัญของโลก
ควบคุมการส่งออกเครื่องผลิตชิปไปยังประเทศจีนตามสัญญาที่ลงนามเมื่อเดือน
มกราคม 2566
30 มิ.ย. 66
-
( - เพื่อไม่ให้บริษัท
ใช้เทคโนโลยีของสหรัฐฯ ในสินค้าของตัวเองได้
-
ได้ประกาศสร้างโรงงานผลิตสารกึ่งตัวน่าแห่งที่สองในสหรัฐฯ
15 พ.ค. 63
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศใช้กฎหมาย โดยลงทุนใน
การวิจัยและพัฒนาในเทคโนโลยีสารกึ่งตัวน่าและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกว่า 2.8
แสนล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการพึ่งพิงการน่าเข้าจากจีน
รวมถึงการพึ่งพาห่วงโซ่การผลิตของจีน
9 ส.ค. 65
รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ลงนามร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการควบคุมการส่งออกสินค้า
ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารกึ่งตัวน่าไปยังจีน
8 มี.ค. 66
รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศควบคุมอุปกรณ์ส่าหรับผลิตสารกึ่งตัวน่าทั้งสิ้น 23 ชนิด
ร่วมกับสหรัฐฯ และเนเธอร์แลนด์ ทั้งนี้ สามประเทศดังกล่าว เป็นผู้ผลิตราย
ใหญ่ของเครื่องจักรผลิตสารกึ่งตัวน่า
31 มี.ค. 66
รัฐบาลจีนประกาศควบคุมการส่งออกสินค้าประเภท -
ได้แก่ แกลเลียม และเจอร์มาเนียม ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสารกึ่งตัวน่า
ไปยังสหรัฐฯ
3 ก.ค. 66
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ประกาศให้มีการด่าเนินมาตรการคว่าบาตรการ
ลงทุนของสหรัฐฯ ในประเทศจีน ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ได้แก่ เทคโนโลยี
สารสนเทศควอนตัม เทคโนโลยีสารกึ่งตัวน่าและไมโครอิเล็กทรอนิกส์ และ
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลจีนสามารถน่าสินทรัพย์ของ
สหรัฐฯ ไปใช้ประโยชน์ส่าหรับกองทัพจีน
9 ส.ค. 66
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 30
Economic Outlook NESDC
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังเผชิญกับข้อจ กัด
เศรษฐกิจจีนขยายตัวร้อยละ 4.5 และร้อยละ 6.3 ในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสที่สองของปี 2566 ตามล่าดับ ส่งผลให้โดยรวมในช่วงครึ่งแรกของปี
เศรษฐกิจจีนขยายตัวร้อยละ 5.5 นับเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากฐานการขยายตัวที่ถือว่าต่าสุดในรอบ 2 ปี ที่ร้อยละ 3.0 ในปี 2565
โดยได้รับแรงสนับสนุนมาจากการฟื้นตัวของภาคบริการและการใช้จ่ายภายในประเทศภายหลังการยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและการเปิดประเทศ
นับตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนในระยะต่อไป มีแนวโน้มที่จะเผชิญข้อจ่ากัดของการขยายตัวที่ส่าคัญ ๆ ได้แก่ (1) การลงทุน
ภายในประเทศที่อยู่ในระดับต่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงประสบกับปัญหาการขาดสภาพคล่องและภาระหนี้สินในระดับสูง ส่งผลให้
ยอดขายที่อยู่อาศัยและยอดสินเชื่อใหม่ที่ลดลง และล่าสุดเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2566 บริษัท China Evergrande ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่
ของจีนที่ประสบปัญหาหนี้สินจ่านวนมากและได้ยื่นค่าร้องขอความคุ้มครองจากเจ้าหนี้ในศาลล้มละลายของสหรัฐฯ ขณะที่ยังมีความเสี่ยงที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์อื่น
จะผิดนัดช่าระหนี้เช่นกัน (2) การใช้จ่ายภายในประเทศเริ่มชะลอตัวภายหลังจากการเร่งใช้จ่ายไปในช่วงก่อนหน้า สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อยู่
ในระดับต่าอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน การฟื้นตัวของตลาดแรงงานยังข้อจ่ากัดจากอัตราการว่างงานของแรงงานอายุ 16-24 ปี (Young Unemployment Rate)
ที่อยู่ในระดับที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยในเดือนมิถุนายน 2566 อยู่ที่ร้อยละ 21.31
ซึ่งเป็นข้อจ่ากัดส่าคัญต่อการฟื้นตัวของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ
ทั้งนี้ การชะลอตัวลงของอุปสงค์ภายในประเทศควบคู่ไปกับการปรับตัวลดลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของจีนในเดือนกรกฎาคม
2566 ลดลงร้อยละ 0.3 ต่าสุดในรอบ 30 เดือน และมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด (3) ภาคการผลิตและภาคการส่งออกสินค้าเผชิญกับข้อจ่ากัดของการชะลอ
ตัวลงของเศรษฐกิจโลกและมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตร และ (4) หนี้สาธารณะของจีนอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 51.5 ในไตรมาสแรก
โดยเฉพาะหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 30.5 ซึ่งจะเป็นข้อจ่ากัดของการด่าเนินมาตรการทางการคลังในระยะต่อไป
ภายใต้สัญญาณการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจส่งผลให้รัฐบาลจีนได้ด่าเนินนโยบายการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมาตรทางการคลังที่ส่าคัญ
ได้แก่ มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการบริโภค โดยยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มแก่ผู้เสียภาษีรายย่อยที่มียอดขายต่อเดือนน้อยกว่า 100,000 หยวน รวมถึงการลดหย่อนภาษี
เพื่อกระตุ้นการบริโภคในหมวดสินค้ายานยนต์ไฟฟ้า (New Energy Vehicles: NEV) เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ในบ้าน เป็นต้น ขณะเดียวกัน
ธนาคารกลางจีน (The People's Bank of China: PBOC) ได้ด่าเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
ระยะกลาง (MLF) ระยะเวลา 1 ปีลงจากร้อยละ 2.65 เป็นร้อยละ 2.50 ซึ่งต่าสุดนับตั้งแต่มีการรายงานตัวเลขในปี 2557 นอกจากนี้ ยังปรับลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืน
พันธบัตร (Reverse Repurchase Rate) ระยะเวลา 7 วันลงจากร้อยละ 1.90 เป็นร้อยละ 1.80 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์และ
ภาคธุรกิจ
1
ส่านักงานสถิติแห่งชาติจีนประกาศหยุดการรายงานอัตราการว่างงานรายช่วงอายุเป็นการชั่วคราว โดยมีผลตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 จนกว่าสถานการณ์การว่างงานของจีนจะฟื้นตัว
-100
-50
0
50
100
150
200
-30
-20
-10
0
10
20
30
40
50
ก.พ. 53 ก.พ. 55 ก.พ. 57 ก.พ. 59 ก.พ. 61 ก.พ. 63 ก.พ. 65
เคร องชี้ด้านการลงทุนภาคเอกชน
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ยอดขายที่อยู่อาศัย (แกนขวา)
%YoY
ที่มา: CEIC ณ วันที่ 17 สิงหาคม 2566
%YoY
-40
-20
0
20
40
60
-3.0
-2.0
-1.0
0.0
1.0
2.0
3.0
4.0
5.0
6.0
ม.ค. 62 เม.ย. 62
ก.ค. 62
ต.ค. 62
ม.ค. 63 เม.ย. 63
ก.ค. 63
ต.ค. 63
ม.ค. 64 เม.ย. 64
ก.ค. 64
ต.ค. 64
ม.ค. 65 เม.ย. 65
ก.ค. 65
ต.ค. 65
ม.ค. 66 เม.ย. 66
ก.ค. 66
อัตราเงินเฟ อของจีน
อัตราเงินเฟ อทั่วไป อัตราเงินเฟ อพ นฐาน (ไม่รวมอาหารและพลังงาน)
อัตราเงินเฟ อหมวดอาหาร (แกนขวา) อัตราเงินเฟ อหมวดเช อเพลิงยานยนต์ (แกนขวา)
ร้อยละ ร้อยละ
ที่มา: CEIC ณ วันที่ 17 สิงหาคม 2566
19.5 21.0 23.4 24.8 27.4 30.1
15.8
16.0
17.4
19.9
19.8
35.3 21.4
37.0
40.8
44.6
47.3
51.5
0
10
20
30
40
50
60 Q1/61 Q2/61 Q3/61 Q4/61 Q1/62 Q2/62 Q3/62 Q4/62 Q1/63 Q2/63 Q3/63 Q4/63 Q1/64 Q2/64 Q3/64 Q4/64 Q1/65 Q2/65 Q3/65 Q4/65 Q1/66
หนี้สาธารณะของจีน
หนี้ของรัฐบาลท้อง น หนี้ของรัฐบาลกลาง หนี้สาธารณะ
ที่มา: CEIC ณ วันที่ 17 สิงหาคม 2566
ร้อยละต่อ GDP
-40
-20
0
20
40
60
ม.ค. 62 เม.ย. 62
ก.ค. 62
ต.ค. 62
ม.ค. 63 เม.ย. 63
ก.ค. 63
ต.ค. 63
ม.ค. 64 เม.ย. 64
ก.ค. 64
ต.ค. 64
ม.ค. 65 เม.ย. 65
ก.ค. 65
ต.ค. 65
ม.ค. 66 เม.ย. 66
ก.ค. 66
การส่งออกและน เข้าสินค้าของจีน
น่าเข้า ส่งออก
%YoY
ที่มา: CEIC ณ วันที่ 17 สิงหาคม 2566
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 31
Economic Outlook NESDC
เศรษฐกิจไทยในครึ่งหลังของปี 2566 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากครึ่งปีแรก โดยมีปัจจัยสนับสนุนส่าคัญจากการขยายตัวในเกณฑ์ดีของการอุปโภค
บริโภคภาคเอกชน การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งแนวโน้มการขยายตัวต่อเนื่องของการลงทุน และฐานการขยายตัวที่อยู่ระดับต่าในช่วง
ไตรมาสสุดท้ายของปี อย่างไรก็ดี การขยายตัวทางเศรษฐกิจยังมีข้อจ่ากัดและปัจจัยเสี่ยงที่ส่าคัญ ได้แก่ เงื่อนไขทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อ
บรรยากาศทางเศรษฐกิจ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังเป็นข้อจ่ากัดต่อการขยายตัวของภาคการส่งออก รวมทั้งเงื่อนไขทางการเงินของภาค
ครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ยังเป็นข้อจ่ากัดต่อการขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ และความเสี่ยงจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่อาจ
ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตภาคการเกษตรและรายได้เกษตรกร
5. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2566
ปัจจัยสนับสนุน
1) การขยายตัวในเกณฑ์ดีของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ โดยการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนในช่วงครึ่งแรกของปีขยายตัวในเกณฑ์สูงร้อยละ
6.8 เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ 5.3 ในปี 2565 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ 2.9 ในช่วง 10 ปีก่อนหน้า (2557-2566) ตามการขยายตัวดีขึ้นในเกือบ
ทุกหมวดสินค้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้จ่ายเพื่อซื้อยานพาหนะ และหมวดบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวภายในประเทศ การขยายตัวใน
เกณฑ์สูงของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศสอดคล้องกับการปรับตัวดีขึ้นของการจ้างงาน ดังจะเห็นได้จากการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ปรับตัว
ดีขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว อาทิ หมวดที่พักแรมและบริการด้านอาหารที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.7 และ
อัตราการว่างงานในไตรมาสที่สองของปี 2566 อยู่ในระดับต่าร้อยละ 1.1 เท่ากับไตรมาสก่อนหน้า และใกล้เคียงกับช่วงก่อนหน้าการแพร่ระบาด
ที่ร้อยละ 1.0 ในปี 2562 ประกอบกับความเชื่อมั่นที่สูงขึ้น สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 อยู่ที่ระดับ 55.8 นับเป็น
ระดับสูงสุดในรอบ 13 ไตรมาส ขณะเดียวกัน การบริโภคภายในประเทศในช่วงที่เหลือของปียังมีแนวโน้มที่จะขยายได้ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง โดยมี
ปัจจัยสนับสนุนจากตลาดแรงงานที่ยังมีแนวโน้มอยู่ในภาวะตึงตัวสอดคล้องกับการปรับตัวดีขึ้นของการจ้างงานโดยเฉพาะการจ้างงานในภาคบริการ
ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ประกอบกับการลดลงของแรงกดดันเงินเฟ้อ ดังจะเห็นได้จากอัตราเงินเฟ้อในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ระดับร้อยละ 0.2
ซึ่งเป็นระดับต่าสุดในรอบ 22 เดือน และในเดือนกรกฎาคม ยังคงอยู่ในระดับต่าที่ร้อยละ 0.4 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของอุปสงค์
ภายในประเทศ
2) การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ตามจ่านวนนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและนักท่องเที่ยวไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลในช่วง 7
เดือนแรกของปี 2566 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมทั้งสิ้น 15,391,104 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 380.3 จาก 3,204,177 คน ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
และในช่วงวันที่ 1 -13 เดือนสิงหาคม 2566 มีจ่านวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสิ้น 1,081,453 คน คิดเป็นเฉลี่ย 83,189 คนต่อวัน โดยประเทศต้น
ทางนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยมากที่สุด ได้แก่ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย และเวียดนาม ทั้งนี้ ประเทศต้นทางส่วนใหญ่มีจ่านวน
นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยในจ่านวนที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนหน้าการแพร่ระบาด42 ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากจีนมีจ่านวนสะสมในช่วง 7
เดือนแรกรวม 1,852,446 คน โดยในเดือนกรกฎาคมมีจ่านวนทั้งสิ้น 409,327 คน เพิ่มขึ้นจาก 311,888 คนในเดือนก่อนหน้า และคาดว่าจะเร่งขึ้น
โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งเป็นวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์และวันชาติจีน (Golden week) นอกจากนี้ จะเห็นว่าอัตรา
การเข้าพักเริ่มฟื้นตัวกลับเข้าสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ร้อยละ 66.9 เทียบ
กับร้อยละ 68.0 ในช่วงเดียวกันของปี 2562 ส่าหรับการท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยจ่านวนนักท่องเที่ยวไทย
เที่ยวไทยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 อยู่ที่ 60,326,425 คน-ครั้ง เพิ่มขึ้นจาก 48,281,962 คน-ครั้ง ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นการ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.9 ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 มีจ่านวนนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทยสะสมทั้งสิ้น 122,944,946 คน-ครั้ง เทียบกับ
94,328,987 คน-ครั้ง ในครึ่งปีแรกของปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.3 นอกจากนี้ คาดว่าในช่วงที่เหลือของ
ปีการท่องเที่ยวของคนไทยมีแนวโน้มที่จะได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการส่งเสริมของภาครัฐ อาทิ โครงการ Unseen New Series ของ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่เน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง
3) การขยายตัวของการลงทุนภายในประเทศ ทั้งการลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐโดยการลงทุนภาคเอกชนในปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวได้
อย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในครึ่งปีแรกของปี 2566 คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3.64 แสนล้านบาท คิดเป็นการขยายตัว
ร้อยละ 69.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า43สอดคล้องกับพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในไตรมาสที่สอง ปี 2566 อยู่ที่ 190,150 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ
5.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นพื้นที่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จ่านวน 146,666 ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 นอกจากนี้
การลงทุนภาคเอกชนยังมีแนวโน้มได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความคืบหน้าของโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP) ขณะที่
การลงทุนของภาครัฐมีแนวโน้มที่จะขยายตัวตามการเบิกจ่ายของงบลงทุนภายใต้งบประมาณรายจ่ายประจ่าปี 2566 ที่มีการเบิกจ่ายสะสมไปแล้ว
ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคมถึงมิถุนายน) รวมทั้งสิ้น 349,507 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 53.3 จากกรอบวงเงิน 655,183
ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.9 จากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณก่อนหน้า นอกจากนี้ การลงทุนภาครัฐยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนของ
รัฐวิสาหกิจในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ส่าคัญ ซึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องในปี 2566
42 นักท่องเที่ยวสะสมในช่วง 7 เดือนแรกในปี 2566 (มกราคมถึงกรกฎาคม) จากประเทศมาเลเซีย เกาหลีใต้ อินเดีย และเวียดนาม อยู่ที่ 2,445,950คน 913,168 คน 888,807 คน
และ 631,448 คน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 109.0 ร้อยละ 85.1 ร้อยละ 77.8 และร้อยละ 96.9 เมื่อเทียบกับในปี 2562 ตามล่าดับ ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19
43 โครงการที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนในครึ่งปีแรกของปี 2566 มีจ่านวนโครงการทั้งสิ้น 891 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เช่นเดียวกับโครงการที่
ได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนและออกบัตรส่งเสริมการลงทุนในครึ่งปีแรกของปี 2566 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3.77 แสนล้านบาทและ 2.35 แสนล้านบาท คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ
0.4 และร้อยละ 7.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามล่าดับ
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 32
Economic Outlook NESDC
แรงขับเคล อนจากการลงทุนภาครัฐ
แรงขับเคลื่อนการลงทุนภาครัฐที่ส่าคัญ ประกอบด้วย การเบิกจ่ายงบลงทุนภายใต้กรอบงบประมาณรายจ่ายประจ่าปี การลงทุน
ของรัฐวิสาหกิจภายใต้กรอบและงบลงทุนรัฐวิสาหกิจประจ่าปี และการลงทุนในโครงการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP) โดยวงเงินงบประมาณ
รายจ่ายประจ่าปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 รวม 3.185 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 จากปีงบประมาณก่อนหน้า จ่าแนกเป็นรายจ่ายประจ่า 2.53 ล้านล้านบาท
และรายจ่ายลงทุน 6.55 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.1 เมื่อพิจารณาอัตราการเบิกจ่ายสะสมในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 ชี้ให้เห็นว่ามีการเร่ง
เบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ สะท้อนจากอัตราเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนสะสมในปี 2566 ที่สูงกว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ
การเร่งรัดเบิกจ่ายในโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ส่าคัญของกระทรวงคมนาคม และส่าหรับการเบิกจ่ายในโครงการลงทุนส่าคัญของรัฐวิสาหกิจที่มีมูลค่า
การลงทุนสูงสุด 10 อันดับแรก คาดว่าจะมีการเบิกจ่าย 84,020.34 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 59.6 ของประมาณการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจในโครงการ
ลงทุนส่าคัญ1
โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 มีการเบิกจ่ายสะสม 47,067.34 ล้านบาท และมีอัตราการเบิกจ่ายร้อยละ 56.0 ขณะที่การผลักดัน
โครงการ PPP ยังเป็นส่วนส่าคัญที่จะช่วยรักษาแรงขับเคลื่อนให้การลงทุนในปี 2566 ขยายตัวได้ โดยในปี 2566 มีโครงการร่วมลงทุนที่คณะกรรมการนโยบาย
การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนเห็นชอบแล้วจ่านวน 4 โครงการ วงเงิน 98,799 ล้านบาท จ่าแนกเป็นมูลค่าเงินลงทุนภาครัฐประมาณ 12,498 ล้านบาท และ
มูลค่าเงินลงทุนภาคเอกชนประมาณ 86,301 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่และการประกาศใช้
พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ่าปี พ.ศ. 2567 จะส่งผลกระทบต่อ
การลงทุนภาครัฐในไตรมาสที่สี่ของปี 2566 ต่อเนื่องถึงปี 2567 โดยเฉพาะในส่วน
ของโครงการลงทุนใหม่ ดังนั้น เพื่อรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
จากการลงทุนภาครัฐให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง จึงจ่าเป็นต้องให้ความส่าคัญกับ
การเร่งรัดการเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเหลื่อมปีและงบลงทุนรัฐวิสาหกิจในช่วงที่
พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ่าปี 2567 ยังไม่มีผลบังคับใช้ รวมทั้ง
การเตรียมความพร้อมของการเบิกจ่ายโครงการ ควบคู่ไปกับการก่าหนดเป้าหมาย
และติดตามผลการเบิกจ่ายของหน่วยงานภาครัฐเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่าย
ภายหลังจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ่าปี 2567 มีผลบังคับใช้
อัตราเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนสะสมของหน่วยงานที่มีรายจ่ายลงทุนในระดับสูง
หน่วย : ร้อยละ
หน่วยงาน FY2562 FY2563 FY2564 FY2565 9MFY2565 9MFY2566
กรมทางหลวง 73.8 77.4 86.1 90.1 62.4 70.6
กรมทางหลวงชนบท 86.9 82.3 89.3 90.6 65.5 66.4
กรมชลประทาน 81.1 80.6 82.0 82.5 60.6 66.0
กรมโยธาธิการและผังเมือง 65.7 65.3 62.1 46.4 32.2 27.3
โครงการลงทุนส คัญ 10 อันดับแรกของปี 2566
หน่วย : ล้านบาท
โครงการ หน่วยงาน สาขา
วงเงินอนุมัติ
ด เนินการ
ประมาณการ
เบิกจ่ายลงทุน
เบิกจ่ายสะสม
9M/FY2566
อัตราเบิกจ่าย
สะสม (%)
1. โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐ
ประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วง
กรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา)
รฟท. สาขาขนส่ง 143,280.94 18,138.21 14,253.72 78.58
2. โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฏร์บูรณะ รฟม. สาขาขนส่ง 91,974.00 10,646.56 11,673.90 109.65
3. โครงการพัฒนาระบบส่งและจ่าหน่าย ระยะที่ 2 กฟภ. สาขาพลังงาน 28,585.93 10,552.04 4,077.35 38.64
4. โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร
ด้านตะวันตก
กทพ. สาขาขนส่ง 20,767.34 8,608.31 4,885.27 56.75
5. โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่ - มหาสารคาม - ร้อยเอ็ด - มุกดาหาร -
นครพนม
รฟท. สาขาขนส่ง 61,273.31 7,498.62 1,517.50 20.24
6. โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม
2550 พื้นที่โซน C
ธพส. สาขาพาณิชย์
และบริการ
17,343.86 6,129.02 1,782.07 29.08
7. แผนปรับปรุงและขยายระบบจ่าหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ 12 ปี 2560 - 2564 กฟน. สาขาพลังงาน 17,277.73 5,938.96 1,483.80 24.98
8. โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ รฟท. สาขาขนส่ง 76,368.66 5,752.88 3,072.74 53.41
9. โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลักครั้งที่ 9 กปน. สาขา
สาธารณูปการ
28,142.50 5,459.68 4,316.50 79.06
10. โครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทน เครื่องที่ 8 - 9 กฟผ. สาขาพลังงาน 42,557.14 5,296.06 4.49 0.08
ที่มา: กองงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ส่านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
1
โครงการลงทุนส่าคัญ 65 โครงการ วงเงิน 1.41 ล้านล้านบาท
0
10
20
30
40
50
60
70
80
90
ต.ค. พ.ย. ธ.ค. ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย.
FY2562 FY2563 FY2564
FY2565 FY2566
อัตราเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนสะสมปี 2566 อยู่ในเกณฑ์สูง
(%)
4) ฐานการขยายตัวที่อยู่ในระดับต่ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายเนื่องจากการลดลงของการส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมอันเนื่องมาจาก
การชะลอตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลกนับตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2565 ประกอบกับอัตราการใช้ก่าลังการผลิตของหลาย
อุตสาหกรรมที่อยู่ในระดับต่า โดยคาดว่าในช่วงที่เหลือของปี การฟื้นตัวของก่าลังการผลิตดังกล่าว ประกอบกับการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของ
การผลิตและการส่งออกยานยนต์ และแนวโน้มการฟื้นตัวของวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลกตามความต้องการที่ยังเพิ่มขึ้น จะท่าให้การส่งออก
และการผลิตภาคอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566
โครงการ วงเงิน
(ล้านบาท)
อัตราเบิกจ่าย
สะสม (%)
โครงการก่อสร้างโครงข่ายทางหลวงแผ่นดิน 62,133.2 76.6
โครงข่ายทางหลวงได้รับการบ่ารุงรักษา 22,137.7 91.6
โครงข่ายทางหลวงชนบทได้รับการบ่ารุงรักษา 17,763.3 80.9
โครงการพัฒนาทางและสะพานโครงข่ายทางหลวง
ชนบทด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ 15,247.3 64.5
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 33
Economic Outlook NESDC
1) เง อนไขทางการเม องที่อาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศทางเศรษฐกิจกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลส่งผลต่อความล่าช้าในกระบวนการจัดท่า
งบประมาณประจ่าปี 2567 ขณะเดียวกัน ยังอาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณาอนุมัติร่างกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร
ราชการแผ่นดินโดยเฉพาะการด่าเนินมาตรการทางเศรษฐกิจซึ่งต้องรอการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และหากล่าช้าออกไปจะส่งผลต่อ
ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่รอความชัดเจนของนโยบายรัฐบาล ทั้งนี้ ในกรณีฐาน คาดว่ากระบวนการจัดท่างบประมาณประจ่าปี 2567
จะมีความล่าช้า 6 เดือน ส่งผลให้งบประมาณจะสามารถเริ่มเบิกจ่ายได้ในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2567
2) ความเสี่ยงจากการชะลอตัวมากกว่าที่คาดของเศรษฐกิจโลกและความผันผวนในตลาดการเงินโลก โดยมีเงื่อนไขความเสี่ยงที่ต้องติดตามและ
ประเมินอย่างใกล้ชิด ประกอบด้วย (1) การชะลอตัวของเศรษฐกิจโดยเป็นผลมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลาง
ส่าคัญ ๆ เพื่อลดแรงกดดันของเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมา จนท่าให้ภาวะตลาดเงินตึงตัวและต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นข้อจ่ากัดในการฟื้นตัวของ
การบริโภคและการลงทุนของประเทศเศรษฐกิจส่าคัญ ขณะที่ประเทศที่มีหนี้สินในสกุลเงินต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงจะมีความเสี่ยง
ด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น (2) ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ และ
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในภาพรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่เริ่มกลับมายกระดับมาตรการกีดกันทางการค้า
การลงทุนและการแข่งขันทางเทคโนโลยีมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการด่าเนินมาตรการคว่าบาตรการลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐฯ44
และมาตรการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายาก (Rare-earth) ของจีน ในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังมี
ความยืดเยื้อจนอาจส่งผลต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานให้ยังอยู่ในระดับสูงและสร้างแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปี
และ (3) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่อาจล่าช้ากว่าที่คาด เนื่องจากยังเผชิญข้อจ่ากัดจากการลงทุนภายในประเทศโดยเฉพาะการลงทุน
ในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เผชิญปัญหาหนี้สินที่ยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับการใช้จ่ายภายในประเทศที่ชะลอตัว ซึ่งส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเริ่มติดลบ
ที่ร้อยละ 0.3 ในเดือนกรกฎาคม ถือเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 19 เดือน ขณะเดียวกันอัตราการว่างงานในกลุ่มผู้อายุน้อยเพิ่มสูงขึ้น
อย่างต่อเนื่องที่จะเป็นข้อจ่ากัดของการบริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้ การส่งออกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนยังมีข้อจ่ากัดจาก
มาตรการกีดกันทางการค้าและการลงทุนของสหรัฐฯ ที่เริ่มรุนแรงมากขึ้น
3) ภาระหนี้สินครัวเร อนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูงท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของภาระดอกเบี้ยสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing
Loans: NPLs) และสัดส่วนสินเชื่อจัดชั้นพิเศษ (Special Mention Loans: SMLs) ต่อสินเชื่อรวมของวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
ในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2566 ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 7.4 และร้อยละ 12.2 สูงกว่าร้อยละ 4.7 และร้อยละ 3.1 ในไตรมาสเดียวกันของปี
2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาด ตามล่าดับ เช่นเดียวกับสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ในไตรมาสที่หนึ่งของปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 90.6 ลดลง
เล็กน้อยเมื่อเทียบกับร้อยละ 91.4 ในไตรมาสก่อน แต่ยังคงสูงกว่าเมื่อเทียบกับร้อยละ 82.7 ในไตรมาสเดียวกันของปี 256245 ทั้งนี้ ภาระหนี้สิน
ของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงจะเป็นข้อจ่ากัดต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศและความสามารถในการช่าระหนี้ภายใต้
อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจ SMEs ครัวเรือนรายได้น้อย รวมทั้งลูกหนี้ภาคเกษตรกรรมที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ
ของภาครัฐที่สิ้นสุดลง46 รวมถึงลูกหนี้กลุ่มเปราะบางของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐและผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน
(non-bank) ที่ยังไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบโควิด-19
4) ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศที่อาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตภาคเกษตร จากการประมาณการของ World Meteorological
Organization (WMO) เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2566 คาดว่ามีโอกาสถึงร้อยละ 90 ที่ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกจะเข้าสู่สภาวะเอลนีโญ (El Ni?o)
ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 โดยมีระยะเวลาประมาณ 6 - 12 เดือน ทั้งนี้ ช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 อุณหภูมิพื้นผิวโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 17.23 องศา
เซลเซียส สูงสุดเป็นประวัติการณ์และท่าให้หลายประเทศต้องเผชิญกับคลื่นความร้อน (Heat Wave) อย่างรุนแรง ส่าหรับประเทศไทย อุณหภูมิ
สูงสุดเฉลี่ยในช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่ 39.3 องศาเซลเซียส สูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติ 0.9 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ปริมาณน่าฝน
มีแนวโน้มต่ากว่าค่าเฉลี่ยปกติ สอดคล้องกับข้อมูลปริมาณน่าฝนสะสมในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2566 ที่ต่ากว่าระดับปกติในทุกพื้นที่
โดยต่ากว่าค่าปริมาณน่าฝนเฉลี่ย 30 ปีย้อนหลังประมาณร้อยละ 5 ส่งผลให้ปริมาณน่าในเขื่อนส่าหรับฤดูกาลเพาะปลูก 2566/67 มีแนวโน้มที่จะ
อยู่ในระดับต่าและอาจจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตภาคการเกษตร
44 เมื่อวันพุธที่ 9 สิงหาคม 2566 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศออกค่าสั่งประธานาธิบดี (Executive Order) เรื่อง Addressing United States Investments in Certain
National Security Technologies and Products in Countries of Concern โดยได้มีการด่าเนินมาตรการคว่าบาตรการลงทุนของสหรัฐฯ ในประเทศจีน ในอุตสาหกรรม
เทคโนโลยี ได้แก่ เทคโนโลยีสารสนเทศควอนตัม เทคโนโลยีสารกึ่งตัวน่าและไมโครอิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลจีนสามารถ
น่าสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ไปใช้ประโยชน์ส่าหรับกองทัพจีน อาทิ พัฒนาระบบอาวุธ หรือเทคโนโลยีการเข้ารหัส รวมถึงป้องกันการรั่วไหลของเทคโนโลยีสหรัฐฯ ไปยังจีน
45 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับปรุงสถิติหนี้ครัวเรือนให้มีความครอบคลุมเพิ่มมากขึ้นเพื่อสามารถสะท้อนภาระหนี้สินที่ใกล้เคียงความจริง โดยเพิ่ม
ความครอบคลุมไปถึงกลุ่มผู้ให้กู้อื่น ๆ ได้แก่ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) การเคหะแห่งชาติ ธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด (พิโกไฟแนนซ์) และสหกรณ์ประเภท
ต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากสหกรณ์ออมทรัพย์ซึ่งได้รวมอยู่ในสถิติเดิม เมื่อปรับปรุงความครอบคลุมของสถาบันผู้ให้กู้แล้ว ส่งผลให้ยอดคงค้างรวมของเงินให้กู้ยืมแก่ภาคครัวเรือน
ณ ไตรมาส 1 ปี 2566 เพิ่มขึ้น 7.7 แสนล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินให้กู้ยืมแก่ภาคครัวเรือนต่อ GDP เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 86.3 เป็นร้อยละ 90.6
46 มาตรการพักทรัพย์พักหนี้สิ้นสุดการด่าเนินการเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2566 ขณะที่โครงการสินเชื่อฟื้นฟูได้รับการขยายการด่าเนินการต่อไปอีก1 ปี โดยจะสิ้นสุดโครงการในวันที่
9 เมษายน 2567
ข้อจ กัดและปัจจัยเสี่ยง
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 34
Economic Outlook NESDC
หนี้สินภาคครัวเร อนและมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างยั่งย น
หนี้สินภาคเอกชนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (Gross Domestic Product : GDP) ของไทย ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ
171.2 ลดลงจากร้อยละ 178.6 ในช่วงวิกฤตโควิด แต่ยังคงสูงกว่าระดับเฉลี่ยของประเทศในภูมิภาค (ร้อยละ 131.5) และประเทศที่พัฒนาแล้ว (ร้อยละ
126.0) และอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับร้อยละ 153.8 ต่อ GDP ในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2562 โดยข้อมูล
ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2566 หนี้สินภาคครัวเร อนของไทยมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 90.6 ต่อ GDPแม้จะปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดร้อยละ 95.5 ต่อ
GDP ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2564 แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง โครงสร้างหนี้สินภาคครัวเรือน ประกอบด้วย การกู้ยืมเงินเพื่อจัดหาที่อยู่อาศัย (ร้อยละ 33.5
ของสินเชื่อครัวเรือน) เพื่อการอุปโภคบริโภค (ร้อยละ 26.8 ของสินเชื่อครัวเรือน) เพื่อประกอบอาชีพ (ร้อยละ 18.2 ของสินเชื่อครัวเรือน) และเพื่อซื้อ/เช่าซื้อ
รถยนต์และจักรยานยนต์ (ร้อยละ 11.3 ของสินเชื่อครัวเรือน) และอื่น ๆ (ร้อยละ 10.1 ของสินเชื่อครัวเรือน) ทั้งนี้ หนี้ที่ควรต้องให้ความส่าคัญและเร่งแก้ไข
คือหนี้ที่ค้างช่าระเป็นระยะเวลานานหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
จากฐานข้อมูลของบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ พบว่า บัญชีลูกหนี้ที่ค้างช่าระเกิน 90 วัน (Non-Performing Loans : NPLs)1
ณ สิ้นไตรมาสแรก
ของปี 2566 มีมูลค่า 9.5 แสนล้านบาท (จ่านวน 9.4 ล้านบัญชี) เทียบกับ 7.8 แสนล้านบาท (จ่านวน 5.7 ล้านบัญชี) ในไตรมาสแรกของปี 2562 ในจ่านวน
นี้เป็น NPLs ในระบบธนาคารพาณิชย์2
5.0 แสนล้านบาท หร อคิดเป็นร้อยละ 2.7 ของสินเช อในระบบธนาคารพาณิชย์ทั้งหมด เทียบกับมูลค่า 4.5
แสนล้านบาท ในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2562 โดย NPLs ในสาขาที่ส่าคัญ ประกอบด้วย (1) สาขาการอุปโภค
บริโภคส่วนบุคคล (สัดส่วนร้อยละ 29.0 ของ NPLs ทั้งหมด) อาทิ การจัดหาที่อยู่อาศัย และการเช่าซื้อรถยนต์ เป็นต้น (2) สาขาการขายส่งและการขายปลีก
การซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์ (สัดส่วนร้อยละ 24.0 ของ NPLs ทั้งหมด) และ (3) สาขาการผลิต (สัดส่วนร้อยละ 20.4 ของ NPLs ทั้งหมด) ส หรับ
ในระบบส บันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs)3
NPLs มีมูลค่า 2.8 แสนล้านบาท หร อคิดเป็นร้อยละ 4.2 ของสินเช อในระบบ SFIs ทั้งหมด เทียบกับมูลค่า
2.0 แสนล้านบาท ในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2562 โดยสาขาที่ส่าคัญ ประกอบด้วย (1) สาขาการอุปโภคบริโภค
ส่วนบุคคล (สัดส่วนร้อยละ 44.9 ของ NPLs ทั้งหมด) อาทิ การจัดหาที่อยู่อาศัย และการอุปโภคบริโภคอื่น ๆ ที่ไม่มีหลักประกัน เป็นต้น (2) สาขา
เกษตรกรรม การป่าไม้ และการประมง (สัดส่วนร้อยละ 31.2 ของ NPLs ทั้งหมด) และ (3) สาขาการขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์และ
จักรยานยนต์ (สัดส่วนร้อยละ 5.9 ของ NPLs ทั้งหมด)
1
บัญชีลูกหนี้รหัส 21 (หนี้ NPL ที่เกิดจากสถานการณ์โควิด-19) ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2566 มีมูลค่า 3.1 แสนล้านบาท (จ่านวน 4.4 ล้านบัญชี) ลดลงจาก
จุดสูงสุดที่ 4.1 แสนล้านบาทในเดือนสิงหาคม 2565 และจ่านวน 4.7 ล้านบัญชีในเดือนตุลาคม 2565 และในจ่านวนดังกล่าวเป็นลูกหนี้ในระบบ SFIs ร้อยละ 60
สถาบันการเงินอื่น (Non-Bank) ร้อยละ 30 และธนาคารพาณิชย์ร้อยละ 10
2
ฐานข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย
3
ฐานข้อมูลของส่านักงานเศรษฐกิจการคลัง
1. เพื่อที่อยู่อาศัย
33.5%
2. เพื่อการอุปโภค
บริโภค
26.8%
3. เพื่อประกอบ
อาชีพ
18.2%
4. เพื่อซื้อ/เช่าซื้อ
รถยนต์และ
จักรยานยนต์
11.3%
อื่นๆ
10.1%
สัดส่วนเงินให้กู้ย มแก่ภาคครัวเร อนจ แนกตามวัต ประสงค์
ที่มา: ธปท.
การผลิต
20%
ก่อสร้าง
6%
ขายส่ง ปลีก ซ่อม
ยานยนต์ฯ
อสังหาฯ 24%
5%
สาธารณูปโภค ขนส่ง
4%
บริการ
9%
อุปโภคบริโภคส่วนบุคคล
29%
สัดส่วนสินเช อ NPL ในสาขาส คัญของระบบธนาคารพาณิชย์
ที่มา: ธปท.
เกษตรฯ
31%
การผลิต
4%
ก่อสร้าง
1%
ขายส่ง ปลีก ซ่อมยานยนต์ฯ
6%
การเงิน ประกันภัย
3%
อสังหาฯ
3%
อุปโภคบริโภคส่วนบุคคล
45%
สัดส่วนสินเช อ NPL ในสาขาส คัญของระบบส บันการเงินเฉพาะกิจ
ที่มา: ส่านักงานเศรษฐกิจการคลัง
50
70
90
110
130
150
170
190
-8.0
-6.0
-4.0
-2.0
0.0
2.0
4.0
6.0
8.0
10.0
Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1 Q2 Q3 Q4 Q1
2561 2562 2563 2564 2565 2566
PCE (%YoY) Private Investment (%YoY)
Private Debt to GDP (RHS) Household Debt to GDP (RHS)
%YoY
%GDP
หนี้สินภาคเอกชนต่อ GDP หนี้สินภาคครัวเร อนต่อ GDP
การขยายตัวของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน
ที่มา: สศช, CEIC, ธนาคารแห่งประเทศไทย
28.3%
46.9%
113.2%
127.7%
136.4%139.6%
171.2%174.7%
192.0%
224.7%218.0%
115.5%
80.3%
68.0%
121.2%
128.1%
151.0%
0%
50%
100%
150%
200%
250% อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย เกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ
%GDP
หนี้สินภาคเอกชนต่อ GDP ของประเทศในภูมิภาค และประเทศพั นาแล้ว
ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2566
ที่มา: CEIC
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 35
Economic Outlook NESDC
หนี้สินภาคครัวเร อนและมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างยั่งย น (ต่อ)
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ภาครัฐโดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานก่ากับดูแลภาคการเงินได้ร่วมกับสถาบันการเงินต่าง ๆ
แก้ไขปัญหาหนี้สินในภาคครัวเรือนมาอย่างต่อเนื่อง แบ่งเป็น 2 ส่วนส่าคัญ ประกอบด้วย (1) การแก้ไขปัญหาหนี้สินเดิม อาทิ มาตรการสนับสนุน
การรีไฟแนนซ์ มาตรการสนับสนุนการรวมหนี้ โครงการคลินิกแก้หนี้ เป็นต้น และ (2) การเสริมสภาพคล่อง อาทิ การลดค่างวดสินเชื่อส่วนบุคคลประเภท
ต่าง ๆ การพักช่าระหนี้ การลดอัตราผ่อนช่าระขั้นต่าบัตรเครดิต การขยายวงเงินและระยะเวลาช่าระหนี้ เป็นต้น อย่างไรก็ดี มาตรการที่ผ่านมายังอาจไม่
เพียงพอให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนลดลงต่ากว่าระดับที่เฝ้าระวัง (ต่ากว่าร้อยละ 80.0 ของ GDP) แม้ว่าในปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และ
ระดับรายได้ครัวเรือนเริ่มกลับมามากขึ้น แต่ยังมีบางกลุ่มที่ระดับรายได้ฟื้นตัวได้ช้าหรือระดับรายได้ยังมีความเปราะบาง ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหา
หนี้สินในระยะต่อไปเป็นไปอย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ ธปท. จึงได้ออกมาตรการแก้ไขหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน โดยให้ความส่าคัญกับการยกระดับ
วงจรการก่อหนี้ทั้งหนี้ในและนอกระบบ ตั้งแต่ก่อนเป็นหนี้ ก่าลังจะเป็นหนี้ ระหว่างเป็นหนี้ เมื่อหนี้มีปัญหา และเมื่อมีการขาย/ฟ้องหนี้ โดยในระยะแรก
จะเร่งออกหลักเกณฑ์ ดังนี้ (1)การออกหลักเกณฑ์การให้สินเช ออย่างรับผิดชอบ หร อ Responsible Lending (RL) โดยก่าหนดให้เจ้าหนี้ให้สินเชื่อ
อย่างรับผิดชอบและเป็นธรรมตลอดวงจรหนี้ อาทิ ไม่กระตุ้นให้เกิดการก่อหนี้เกินควร เงื่อนไขสัญญามีความเป็นธรรม มีแนวทางการดูแลลูกหนี้เรื้อรัง
(persistent debt) ให้สามารถกลับมาช่าระหนี้ได้ เป็นต้น (2) การส่งเสริมกลไกก หนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกหนี้แต่ละราย หร อ
Risk-based pricing (RBP) เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ โดยให้ผู้กู้จ่ายดอกเบี้ยตามความเสี่ยง ลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงต่าควรมีภาระดอกเบี้ยที่ต่า
ขณะเดียวกัน RBP จะช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อในระบบส่าหรับลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง และ (3) การก หนดภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service
Ratio: DSR) เพื่อดูแลการก่อหนี้ใหม่ที่ไม่พึงประสงค์ โดยดูแลให้การปล่อยสินเชื่อสอดคล้องกับศักยภาพในการช่าระหนี้ ไม่น่าไปสู่การก่อหนี้สินเกินตัว
นอกจากการด่าเนินการตามแนวทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนข้างต้นแล้ว การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ต้องอาศัย
ความร่วมมือจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย อาทิ การให้ความรู้และสร้างวินัยทางการเงิน การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบของเจ้าหนี้ทุกประเภท การมีกลไก
ให้ค่าปรึกษาและไกล่เกลี่ยหนี้เป็นระบบ และการวางรากฐานให้กับประเทศ ทั้งการพัฒนาฐานข้อมูลเครดิตและข้อมูลทางเลือกที่ใช้ประเมินและติดตาม
หนี้ให้มีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับรูปแบบกระแสเงินสดรับ-จ่ายของประชาชน เพื่อลดการพึ่งพาเงินกู้นอกระบบ ตลอดจนให้ความส่าคัญกับ
การสร้างรายได้ไปพร้อมกับการแก้ปัญหาหนี้เพื่อให้เกิดความยั่งยืน
มาตรการแก้ปัญหาหนี้ครัวเร อนอย่างยั่งย น
มาตรการ
วงจรหนี้สิน หลักการ ก่อนเป็นหนี้ ระหว่างเป็นหนี้ หนี้มีปัญหา
การให้สินเช ออย่างรับผิดชอบ
(Responsible Lending)
ผู้ให้สินเชื่อต้องให้ข้อมูลลูกหนี้ครบถ้วนและเป็น
ธรรมตลอดระยะเวลาการเป็นหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้มี
วินัยทางการเงินและมีภาระทางการเงินที่เหมาะสม
- ให้ข้อมูลชัดเจน ครบถ้วน
ไม่กระตุ้นการก่อหนี้เกินตัว
- ส่งเสริมวินัยทางการเงิน การ
จ่ายหนี้ตรงเวลา หรือจ่ายหนี้
มากกว่าขั้นต่า
- มีแนวทางช่วยเหลือที่
เหมาะสมกับการช่าระหนี้
ของลูกหนี้
การแก้หนี้เร อรัง
(Persistent Debt)
คัดกรองลูกหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลที่เป็นลูกหนี้ปกติ
แต่แนวโน้มว่าจะไม่สามารถช่าระคืนเงินต้นได้
(จ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้น) เพื่อน่าเสนอให้
ปรับปรุงโครงสร้างหนี้
-
- ลูกหนี้ที่ช่าระดอกเบี้ยมาเป็น
เวลานาน มีโอกาสปรับปรุง
โครงสร้างหนี้เพื่อให้สามารถ
ช่าระคืนเงินต้นได้ใน
ระยะเวลาที่สั้นลง
-
การก หนดอัตราดอกเบี้ยตาม
ระดับความเสี่ยงของลูกหนี้
(Risk Base Pricing)
สนับสนุนกลไกการคิดดอกเบี้ยตามระดับความเสี่ยง
ของลูกหนี้แต่ละราย เพื่อสร้างแรงจูงใจให้รักษาวินัย
ทางการเงิน และเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ
ให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
- ลูกหนี้ที่มีประวัติการช่าระหนี้
ที่ดี จะได้เงื่อนไขสินเชื่อที่ดี
- ลูกหนี้ความเสี่ยงสูงสามารถ
เข้าถึงการสินเชื่อในระบบได้
- ลูกหนี้มีแรงจูงใจในการรักษา
วินัยการช่าระหนี้เพื่อต้นทุน
ทางการเงินที่ต่ากว่าใน
อนาคต
-
การก หนดภาระหนี้ต่อรายได้
(Debt Service Ratio: DSR)
ก่าหนดสัดส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ให้เหมาะสม
ให้ลูกหนี้มีเงินเพียงพอส่าหรับการด่ารงชีพและ
รองรับความไม่แน่นอนในอนาคต ลดโอกาสการเป็น
หนี้เสีย
- ลูกหนี้มีเงินเหลือเพียงพอต่อ
การด่ารงชีพหลังการกู้ยืม
- ลูกหนี้มีเงินเหลือส่าหรับ
รองรับความไม่แน่นอนของ
รายได้ในอนาคต
- โอกาสเป็นหนี้เสียลดลง
ที่มา: ธปท.
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 36
Economic Outlook NESDC
ความแปรปรวนของสภาพอากาศกับมูลค่าทางเศรษฐกิจของภาคเกษตร
ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 สภาวะเอลนีโญ1
มีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้น จากนั้นในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2567 จะมีก่าลังอ่อนตัวลงและกลับมามี
สภาวะเอลนีโญรุนแรงต่อเนื่องไปจนถึงเดือนเมษายน 2567 ส หรับประเทศไทยในไตรมาสที่สามของปี 25662
(เดือนกรกฎาคม -กันยายน 2566) คาดว่า
อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วประเทศมีแนวโน้มสูงกว่าค่าปกติ3
จากระดับปัจจุบันประมาณ 0.5 - 1.0 ?C ในขณะที่ปริมาณฝนสะสมทั่วประเทศมีแนวโน้มต่ากว่าค่าปกติ
สอดคล้องกับข้อมูลปริมาณน่าฝนสะสมในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2566 ที่ต่ากว่าระดับปกติในทุกพื้นที่ โดยต่ากว่าค่าปริมาณน่าฝนเฉลี่ย 30 ปีย้อนหลังร้อยละ 5
ส่งผลให้ปริมาณน่าในเขื่อนส่าหรับฤดูกาลเพาะปลูก 2566/67
มีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับต่าและอาจจะส่งผลกระทบต่อผลผลิต
ภาคการเกษตร ทั้งนี้ ข้อมูลปริมาณน่าใช้ได้จริงในเขื่อนและ
อ่างเก็บน่ารวมทั่วประเทศ ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2566 อยู่ที่ 15,359
ล้านลูกบาศก์เมตร (หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 21.7 ของความจุระดับ
น่าเก็บกักรวม) ต่ากว่าระดับ 18,973 ล้านลูกบาศก์เมตร ในปี 2565
(สัดส่วนร้อยละ 26.7) และค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี แต่ยังคงสูงกว่าระดับ
น่าในปี 2562 (สัดส่วนร้อยละ 18.5) และปี 2558 และปี 2559
(สัดส่วนร้อยละ 15.0 และร้อยละ 14.5 ตามล่าดับ) ซึ่งเป็นปีที่
สถานการณ์ภัยแล้งมีความรุนแรงและส่งผลให้การผลิตในภาคเกษตร
ในปี 2558 และปี 2559 ปรับตัวลดลงร้อยละ 6.5 และร้อยละ 1.2
ตามล่าดับ เงื่อนไขดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะท่าให้การผลิตภาคเกษตร
ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ได้รับผลกระทบหากปริมาณฝนในช่วง
ที่เหลือของปีอยู่ในระดับต่า
เมื่อพิจารณาผลกระทบจากความแปรปรวนของสภาพอากาศ โดยอาศัยข้อมูลจากส่านักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์4
ที่คาดการณ์แนวโน้มผลผลิตสินค้าเกษตรหมวดพืชผลส่าคัญ 5 รายการหลักในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 (เดือนกรกฎาคมถึงเดือนธันวาคม) โดยเปรียบเทียบกับ
ระหว่างกรณีฐานที่ไม่รวมปัจจัยความแปรปรวนของสภาพอากาศ ที่คาดการณ์ไว้ในเดือนพฤศจิกายน 2565 และกรณีรวมปัจจัยความแปรปรวนของสภาพ
อากาศที่คาดการณ์ในเดือนมิถุนายน 2566 พบว่า (1) ข้าว (สัดส่วนร้อยละ 21.73 ของปริมาณผลผลิตภาคเกษตร5
) คาดว่าจะมีผลผลิตจ่านวน 25.50 ล้านตัน
ลดลงจากผลผลิตจ่านวน 26.79 ล้านตันที่คาดไว้เดิมในกรณีฐานซึ่งยังไม่รวมปัจจัยความแปรปรวนของสภาพอากาศ คิดเป็นการลดลงร้อยละ 4.8 จาก
การคาดการณ์ครั้งก่อน6
และส่งผลให้มูลค่าข้าวลดลงจากกรณีฐาน 14,241.78 ล้านบาท (2) ยางพารา (สัดส่วนร้อยละ 20.23 ของปริมาณผลผลิตภาคเกษตร)
คาดว่าจะมีผลผลิตจ่านวน 3.10 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากผลผลิตจ่านวน 3.04 ล้านตันที่คาดไว้ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 จากการคาดการณ์ครั้งก่อน ส่งผลให้มูลค่า
ยางพาราเพิ่มขึ้น 2,274.61 ล้านบาท (3) ปาล์มน้ มัน (สัดส่วนร้อยละ 1.92 ของปริมาณผลผลิตภาคเกษตร) คาดว่าจะมีผลผลิตจ่านวน 8.03 ล้านตัน ลดลง
จากผลผลิตจ่านวน 8.82 ล้านตันที่คาดไว้ หรือลดลงร้อยละ 9.0 จากการคาดการณ์ครั้งก่อน ส่งผลให้มูลค่าปาล์มน่ามันลดลง 3,803.79 ล้านบาท (4) อ้อย
(สัดส่วนร้อยละ 3.31 ของปริมาณผลผลิตภาคเกษตร) คาดว่าจะมีผลผลิตจ่านวน 15.04 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 35.7 จากการคาดการณ์ครั้งก่อน ส่งผลให้มูลค่า
อ้อยลดลงเป็นจ่านวน 10,436.26 ล้านบาท และ (5) มันส ปะหลัง (สัดส่วนร้อยละ 3.29 ของปริมาณผลผลิตภาคเกษตร) คาดว่าจะมีผลผลิตจ่านวน 8.67 ล้านตัน
ลดลงร้อยละ 5.9 จากการคาดการณ์ครั้งก่อน ส่งผลให้มูลค่ามันส่าปะหลังลดลงเป็นจ่านวน 1,615.58 ล้านบาท
โดยรวมในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 คาดว่าผลผลิตสินค้าเกษตรหมวดพืชผลส่าคัญ 5 รายการหลักจะมีจ่านวนรวม 60.33 ล้านตัน ลดลงจาก
การคาดการณ์ครั้งก่อนจ่านวน 10.90 ล้านตัน ท่าให้คาดว่ากรณีมีความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศจากเอลนีโญจะส่งผลให้มูลค่าทางเศรษฐกิจของสินค้า
เกษตร 5 รายการหลักมีแนวโน้มลดลงประมาณ 27,822.79 ล้านบาท
ดังนั้น ภายใต้แนวโน้มของการเผชิญสภาวะเอลนีโญในปัจจุบันที่อาจส่งผลกระทบให้เกิดภาวะภัยแล้งในระยะต่อไป ประเทศไทยจึงควรเตรียม
ความพร้อมโดยการเฝ้าระวัง ติดตาม และประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อการด่าเนินมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรน่าให้เพียงพอต่อการผลิต โดยให้
ความส่าคัญต่อการจัดสรรน่าให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่เพาะปลูก การเพิ่มศักยภาพการกักเก็บน่าในระดับแปลง และการหาแหล่งน่าส่ารอง ควบคู่ไปกับ
การส่งเสริมการปรับเปลี่ยนชนิดและวิธีการปลูกพืชให้เหมาะกับพื้นที่
1
เอลนีโญ (El Ni?o) เกิดจากกระแสลมมีก่าลังอ่อนและเปลี่ยนทิศทางพัดจากด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกไปด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ท่าให้กระแส
น่าอุ่นไหลไปยังทวีปอเมริกาใต้แทน ด้วยเหตุนี้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลียขาดฝนและเกิดความแห้งแล้ง แต่ชายฝั่งของทวีปอเมริกาใต้กลับมีฝนตก
เพิ่มมากขึ้น
2
คาดการณ์อุณหภูมิเฉลี่ยและปริมาณน่าฝนสะสมทั่วประเทศในไตรมาสที่สามของปี 2566 ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
3
ค่าปกติของอุณหภูมิเฉลี่ยและปริมาณน่าฝนเฉลี่ย คือค่าเฉลี่ยของอุณภูมิรายเดือนและปริมาณน่าฝนรายเดือนของประเทศไทยในคาบ 30 ปี (พ.ศ.2534 - 2563)
4
ผลผลิตในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 คือข้อมูลพยากรณ์ผลผลิตสินค้าเกษตร ณ เดือนมิถุนายน 2566 ของส่านักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(รวมปัจจัยความแปรปรวนทางสภาพอากาศหรือเอลนีโญ)
5
สัดส่วนของปริมาณผลผลิตภาคเกษตรของปี 2548 ของส่านักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
6
การคาดการณ์ครั้งก่อน คือข้อมูลพยากรณ์ผลผลิตสินค้าเกษตร ณ เดือนพฤศจิกายน 2565 ของส่านักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ยังไม่รวม
ปัจจัยความแปรปรวนทางสภาพอากาศหรือเอลนีโญ)
0.00
10,000.00
20,000.00
30,000.00
40,000.00
ม.ค. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.
ปริมาณน้ ใช้ได้จริง
2562 2565 2566 เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี
(ล้านลูกบาศก์เมตร)
ไตรมาสที่ 3 ไตรมาสที่ 4
หมายเหตุ: ปริมาณน่าใช้ได้จริงเดือนสิงหาคมถึงเดือนธันวาคม 2566 ประมาณการโดยส่านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและ
 สังคมแห่งชาติ
 ปี 2562 (เดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม) คือช่วงที่มีสภาวะเอลนีโญ
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 37
Economic Outlook NESDC
ข้อสมมติฐานการประมาณการเศรษฐกิจปี 2566
1) เศรษฐกิจโลกและปริมาณการค้าโลกในปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.8 และร้อยละ 2.1 ตามล ดับ ใกล้เคียงกับร้อยละ 2.7 และร้อยละ
2.1 ในสมมติฐานการประมาณการครั้งก่อน แต่ชะลอลงจากร้อยละ 3.2 และร้อยละ 5.4 ในปี 2565 โดยมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจ
บางประเทศให้สอดคล้องกับข้อมูลในช่วงครึ่งแรกของปี ได้แก่ การปรับสมมติฐานการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยูโรโซน เป็นร้อยละ 1.2
และร้อยละ 0.8 เทียบกับร้อยละ 0.9 และร้อยละ 0.5 ในสมมติฐานการประมาณการครั้งก่อน ตามล่าดับ ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังของปี เศรษฐกิจโลก
มีแนวโน้มที่จะชะลอลงเนื่องจากผลของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงก่อนหน้า และยังมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความเสี่ยงด้านต่าเพิ่มเติมจาก
ความยืดเยื้อของความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครนและการด่าเนินมาตรการกีดกันทางการค้าและการลงทุนระหว่างสหรัฐฯ
และจีน
2) ค่าเงินบาทเฉลี่ยในปี 2566 คาดว่าจะอยู่ในช่วง 33.5 -34.5 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากเฉลี่ย 35.1 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในปี 2565
แต่เป็นการอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเฉลี่ย 32.8 -33.8 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในสมมติฐานการประมาณการครั้งก่อน สอดคล้องกับทิศทางค่าเงิน
บาทในช่วง 7 เดือนแรกของปีที่เฉลี่ย 34.26 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ที่อ่อนค่าลงตามการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ สรอ. (US Dollar trade
weighted index) เนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกอบกับค่าเงินหยวนมีทิศทางอ่อนค่าตามภาวะ
เศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวได้ล่าช้า ขณะเดียวกัน ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าเนื่องจากความกังวลต่อความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ อย่างไรก็ดี
คาดว่าค่าเงินบาทในช่วงที่เหลือของปีจะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอย่างช้า ๆ ตามการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว
ซึ่งจะส่งผลต่อรายรับจากการท่องเที่ยวและดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ
และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่สูงขึ้นตามการลดลงของอัตราเงินเฟ้อในประเทศ
3) ราคาน้ มันดิบดูไบเฉลี่ยในปี 2566 อยู่ในช่วง 77.0 -87.0 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลลดลงจากสมมติฐานการประมาณการครั้งก่อนที่คาดว่า
จะอยู่ในช่วง 80.0 - 90.0 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล และลดลงจากเฉลี่ย 96.2 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล ในปี 2565 สอดคล้องระดับราคา
น่ามันดิบในไตรมาสที่ 2 ที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่เฉลี่ย 76.9 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลต่ากว่าสมมติฐานการประมาณการครั้งที่ผ่านมา และส่งผลให้
ราคาน่ามันดิบในช่วง 7 เดือนแรกของปีอยู่ที่เฉลี่ย 79.0 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล โดยเป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะ
เศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวได้ช้า ขณะเดียวกัน ยังเป็นผลจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงที่เหลือของปี 2566 ราคาน่ามันดิบมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างช้า ๆ ตามการปรับลดก่าลังการผลิตของกลุ่ ม
ประเทศผู้ผลิตน่ามันและพันธมิตร (OPEC+)47 ประกอบกับจ่านวนแท่นขุดเจาะทั่วโลกและปริมาณน่ามันดิบคงคลังที่ยังอยู่ในระดับต่ากว่าช่วงก่อน
การแพร่ระบาด48ขณะเดียวกัน ยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนและความยืดเยื้อของความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่อาจจะส่งผลต่อระดับราคา
พลังงาน และแนวโน้มการใช้พลังงานในช่วงฤดูหนาวที่คาดว่าจะมีอุณหภูมิต่ากว่าค่าเฉลี่ยปกติ
4) ราคาสินค้าส่งออกและราคาสินค้าน เข้าในรูปดอลลาร์ สรอ. ในปี 2566 เพิ่มขึ้นร้อยละ (-0.5) - 0.5 และร้อยละ (-1.0) - 0.0 ชะลอตัวลงจาก
ร้อยละ 4.2 และร้อยละ 12.7 ในปี 2565 โดยเป็นการปรับเพิ่มจากสมมติฐานในการประมาณการครั้งก่อนที่ร้อยละ (-1.0) - 0.0 และ
ร้อยละ (-2.0) - (-1.0) ตามล่าดับ
47 ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อการก่ากับดูแล (Joint Ministerial Monitoring Committee) ของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน่ามันและประเทศพันธมิตร (OPEC+) เมื่อวันที่ 4
สิงหาคม 2566 มีมติที่จะยืนยันการลดก่าลังการผลิตลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนกระทั่งสิ้นสุดปี 2567 ขณะที่ ซาอุดิอาระเบียยังประกาศขยายเวลาลดก่าลังการผลิตเพิ่มเติมอีก
1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนถึงเดือนกันยายน 2566
48 จ่านวนแท่นขุดเจาะทั่วโลก (Operative Oil Rigs) ในเดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่ 722 แท่น เทียบกับ 833 แท่น ในช่วงเดือนกรกฎาคมในปี 2562 ในขณะที่ปริมาณน่ามันดิบ
คงคลังของสหรัฐฯ ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่ 1,267 ล้านบาร์เรล เทียบกับ 1,222.0 ล้านบาร์เรล ณ สิ้นปี 2565
ตารางสมมติฐานการประมาณการเศรษฐกิจปี 2566
ข้อมูลจริง ประมาณการ 2566
2563 2564 2565 ณ 15 พ.ค. 2566 ณ 21 ส.ค. 2566
อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก (%)1/
-3.0 5.5 3.2 2.7 2.8
 สหรัฐอเมริกา -2.8 5.9 2.1 0.9 1.2
 ยูโรโซน -6.1 5.3 3.5 0.5 0.8
 ญี่ปุ่น -4.3 2.1 1.0 1.5 1.5
 จีน 2.2 8.4 3.0 4.9 4.9
อัตราการขยายตัวปริมาณการค้าโลก (%) -7.8 10.1 5.4 2.1 2.1
อัตราแลกเปลี่ยน 31.3 32.0 35.1 32.8 - 33.8 33.5 - 34.5
ราคาน่ามัน (ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล) 42.1 69.5 96.2 80.0 - 90.0 77.0 - 87.0
ราคาส่งออก (%) -0.8 3.3 4.2 (-1.0) - 0.0 (-0.5) - 0.5
ราคาน่าเข้า (%) -3.6 8.3 12.7 (-2.0) - (-1.0) (-1.0) - 0.0
จ่านวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ล้านคน) 6.7 0.4 11.2 28.0 28.0
รายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ล้านล้านบาท)2/
0.34 0.09 0.46 1.27 1.03
หมายเหตุ:
1/ เศรษฐกิจโลกค่านวณ Trade weight เฉพาะ 15 เศรษฐกิจคู่ค้าส่าคัญ ในปี 2562
2/ ข้อมูลบนฐานดุลการช่าระเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย ประมาณการโดย สศช.
ที่มา: ส่านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2566
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 38
Economic Outlook NESDC
5) รายรับจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศในปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 1.03 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 0.46 ล้านล้านบาทในปี 2565 และเป็นการปรับ
ลดลงจากสมมติฐาน 1.27 ล้านล้านบาท ในการประมาณการครั้งก่อน ตามข้อมูลค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มต่ากว่า
ประมาณการเดิม นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากการปรับปรุงข้อมูลรายรับจากการท่องเที่ยวในดุลบัญชีเดินสะพัดของธนาคารแห่งประเทศไทย49ขณะที่
จ่านวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2566 คาดว่าจะมีจ่านวนรวมทั้งสิ้น 28.0 ล้านคน ยังคงเท่ากับประมาณการครั้งก่อน และเพิ่มขึ้นจาก 11.2 ล้านคน
ในปี 2565 โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 มีจ่านวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังประเทศไทยทั้งสิ้น 12.9 ล้านคน ใกล้เคียงกับที่คาดการณ์
ไว้ โดยคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งเป็น
ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว50
6) การเบิกจ่ายงบประมาณ ประกอบด้วย (1) อัตราการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจ่าปีงบประมาณ 2566 ที่ร้อยละ 91.5 ของงบประมาณ
ทั้งหมด ลดลงจากร้อยละ 92.5 ในสมมติฐานการประมาณการครั้งก่อน แบ่งเป็น อัตราการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจ่าร้อยละ 97.0
เท่ากับการประมาณการครั้งก่อน และเทียบกับร้อยละ 99.2 ในปีงบประมาณก่อนหน้า ขณะที่รายจ่ายลงทุนคาดว่าจะมีการเบิกจ่ายที่ร้อยละ 70.0
ของงบประมาณทั้งหมด ปรับลดลงจากร้อยละ 75.0 ในการประมาณการครั้งก่อน และเทียบกับร้อยละ 73.7 ในปีงบประมาณก่อนหน้า ทั้งนี้
ความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลคาดว่าจะส่งผลให้การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจ่าปี 2567 มีความล่าช้า 6 เดือน และจะสามารถเบิกจ่ายได้
ในไตรมาสที่สามของปีงบประมาณ 2567 ซึ่งล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ในการประมาณการครั้งก่อน (2) อัตราการเบิกจ่ายงบประมาณเหลื่อมปีอยู่ ที่
ร้อยละ 82.4 ของงบประมาณทั้งหมด ปรับลดลงจากร้อยละ 86.2 ในการประมาณการครั้งก่อน และเทียบกับร้อยละ 90.1 ในปีงบประมาณ 2565
โดยแบ่งเป็น อัตราการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจ่าร้อยละ 90 เท่ากับประมาณการครั้งก่อน และรายจ่ายลงทุนร้อยละ 80 ปรับลดลงจาก
ร้อยละ 85.0 ในการประมาณการครั้งก่อน และ (3) อัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจร้อยละ 65 ของวงเงินงบประมาณคิดเป็นวงเงินลงทุน
ประมาณ 3.2 แสนล้านบาท และเป็นการปรับลดลงจากร้อยละ 70 ในสมมติฐานการประมาณการครั้งที่ผ่านมา ตามความล่าช้าในการเบิกจ่าย
งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2566
ประมาณการเศรษฐกิจปี 2566
เศรษฐกิจไทยในปี 2566 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวร้อยละ 2.5 - 3.0 (ค่ากลางการประมาณการร้อยละ 2.8) ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัว
ร้อยละ 2.6 ในปี 2565 อัตราเงินเฟ อคาดว่าจะอยู่ในช่วงร้อยละ 1.7 - 2.2 และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ 1.2 ของ GDP เทียบกับ
การขาดดุลร้อยละ 3.0 ของ GDP ในปี 2565
ในการแถลงข่าววันที่ 21 สิงหาคม 2566 ส่านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะขยายตัว
ร้อยละ 2.5 - 3.0 (ค่ากลางการประมาณการร้อยละ 2.8) ซึ่งเป็นการปรับช่วงประมาณการให้แคบลง รวมทั้งปรับลดประมาณการจากการขยายตัว
ร้อยละ 2.7 - 3.7 (ค่ากลางประมาณการอยู่ที่ร้อยละ 3.2) ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 และการปรับเปลี่ยนองค์ประกอบ
การขยายตัวทางเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับข้อมูลจริงในช่วงครึ่งปีแรกและการปรับเปลี่ยนสมมติฐานประมาณการที่ส่าคัญ ๆ ดังนี้
1) เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สองของปี 2566 ขยายตัวร้อยละ 1.8 ต่ กว่าที่คาดการณ์ไว้ในการแถลงข่าวครั้งก่อนเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2566
และเมื่อรวมกับการขยายตัวร้อยละ 2.6 ในไตรมาสแรก ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวร้อยละ 2.2 ซึ่งท่าให้การขยายตัวทั้งปี
มีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับต่ากว่าขอบล่างของการประมาณการครั้งที่ผ่านมา โดยการขยายตัวต่ากว่าการคาดการณ์ของเศรษฐกิจไทยใน
ไตรมาสที่สองมีสาเหตุส่าคัญมาจาก (1) การส่งออกสินค้าในไตรมาสที่สองปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาด ตามการชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศ
คู่ค้าส่าคัญ ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอันเนื่องมาจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงในช่วงก่อนหน้า
ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจจีนยังมีข้อจ่ากัดของการฟื้นตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกของหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งการส่งออกของไทย
ให้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องนับตั้งแต่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ทั้งนี้ การลดลงของการส่งออกสินค้าสอดคล้องกับการลดลงของการผลิต
ภาคอุตสาหกรรมและการชะลอตัวของการลงทุนภาคเอกชนในไตรมาสที่สอง และ (2) การเบิกจ่ายงบลงทุนอยู่ในระดับต่  ส่งผลให้
แรงขับเคลื่อนจากการลงทุนภาครัฐในไตรมาสที่สองต่ากว่าที่ประมาณการไว้ โดยอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนภายใต้กรอบงบประมาณรายจ่าย
ประจ่าปีในไตรมาสที่สามของปีงบประมาณ 2566 อยู่ที่ร้อยละ 17.8 ของงบประมาณทั้งหมดต่ากว่าร้อยละ 19.2 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และ
ท่าให้อัตราการเบิกจ่ายในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณอยู่ที่ร้อยละ 53.3 ของงบลงทุนรวม ต่ากว่าร้อยละ 55.0 ในสมมติฐานการประมาณ
การครั้งก่อน เช่นเดียวกับการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2566 ที่ลดลงต่ากว่าที่คาด สอดคล้องกับกรอบวงเงิน
ลงทุนรัฐวิสาหกิจในปี 2566 อยู่ที่ 493,351 ล้านบาท ลดลงจากกรอบวงเงิน 518,833 ล้านบาท ในปี 2565
2) การปรับสมมติฐานการประมาณการและองค์ประกอบการขยายตัวที่ส่าคัญซึ่งส่งผลให้แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาพรวมเปลี่ยนแปลง
ไปจากการประมาณการครั้งที่ผ่านมาได้แก่ (1)การปรับลดประมาณการการส่งออกสินค้า ให้สอดคล้องกับข้อมูลปริมาณการส่งออกสินค้าในช่วง
ครึ่งแรกของปี 2566 ที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 6.1 รวมทั้งแนวโน้มการชะลอตัวของปริมาณการค้าโลกท่ามกลางความยืดเยื้อของความขัดแย้งเชิง
ภูมิรัฐศาสตร์และความไม่แน่นอนของมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่มีแนวโน้มที่จะยกระดับความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้
ในการประมาณการครั้งนี้คาดว่าปริมาณการส่งออกสินค้าจะลดลงร้อยละ 1.8 เทียบกับการลดลงร้อยละ 1.1 ในการประมาณการครั้งก่อน
นอกจากนี้ ยังมีการปรับประมาณการการลงทุนภาคเอกชนและการน่าเข้าสินค้าเพื่อให้สอดคล้องกับการปรับลดประมาณการการส่งออกสินค้า
49 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการปรับข้อมูลรายรับนักท่องเที่ยวตามดุลบัญชีเดินสะพัดในไตรมาสที่ 1 ลงจาก 2.79 แสนล้านบาทเป็น 2.51 แสนล้านบาท และปรับข้อมูลในปี
2565 ลงจาก 5.58 แสนล้าน เป็น 4.62 แสนล้านบาท
50 ส่าหรับนักท่องเที่ยวจีนคาดว่าจะเดินทางเข้ามาทั้งสิ้น 4.0 ล้านคน ปรับลดลงจาก 4.2 ล้านคนในการประมาณการครั้งก่อน ตามการเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนที่ช้ากว่า
ที่คาดการณ์ อย่างไรก็ตาม จ่านวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่เหลือของปี
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 39
Economic Outlook NESDC
(2) การปรับลดสมมติฐานอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณภายใต้งบประมาณรายจ่ายประจ่าปี งบเหลื่อมปี และงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ ให้สอดคล้อง
กับข้อมูลจริงในช่วงสามไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 และแนวโน้มการเบิกจ่ายในช่วงไตรมาสสุดท้ายที่จะต่ากว่าที่คาด ภายใต้ความล่าช้า
ของการจัดตั้งรัฐบาลและกระบวนการงบประมาณรายจ่ายประจ่าปี 2567 โดยคาดว่าการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนในไตรมาสสุดท้ายของ
ปีงบประมาณ 2566 จะอยู่ที่ร้อยละ 18.7 ของงบประมาณทั้งหมด ต่ากว่าร้อยละ 20 ที่คาดไว้เดิม ส่วนการเบิกจ่ายงบประมาณในไตรมาสแรกของ
ปีงบประมาณ 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 17.2 จ่าแนกเป็น การเบิกจ่ายรายจ่ายประจ่าและรายจ่ายลงทุนร้อยละ 20 และร้อยละ 6 ตามล่าดับ
นอกจากนี้ ยังคาดว่าการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจจะอยู่ที่ร้อยละ 65 ของกรอบงบประมาณรายจ่ายลงทุน ต่ากว่าร้อยละ 70 ที่คาดไว้เดิมส่งผลให้
ในการประมาณการครั้งนี้คาดว่าการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคภาครัฐจะลดลงร้อยละ 3.1 เทียบกับร้อยละ 2.6 ในการประมาณครั้งก่อน ขณะที่
การลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.0 เทียบกับร้อยละ 2.7 ในการประมาณการครั้งก่อน (3)การปรับลดสมมติฐานประมาณการรายได้
จากนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 1.27 ล้านล้านบาทในการประมาณครั้งก่อน เป็น 1.03 ล้านล้านบาทในการประมาณการครั้งนี้ ตามแนวโน้ม
นักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาเป็นกลุ่มที่เดินทางระยะใกล้และพ่านักระยะสั้นจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ มาเลเซีย
เวียดนาม ลาว และสิงคโปร์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่อหัวไม่สูงเท่ากลุ่มที่พ่านักระยะยาวและเดินทางระยะไกลโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศตะวันตก
นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากการปรับปรุงข้อมูลรายรับการท่องเที่ยวในดุลบัญชีเดินสะพัดของธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งผลให้ดุลบริการมีแนวโน้ม
เกินดุลน้อยลงจากประมาณการครั้งก่อน และ (4) การปรับเพิ่มประมาณการอัตราการขยายตัวของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ เพื่อให้
สอดคล้องกับข้อมูลการขยายตัวของการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ที่ขยายตัวร้อยละ 6.8 สูงกว่าประมาณการเดิม
องค์ประกอบของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
1) การใช้จ่ายเพ อการอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย (1) การใช้จ่ายเพ อการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5.0 ต่อเนื่องจาก
ร้อยละ 6.3 ในปี 2565 และเป็นการปรับเพิ่มจากการขยายตัวร้อยละ 3.7 ในการประมาณการครั้งก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการปรับตัวดีขึ้น
ของการจ้างงานและฐานรายได้โดยเฉพาะนอกภาคเกษตรในสาขาที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อยู่ในเกณฑ์สูง
และ (2) การใช้จ่ายเพ อการอุปโภคภาครัฐบาลคาดว่าจะลดลงร้อยละ 3.1 เทียบกับการขยายตัวร้อยละ 0.2 ในปี 2565 และเป็นการปรับลดลง
จากการลดลงร้อยละ 2.6 ในการประมาณการครั้งที่ผ่านมา สอดคล้องกับการปรับลดสมมติฐานการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจ่าภายใต้
งบประมาณรายจ่ายประจ่าปี 2567 อันเนื่องมาจากความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล
2) การลงทุนรวม คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.6 ต่อเนื่องจากร้อยละ 2.3 ในปี 2565 แต่เป็นการปรับลดลงจากร้อยละ 2.1 ในการประมาณการ
ครั้งที่ผ่านมา โดย (1) การลงทุนภาคเอกชน คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.5 ชะลอลงจากร้อยละ 5.1 ในปี 2565 และปรับลดลงจากร้อยละ 1.9
ในการประมาณการครั้งก่อน สอดคล้องกับการลดลงของการส่งออกและการน่าเข้าสินค้าตามแนวโน้มการชะลอตัวของปริมาณการค้าโลก
และอัตราการใช้ก่าลังการผลิตที่ยังอยู่ในระดับต่า (2) การลงทุนภาครัฐ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 2.0 กลับมาขยายตัวจากการลดลงร้อยละ 4.9
ในปี 2565 แต่เป็นการปรับลดลงจากการขยายตัวร้อยละ 2.7 ในการประมาณการครั้งที่ผ่านมา ตามการปรับลดประมาณการอัตราการเบิกจ่าย
รายจ่ายลงทุนภายใต้งบประมาณรายจ่ายประจ่าปี และการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจ
3) มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินดอลลาร์ สรอ.คาดว่าจะลดลงร้อยละ 1.8 เทียบกับการขยายตัวร้อยละ 5.4 ในปี 2565 และการลดลงร้อยละ 1.6
ในการประมาณการครั้งก่อน โดยคาดว่าปริมาณการส่งออกในปี 2566 จะลดลงร้อยละ 1.8 เทียบกับการลดลงร้อยละ 1.1 ในการประมาณการ
ครั้งก่อน ในขณะที่คาดว่าราคาส่งออกจะอยู่ที่ร้อยละ (-0.5) -0.5 ปรับจากร้อยละ (-1.0) - 0.0 ในการประมาณการครั้งก่อน เพื่อให้สอดคล้องกับ
การปรับสมมติฐานราคาน่ามันดิบและข้อมูลราคาสินค้าส่งออกในช่วงครึ่งแรกของปี เมื่อรวมกับการปรับลดสมมติฐานรายได้จากนักท่องเที่ยว
ต่างชาติ คาดว่าปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการในปี 2566 จะขยายตัวร้อยละ 5.0 เทียบกับร้อยละ 6.9 ในการประมาณการครั้งก่อน และ
ชะลอลงจากร้อยละ 6.8 ในปี 2565
4) มูลค่าการน เข้าสินค้าในรูปเงินดอลลาร์ สรอ. คาดว่าจะลดลงร้อยละ 1.1 เทียบกับการขยายตัวร้อยละ 14.0 ในปี 2565 และเทียบกับการลดลง
ร้อยละ 1.9 ในการประมาณการครั้งก่อน โดยคาดว่าปริมาณการน่าเข้าจะลดลงร้อยละ 0.6 เทียบกับการลดลงร้อยละ 0.4 ในการประมาณการครั้งก่อน
ตามแนวโน้มการลดลงของการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชน ในขณะที่คาดว่าราคาน่าเข้าจะอยู่ที่ร้อยละ (-1.0) - 0.0 ปรับจากร้อยละ
(-2.0) - (-1.0) เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับสมมติฐานราคาน่ามันดิบและข้อมูลราคาสินค้าน่าเข้าในช่วงครึ่งแรกของปี ท่าให้คาดว่าปริมาณ
การน่าเข้าสินค้าและบริการในปี 2566 จะขยายตัวร้อยละ 1.1 ลดลงจากร้อยละ 1.6 ในการประมาณการครั้งก่อน และชะลอลงจากร้อยละ 4.1
ในปี 2565
5) ดุลการค้า คาดว่าจะเกินดุล 1.16 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. เทียบกับการเกินดุล 1.35 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. ในปี 2565 และใกล้เคียงกับ
การเกินดุล 1.14 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. ในการประมาณการครั้งก่อน เมื่อรวมกับดุลบริการที่กลับมาเกินดุลตามการเพิ่มขึ้นของรายได้จาก
นักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2566 จะเกินดุล 6.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. หรือคิดเป็นร้อยละ 1.2 ของ GDP เทียบกับ
การขาดดุล 1.47 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. หรือคิดเป็นการขาดดุลร้อยละ 3.0 ของ GDP ในปี 2565
6) เส ยรภาพทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2566 คาดว่าจะอยู่ในช่วงร้อยละ 1.7 - 2.2 (ค่ากลางการประมาณการร้อยละ 2.0)
ปรับลดลงจากการประมาณการครั้งก่อนที่ช่วงร้อยละ 2.5 - 3.5 (ค่ากลางการประมาณการร้อยละ 3.0) และลดลงจากร้อยละ 6.1 ในปี 2565
สอดคล้องกับการปรับลดสมมติฐานราคาน่ามัน และแนวโน้มการลดลงของราคาสินค้าหมวดพลังงานและอาหารสดเป็นส่าคัญ
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 40
Economic Outlook NESDC
การบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่เหลือของปี 2566 ควรให้ความส่าคัญกับ
1) การรักษาบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเม องภายในประเทศ ซึ่งรวมถึงการให้ความส่าคัญกับการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
การติดตามป้องกันผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงินและระบบเศรษฐกิจโลก รวมทั้งปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
ที่อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวและเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิด
2) การรักษาแรงขับเคล อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐโดยให้ความส่าคัญกับ (1) การเบิกจ่ายจากงบประมาณ
รายจ่ายเหลื่อมปีและงบลงทุนรัฐวิสาหกิจในช่วงที่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ่าปี 2567 ยังมีความล่าช้า (2) การเร่งรัดกระบวนการ
งบประมาณรายจ่ายประจ่าปีงบประมาณ 2567 (3) การเตรียมความพร้อมของโครงการให้มีความพร้อมส่าหรับการจัดซื้อจัดจ้างและการเบิกจ่ายได้
โดยเร็วหลังจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจ่าปี 2567 มีผลใช้บังคับ และ (4) การก่าหนดเป้าหมายและติดตามผลการเบิกจ่ายของ
หน่วยงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเบิกจ่าย
3) การสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวเน องโดยให้ความส่าคัญกับ (1) การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและการสร้าง
การรับรู้ต่อมาตรการ Long-term resident visa (LTR) เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพและมีก่าลังซื้อสูงโดยเฉพาะกลุ่มพ่านักระยะยาว
ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวให้มากขึ้นโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศในกลุ่มอาเซียน และเอเชีย รวมทั้งนักท่องเที่ยวจีน
ซึ่งมีแนวโน้มจะเดินทางเข้ามาในไทยมากขึ้นในช่วงวันหยุดประจ่าปี Golden Week ในช่วงครึ่งหลังของปี (2) การส่งเสริมการท่องเที่ยว
ภายในประเทศโดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองที่มีศักยภาพแต่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ และ (3) การส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยว
คุณภาพสูง และยกระดับศักยภาพและฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพและยั่งยืน
4) การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกรโดยให้ความส่าคัญกับ (1) การป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากความแปรปรวนของสภาพ
ภูมิอากาศโดยเฉพาะด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน่าให้มีเพียงพอต่อการผลิต และการเตือนภัยในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อภัยแล้ง (2) การเพิ่ม
ส่วนแบ่งให้เกษตรกรมีรายได้จากการจ่าหน่ายผลผลิตขั้นสุดท้ายมากขึ้น (3) การด่าเนินมาตรการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแก่เกษตรกรผ่านการส่งเสริม
รูปแบบและพัฒนาระบบประกันภัยพืชผลจากความเสี่ยงของสภาพอากาศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ (4) การบรรเทาผลกระทบจากปัญหา
ต้นทุนวัตถุดิบทางการเกษตรที่ยังอยู่ในระดับสูง
5) การขับเคล อนภาคการส่งออกสินค้าเพื่อไม่ให้เป็นข้อจ่ากัดต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากเกินไปโดยให้ความส่าคัญกับ (1) การอ่านวย
ความสะดวกและลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก (2) การเร่งรัดการส่งออกสินค้าไปยังตลาดที่ยังมีแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในเกณฑ์ดี
และการสร้างตลาดใหม่ที่มีก่าลังซื้อสูง อาทิ ตลาดตะวันออกกลาง เอเชียใต้ อาเซียน และการค้าชายแดน (3) การขับเคลื่อนการส่งออกสินค้าที่มี
โอกาสได้รับประโยชน์จากมาตรการกีดกันทางการค้าทั้งในตลาดสหรัฐฯ และจีน ควบคู่กับการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่มีฐานการผลิตทั้งใน
ประเทศไทยและในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าเพิ่มการใช้ก่าลังการผลิตในประเทศไทย (4) การใช้ประโยชน์จากกรอบ
ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ควบคู่ไปกับการเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรีที่ก่าลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา
และเตรียมศึกษาเพื่อเจรจากับประเทศคู่ค้าส่าคัญใหม่ ๆ (5) การป้องกันและแก้ไขปัญหากีดกันทางการค้าโดยเฉพาะมาตรการที่ไม่ใช่มาตรการทาง
ภาษีของประเทศคู่ค้าส่าคัญ ๆ ได้แก่ มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) ร่างกฎหมาย Clean competition
act ของสหรัฐฯ เป็นต้น (6) การส่งเสริมให้ภาคธุรกิจบริหารจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และ (7) การยกระดับ
ขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการส่งออก ให้มีคุณภาพและมาตรฐานตรงตามความต้องการและข้อก่าหนดของประเทศผู้น่าเข้า ควบคู่ไปกับ
การปรับโครงสร้างการผลิตไปสู่การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงมากขึ้น
6) การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน โดยให้ความส่าคัญกับ (1) การเร่งรัดให้ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติและออกบัตรส่งเสริมการลงทุนในช่วงปี
2563 - 2565 ให้เกิดการลงทุนจริง (2) การแก้ไขปัญหาที่นักลงทุนและผู้ประกอบการต่างประเทศเห็นว่าเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและ
การประกอบธุรกิจ รวมทั้งปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการผลิต ควบคู่ไปกับการพัฒนาก่าลังแรงงานเพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย
(3) การด่าเนินมาตรการส่งเสริมการลงทุนเชิงรุกผ่านการพิจารณาให้สิทธิประโยชน์และการอ่านวยความสะดวกภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งเสริม
การลงทุน 5 ปี (2566-2570) เพื่อดึงดูดนักลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมและบริการเป้าหมายให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น (4) การส่งเสริม
การลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษต่าง ๆ ที่ได้ด่าเนินการไปแล้ว และการขับเคลื่อนพื้นที่ระเบียง
เศรษฐกิจพิเศษในแต่ละภูมิภาค และ (5) การขับเคลื่อนการลงทุนพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งที่ส่าคัญ ๆ
ให้เป็นไปตามแผนที่ก่าหนดไว้
6. ประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาค
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 41
Economic Outlook NESDC
ส นการณ์การส่งออกสินค้าของไทยท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่มูลค่าโลก
ภายหลังสถานการณ์การค้าโลกเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ทั้งข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน การแพร่ระบาดของโควิด-19 และความขัดแย้ง
ระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอันเนื่องมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ
ประเทศเศรษฐกิจส่าคัญ ๆ เพื่อควบคุมแรงกดดันเงินเฟ้อ ส่งผลให้ปริมาณการค้าโลก (รวมสินค้าและบริการ) ในช่วงปี 2563 -2565 ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 2.6
ต่ากว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ 3.6 ในช่วง 3 ปีก่อนหน้า (ปี 2560 -2562)1
เมื่อพิจารณาอัตราการขยายตัวเฉลี่ยของมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม
และฟิลิปปินส์ ในช่วงปี 2563 -2565 พบว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 5.4 ต่ากว่าค่าเฉลี่ยในกลุ่มประเทศอาเซียน 6 ประเทศ ซึ่งอยู่ที่
ร้อยละ 10.5 โดยอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ มูลค่าการส่งออกสินค้าเฉลี่ยขยายตัวในเกณฑ์สูงร้อยละ 21.9 ร้อยละ 14.3 และร้อยละ 10.2 ตามล่าดับ
ขณะที่เวียดนามขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 6.7 สะท้อนให้เห็นศักยภาพการส่งออกที่มีความแตกต่างกันภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง
1
IMF, World Economic Outlook Database, April 2023
2
https://wits.worldbank.org/gvc/gvc-trade-table.html
3
การส่งออกรวม (Gross exports) ประกอบด้วย มูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นภายในประเทศ (DVA) รวมกับมูลค่าเพิ่มที่ต่างประเทศสร้างขึ้นแต่แฝงรวมอยู่ในการส่งออก (FVA) 21.9
14.3
10.2
6.7
5.4 4.5
10.5
0.0
5.0
10.0
15.0
20.0
25.0
อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ไทย ฟิลิปปินส์
อัตราการขยายตัวเฉลี่ยของมูลค่าการส่งออกสินค้า
ในกลุ่มประเทศอาเซียน ระหว่างปี 2563 ? 2565
ที่มา : Global Trade Atlas ค่านวณโดย สศช.
ร้อยละ
-40
-20
0
20
40
60
80
100
120
HS85: Electrical
Machinery And
Equipment And
Parts
HS84: Machinery
And Mechanical
Appliances
HS87: Vehicles
And Parts
HS39: Plastics
And Articles
Thereof
HS29: Organic
Chemicals
HS38:
Miscellaneous
Chemical
Products
%YoY
ที่มา: Global Trade Atlas ค่านวณโดย สศช.
อัตราการขยายตัวของมูลค่าส่งออกสินค้าส คัญของไทย
เทียบกับประเทศผู้ส่งออกหลักใน ASEAN (เทียบ 2565 กับ 2562)
ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์
หากพิจารณาอัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกในกลุ่มรายสินค้าส่าคัญของไทยในปี 2565 เปรียบเทียบกับปี 2562 (ก่อนโควิด-19) กับประเทศ
ในกลุ่มอาเซียนดังกล่าวพบว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยขยายตัวต่ากว่าหลายประเทศในกลุ่มอาเซียนในเกือบทุกหมวดสินค้าส่งออกส่าคัญ ได้แก่ เครื่องจักร
และอุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ บอยเลอร์ เครื่องจักรกล ยานพาหนะและชิ้นส่วน พลาสติกและของที่ท่าด้วยพลาสติก เคมีภัณฑ์และเคมีภัณฑ์อื่น ๆ
โดยหากจ่าแนกการส่งออกสินค้าของไทยเปรียบเทียบกับประเทศผู้ส่งออกอื่น ๆ ที่ส่าคัญไปยังกลุ่มประเทศต่าง ๆ จ่าแนกตามระดับรายได้ จะพบว่า สินค้าของ
ไทยในทุกประเภทมีสัดส่วนการส่งออกไปยังประเทศรายได้สูงค่อนข้างน้อย แต่มีสัดส่วนการส่งออกไปประเทศรายได้ต่าค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับประเทศผู้ส่งออก
รายอื่น จึงเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ท่าให้การส่งออกของไทยขยายตัวได้ในอัตราที่ต่ากว่าและการฟื้นตัวจะล่าช้ากว่าประเทศผู้ส่งออกรายอื่น ๆ
นอกจากนี้ ผลจากการวิเคราะห์สถานการณ์การส่งออกไทยภายใต้การเปลี่ยนแปลง
ของห่วงโซ่มูลค่าโลกในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา (2543 - 2564) ผ่านข้อมูลมูลค่าเพิ่มทาง
การค้า (Trade in Value Added: TiVA)2
ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) พบว่า การมี
ส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าโลกของไทยและกลุ่มประเทศอาเซียนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะการ
ส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่อยู่ในต่าแหน่งการเป็นประเทศผู้ผลิต
กลุ่มปลายน่า สะท้อนให้เห็นว่าการมีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าโลกที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเกิด
จากการเข้ามาลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพื่อเป็นฐานการผลิตในการส่งออกสินค้าโดย
จ่าเป็นต้องพึ่งพาการน่าเข้าสินค้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางจากต่างประเทศ ท่าให้สัดส่วน
มูลค่าเพิ่มที่ต่างประเทศได้สร้างขึ้นแต่แฝงรวมอยู่ในการส่งออก (Foreign Value Added:
FVA) ยังเพิ่มขึ้น แต่ในกรณีของมาเลเซีย พบว่า การมีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าโลกในการ
ส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมลดลง แต่ต่าแหน่งในห่วงโซ่มูลค่าโลกขยับสถานะมาเป็น
ประเทศผู้ส่งออกขั้นกลางน่ามากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการยกระดับขีดความสามารถในการผลิตสินค้าและพัฒนานวัตกรรมโดยสามารถลดการพึ่งพาการน่าเข้า
สินค้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางจากต่างประเทศเพื่อมาผลิตเป็นสินค้าส่งออก ขณะที่อินโดนีเซียมีสถานะเป็นประเทศผู้ผลิตขั้นกลางน่าที่ยังเน้นพึ่งพาปัจจัยการ
ผลิตภายในประเทศเป็นหลัก
ดังนั้น จึงจ่าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเพิ่มระดับการมีส่วนร่วมของภาคการผลิตไทยในห่วงโซ่มูลค่าโลก โดยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนภาคการผลิตไทยให้เข้าใกล้
การเป็นประเทศต้นน่าของห่วงโซ่อุปทานโลก ซึ่งต้องอาศัย (1) การวิจัยและพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าของไทยให้ตอบโจทย์ของคุณภาพและมาตรฐาน
สินค้าของผู้น่าเข้าที่เป็นตลาดรายได้สูง (2) การสร้างบรรยากาศที่ดีในการเอื้อต่อธุรกิจให้เพิ่มระดับการลงทุนใหม่ในระบบเศรษฐกิจ ทั้งในส่วนของการลงทุน
ในเครื่องจักร นวัตกรรม และการพัฒนาศักยภาพแรงงานของประเทศ (3) การพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการของไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs
ควบคู่ไปกับการพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนหรือแหล่งวัตถุดิบรายย่อยเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศ และ (4) การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากภาคบริการ
ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและธุรกิจ (Servicification) เพื่อช่วยสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจในห่วงโซ่มูลค่าโลก
0
20
40
60
80
100
2543 2564 2543 2564 2543 2564 2543 2564 2543 2564 2543 2564
อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม
สัดส่วนมูลค่าเพิ่มต่อการส่งออกรวม
(Foreign Value Added / Gross exports)
Domestic Value Added Foreign Value Added ร้อยละต่อการส่งออกรวม
ที่มา: TiVA Database (ADB MRIO) ค่านวณโดย สศช.
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 42
Economic Outlook NESDC
การแยกห่วงโซ่อุปทานระหว่างสหรัฐฯ และจีน (Decoupling)
การแข่งขันระหว่างสหรัฐฯ และจีนเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นนับตั้งแต่ปี 2561 จากการด่าเนินมาตรการกีดกันทางการค้า ซึ่งได้น่าไปสู่
การเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศที่ส่าคัญคือแนวโน้มการแยกห่วงโซ่อุปทาน (Decoupling) ระหว่างสหรัฐฯ และจีน
เนื่องจากทั้งสองประเทศเล็งเห็นถึงความส่าคัญของการสร้างความเข้มแข็งต่อระบบห่วงโซ่อุปทานในประเทศ โดยลดการพึ่งพาการน่าเข้าวัตถุดิบและ
ตลาดสินค้าของประเทศใดประเทศหนึ่งลง และหันไปน่าเข้าสินค้าจากแหล่งอื่น ๆ เพื่อเป็นทางเลือกมากขึ้นแทน โดยเฉพาะจากภูมิภาคเอเชียรวมทั้ง
ประเทศไทย
สัดส่วนการน เข้าสินค้าของสหรัฐฯ จากจีน (ร้อยละ)
(ร้อยละ) HS
Code
2546-
2550
2551-
2555
2556-
2560
2561-
2565
การน เข้าของสหรัฐฯ จากจีน ALL 14.4 18.2 20.7 18.4
กลุ่มสินค้าน เข้าของสหรัฐฯ จากจีนที่ส คัญ
กลุ่มสินค้าที่สัดส่วนลดลงหลังจากสงครามการค้า
เครื่องประมวลผล (รวม HDD, SSD) 8471 43.4 61.4 63.1 50.8
อุปกรณ์โทรศัพท์และสมาร์ทโฟน 8517 25.2 45.0 61.1 57.2
โทรทัศน์และอุปกรณ์ 8528 23.1 40.3 45.2 44.7
กลุ่มสินค้าที่สัดส่วนเริ่มลดลงตั้งแต่ก่อนสงครามการค้า
สินค้าเกษตรกรรม ปศุสัตว์ และประมง 01-15 5.5 5.9 5.2 3.5
สินค้าเกษตรกรรมและอาหารแปรรูป 16-24 4.0 5.5 4.9 3.4
สินค้ากลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 50-67 32.0 44.6 42.6 35.7
เฟอร์นิเจอร์และของเบ็ดเตล็ด 94-95 59.3 65.5 60.8 54.4
กลุ่มสินค้าที่สัดส่วนเพิ่มขึ้นหลังสงครามการค้า
สินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์ 28-38 3.9 6.3 7.2 7.5
อุปกรณ์บรรจุแบตเตอรี่ 8507 28.8 34.9 29.8 33.2
ยานยนต์และส่วนประกอบ 87 2.1 3.8 4.6 5.2
ที่มา: Global Trade Atlas
หมายเหตุ: HDD คือ Hard Disk Drive, SSD คือ Solid State Drive
สัดส่วนการน เข้าสินค้าของจีนจากสหรัฐฯ (ร้อยละ)
(ร้อยละ) HS
Code
2546-
2550
2551-
2555
2556-
2560
2561-
2565
การน เข้าของจีนจากสหรัฐฯ ALL 7.7 7.2 8.3 6.6
กลุ่มสินค้าน เข้าของจีนจากสหรัฐฯ ที่ส คัญ
กลุ่มสินค้าที่สัดส่วนลดลงหลังจากสงครามการค้า
ถั่วเหลือง 1201 40.6 44.0 37.4 25.4
สินค้ากลุ่มโลหะ 72-83 5.6 6.8 6.6 4.0
แผงวงจรไฟฟ้า 8542 5.4 4.6 4.9 3.8
รถยนต์นั่ง 8703 8.3 13.7 23.7 19.4
กลุ่มสินค้าที่สัดส่วนทรงตัวตั้งแต่ก่อนสงครามการค้า
เครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ท 8411 50.1 57.5 56.3 56.3
กลุ่มสินค้าที่สัดส่วนเพิ่มขึ้นหลังสงครามการค้า
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 1005 31.8 66.9 35.4 39.6
น่ามันดิบและสินค้าเกี่ยวเนื่อง 27 0.5 0.7 1.5 3.4
สินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์ 28-38 11.8 11.1 10.8 10.9
เครื่องจักรส่าหรับอิเล็กทรอนิกส์ 8486 15.4 14.4 15.6
อุปกรณ์ชั่ง ตวง วัด (รวมเครื่องมือแพทย์) 90 8.4 8.3 11.3 13.0
ที่มา: Global Trade Atlas
เมื่อพิจารณาการน่าเข้าของสหรัฐฯ จากจีน พบว่า ในช่วงก่อนสงครามการค้า สหรัฐฯ มีสัดส่วนการน่าเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ย
อยู่ที่ร้อยละ 17.8 ในช่วงปี 2546-2560 โดยมีสินค้าน่าเข้าที่ส่าคัญ ได้แก่ สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักร เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสงครามการค้า (ปี 2561-2565) สัดส่วนเฉลี่ยการน่าเข้าจากจีนลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 18.4 โดยสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มีสัดส่วน
ลดลงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า โดยเฉพาะ (1) เครื่องประมวลผล (รวม HDD, SSD) ลดลงจากร้อยละ 63.1 มาอยู่ที่ร้อยละ 50.8
(2) อุปกรณ์โทรศัพท์และสมาร์ทโฟน ลดลงจากร้อยละ 61.1 มาอยู่ที่ร้อยละ 57.2 และ (3) โทรทัศน์และอุปกรณ์ ลดลงจากร้อยละ 45.2 มาอยู่ที่ร้อยละ
44.7 อย่างไรก็ดี พบว่ามีสินค้าบางกลุ่มที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นในช่วงสงครามการค้า ได้แก่ (1) สินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ7.2 มาอยู่ที่ร้อยละ7.5
(2) อุปกรณ์บรรจุแบตเตอรี่ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 29.8 มาอยู่ที่ร้อยละ 33.2 และ (3) ยานยนต์และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.6 มาอยู่ที่
ร้อยละ 5.2
ด้านการน่าเข้าของจีนจากสหรัฐฯ พบว่า ในช่วงก่อนสงครามการค้า จีนมีสัดส่วนการน่าเข้าเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยร้อยละ 7.7 ในช่วงปี 2546-2560
โดยมีสินค้าน่าเข้าที่ส่าคัญ ได้แก่ ถั่วเหลือง เครื่องจักร น่ามันดิบ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงสงครามการค้า (ปี 2561 -2565) สัดส่วนการน่าเข้าจาก
สหรัฐฯ ของจีนลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 6.6 ซึ่งพบว่าสินค้าในหลายกลุ่มมีสัดส่วนปรับลดลง โดยเฉพาะ (1) ถั่วเหลือง ลดลงจากร้อยละ 37.4 มาอยู่ที่ร้อยละ
25.4 (2) สินค้ากลุ่มโลหะ ลดลงจากร้อยละ 6.6 มาอยู่ที่ร้อยละ 4.0 และ (3) รถยนต์นั่ง ลดลงจากร้อยละ 23.7 มาอยู่ที่ร้อยละ 19.4 อย่างไรก็ดี พบว่า
มีสินค้าบางกลุ่มมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นหลังจากสงครามการค้า เช่น (1) ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 35.4 มาอยู่ที่ร้อยละ 39.6 (2) น่ามันดิบและ
สินค้าเกี่ยวเนื่อง เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 3.4 และ (3) เครื่องจักรส่าหรับอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 14.4 มาอยู่ที่ร้อยละ 15.6
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 43
Economic Outlook NESDC
การแยกห่วงโซ่อุปทานระหว่างสหรัฐฯ และจีน (Decoupling) (ต่อ)
ขณะที่ทั้งสองประเทศเริ่มมีการปรับเปลี่ยนทิศทางการค้าระหว่างประเทศโดยมีการน่าเข้าสินค้าจาก ASEAN มากขึ้น เพื่อทดแทนการลดสัดส่วน
การน่าเข้าสินค้าจากอีกประเทศ เมื่อพิจารณาสัดส่วนการน่าเข้าสินค้าของสหรัฐฯ จาก ASEAN พบว่า สหรัฐฯ มีสัดส่วนการน่าเข้าเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนนับแต่
ช่วงที่เกิดสงครามการค้า โดยสัดส่วนเฉลี่ยการน่าเข้าสินค้าจาก ASEAN เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 6.5 ในช่วงปี 2556-2560 มาอยู่ที่ร้อยละ 9.2 ในช่วงปี 2561 -
2565 โดยมีกลุ่มสินค้าที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นที่ส่าคัญ ได้แก่ (1) สินค้าเกษตรและอาหารแปรรูป เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8.3 มาอยู่ที่ร้อยละ 12.1 ตามสัดส่วนการน่าเข้า
จากสิงคโปร์ (2) สินค้ากลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 19.3 มาอยู่ที่ร้อยละ 24.0 ตามสัดส่วนน่าเข้าจากเวียดนาม (3) อุปกรณ์โทรศัพท์และ
สมาร์ทโฟน เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 12.1 มาอยู่ที่ร้อยละ 21.2 ตามสัดส่วนการน่าเข้าจากเวียดนามที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยส่าคัญจากร้อยละ 3.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 13.8
(4) โทรทัศน์และอุปกรณ์ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.1 มาอยู่ที่ร้อยละ 6.5 ตามสัดส่วนน่าเข้าจากเวียดนามที่เพิ่มขึ้น (5) ยานยนต์และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ
0.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 1.0 ตามสัดส่วนน่าเข้าจากไทยที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.3 มาอยู่ที่ร้อยละ 0.5 และ (6) เฟอร์นิเจอร์และของเบ็ดเตล็ด เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8.2
มาอยู่ที่ร้อยละ 15.9 สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของการน่าเข้าจากเวียดนาม อย่างไรก็ตาม พบว่ามีสินค้าที่สัดส่วนลดลงหลังสงครามการค้า ได้แก่
สินค้าเกษตรกรรม ปศุสัตว์ และประมง ลดลงจากร้อยละ 10.6 มาอยู่ที่ร้อยละ 9.2
ด้านสัดส่วนการน่าเข้าสินค้าของจีนจาก ASEAN พบว่า จีนมีสัดส่วนการน่าเข้าเพิ่มขึ้นนับแต่ช่วงสงครามการค้า โดยสัดส่วนเฉลี่ยการน่าเข้าสินค้าของ
จีนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 11.3 ในช่วงปี 2556-2560 มาอยู่ที่ร้อยละ 14.0 ในช่วงปี 2561-2565 โดยมีกลุ่มสินค้าที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นหลายกลุ่มที่ส่าคัญ ได้แก่
(1) น่ามันดิบและสินค้าเกี่ยวเนื่อง เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 9.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 11.2 ตามสัดส่วนน่าเข้าจากมาเลเซีย (2) สินค้ากลุ่มโลหะ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.0
มาอยู่ที่ร้อยละ 15.1 ตามการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนน่าเข้าจากอินโดนีเซีย (3) เครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ท เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.2 มาอยู่ที่ร้อยละ 0.5 ตามสัดส่วน
น่าเข้าจากไทยที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.0 มาอยู่ที่ร้อยละ 0.2 (4) เครื่องจักรส่าหรับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8.9 มาอยู่ที่ร้อยละ 11.7
ตามสัดส่วนน่าเข้าจากสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 7.6 มาอยู่ที่ร้อยละ 9.5 และ (5) รถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.4 มาอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ตามสัดส่วนน่าเข้า
จากไทยที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.4 มาอยู่ที่ร้อยละ 1.6 อย่างไรก็ตาม พบว่ามีสินค้าบางกลุ่มที่มีสัดส่วนลดลงหลังจากสงครามการค้า ได้แก่ (1) ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ที่ลดลงจากร้อยละ 9.5 มาอยู่ที่ร้อยละ 4.0 และ (2) แผงวงจรไฟฟ้า ลดลงจากร้อยละ 19.4 มาอยู่ที่ร้อยละ 18.0
กล่าวโดยสรุปแล้ว ท่ามกลางกระแสความท้าทายของการแข่งขันทางเทคโนโลยีและทางการค้าอันน่าไปสู่การแยกห่วงโซ่อุปทานระหว่างสองประเทศ
มหาอ่านาจทั้งสหรัฐฯ และจีน ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่เพียงสองประเทศเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ของการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค ASEAN รวมทั้งไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น จึงจ่าเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อให้สามารถ
รับมือกับผลกระทบ ในขณะเดียวกันต้องสามารถแสวงหาและเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนที่จะเกิดขึ้นให้แก่ประเทศไทย โดยในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่า
แม้ว่าไทยจะได้รับผลประโยชน์จากการแยกห่วงโซ่อุปทานดังกล่าว แต่สัดส่วนน่าเข้าจากไทยยังคงอยู่ในระดับต่าเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในบางกลุ่ม
สินค้า เช่น สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่สหรัฐฯ มีสัดส่วนน่าเข้าเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากเวียดนาม และสิงคโปร์ เป็นต้น ดังนั้น เพื่อให้ไทยได้รับประโยชน์และ
มีบทบาทส่าคัญทางการค้าระหว่างสองประเทศ จึงจ่าเป็นต้องมุ่งเน้นพัฒนาและยกระดับนวัตกรรมการผลิตสินค้าส่งออกของประเทศเพื่อเข้าไปมีส่วนร่วม
ในห่วงโซ่การผลิตโลกมากขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างบรรยากาศที่ดีและการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ศักยภาพใหม่ และการให้ความส่าคัญกับ
การพัฒนาศักยภาพแรงงานของประเทศให้มีทักษะฝีมือตรงกับความต้องการ
สัดส่วนการน เข้าสินค้าของสหรัฐฯ จาก ASEAN (ร้อยละ)
(ร้อยละ) HS Code
จาก ASEAN จากไทย
2556-
2560
2561-
2565
2556-
2560
2561-
2565
การน เข้าของสหรัฐฯ จาก ASEAN ALL 6.5 9.2 1.3 1.5
กลุ่มสินค้าน เข้าของสหรัฐฯ จาก ASEAN ที่ส คัญ
กลุ่มสินค้าที่สัดส่วนเพิ่มขึ้นหลังสงครามการค้า
สินค้าเกษตรกรรมและอาหารแปรรูป 16-24 8.3 12.1 4.0 3.5
สินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์ 28-38 3.9 4.1 0.2 0.2
สินค้ากลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 50-67 19.3 24.0 1.0 0.9
เครื่องประมวลผล (รวม HDD, SSD) 8471 10.0 10.3 5.4 5.9
อุปกรณ์บรรจุแบตเตอรี่ 8507 4.5 6.2 0.1 0.2
อุปกรณ์โทรศัพท์และสมาร์ทโฟน 8517 12.1 21.2 2.9 3.1
โทรทัศน์และอุปกรณ์ 8528 4.1 6.5 2.5 1.8
ยานยนต์และส่วนประกอบ 87 0.5 1.0 0.3 0.5
เฟอร์นิเจอร์และของเบ็ดเตล็ด 94-95 8.2 15.9 0.7 0.9
กลุ่มสินค้าที่สัดส่วนลดลงหลังสงครามการค้า
สินค้าเกษตรกรรม ปศุสัตว์ และประมง 01-15 10.6 9.2 1.5 1.3
ที่มา: Global Trade Atlas
สัดส่วนการน เข้าสินค้าของจีนจาก ASEAN (ร้อยละ)
(ร้อยละ) HS Code
จาก ASEAN จากไทย
2556-
2560
2561-
2565
2556-
2560
2561-
2565
การน เข้าของจีนจาก ASEAN ALL 11.3 14.0 2.2 2.2
กลุ่มสินค้าน เข้าของจีนจาก ASEAN ที่ส คัญ
กลุ่มสินค้าที่สัดส่วนเพิ่มขึ้นหลังสงครามการค้า
น่ามันดิบและสินค้าเกี่ยวเนื่อง 27 9.5 11.2 0.5 0.2
สินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์ 28-38 8.9 9.3 2.0 1.6
สินค้ากลุ่มโลหะ 72-83 5.0 15.1 0.6 1.1
เครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ท 8411 0.2 0.5 0.0 0.2
เครื่องจักรส่าหรับอิเล็กทรอนิกส์ 8486 8.9 11.7 0.2 0.1
รถยนต์นั่ง 8703 0.4 1.7 0.4 1.6
อุปกรณ์ชั่ง ตวง วัด (รวมเครื่องมือแพทย์) 90 5.7 9.6 1.7 1.9
กลุ่มสินค้าที่สัดส่วนลดลงหลังสงครามการค้า
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 1005 9.5 4.0 2.4 0.0
แผงวงจรไฟฟ้า 8542 19.4 18.0 1.5 1.4
ที่มา: Global Trade Atlas
กองยุทธศาสตร์และการวางแผนเศรษฐกิจมหภาค 21 สิงหาคม 2566 44
Economic Outlook NESDC
รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ Email : mspo-center@nesdc.go.th หรือ โทร. 0-2280-4085 ต่อ 6504 และ 6459 www.nesdc.go.th
ประมาณการเศรษฐกิจ ปี 25661/
ข้อมูลจริง ประมาณการปี 2566
2563 2564 2565 ณ 15 พ.ค. 66 ณ 21 ส.ค. 66
GDP (ณ ราคาประจ่าปี: พันล้านบาท) 15,661.1 16,166.6 17,370.2 18,395.1 18,169.3
รายได้ต่อหัว (บาทต่อคนต่อปี) 225,311.4 231,986.1 248,677.2 262,633.3 259,409.3
GDP (ณ ราคาประจ่าปี: พันล้านดอลลาร์ สรอ.) 500.5 505.5 495.3 552.4 534.4
รายได้ต่อหัว (ดอลลาร์ สรอ. ต่อหัวต่อปี) 7,200.7 7,254.1 7,090.9 7,886.9 7,629.7
อัตราการขยายตัวของ GDP (CVM, %) -6.1 1.5 2.6 2.7 - 3.7 2.5 - 3.0
การลงทุนรวม (CVM, %)2/
-4.8 3.1 2.3 2.1 1.6
ภาคเอกชน (CVM, %) -8.1 3.0 5.1 1.9 1.5
ภาครัฐ (CVM, %) 5.1 3.4 -4.9 2.7 2.0
การบริโภคภาคเอกชน (CVM, %) -0.8 0.6 6.3 3.7 5.0
การอุปโภคภาครัฐบาล (CVM, %) 1.4 3.7 0.2 -2.6 -3.1
ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการ (ปริมาณ, %) -19.7 11.1 6.8 6.9 5.0
มูลค่าการส่งออกสินค้า (พันล้านดอลลาร์ สรอ.)3/ 227.0 270.6 285.2 280.8 280.1
อัตราการขยายตัว (มูลค่า, %)3/
-6.5 19.2 5.4 -1.6 -1.8
อัตราการขยายตัว (ปริมาณ, %)3/
-5.8 15.5 1.2 -1.1 -1.8
ปริมาณการน่าเข้าสินค้าและบริการ (ปริมาณ, %) -13.9 17.8 4.1 1.6 1.1
มูลค่าการน่าเข้าสินค้า (พันล้านดอลลาร์ สรอ.)3/ 186.6 238.2 271.6 269.4 268.5
อัตราการขยายตัว (มูลค่า, %)3/
-13.6 27.7 14.0 -1.9 -1.1
อัตราการขยายตัว (ปริมาณ, %)3/
-10.5 17.9 1.2 -0.4 -0.6
ดุลการค้า (พันล้านดอลลาร์ สรอ.) 40.4 32.4 13.5 11.4 11.6
ดุลบัญชีเดินสะพัด (พันล้านดอลลาร์ สรอ.) 20.9 -10.6 -14.7 7.9 6.6
ดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ GDP (%) 4.2 -2.1 -3.0 1.4 1.2
เงินเฟ้อ (%)
ดัชนีราคาผู้บริโภค -0.8 1.2 6.1 2.5 - 3.5 1.7 - 2.2
GDP Deflator -1.3 1.7 4.7 2.2 - 3.2 1.5 - 2.0
ที่มา: ส่านักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2566
หมายเหตุ:
1/ เป็นข้อมูลที่ค่านวณบนฐานบัญชีประชาชาติอนุกรมใหม่ ซึ่ง สศช. เผยแพร่ทาง www.nesdc.go.th
2/ การลงทุนรวม หมายถึง การสะสมทุนถาวรเบื้องต้น
3/ ตัวเลขการส่งออกและการน่าเข้าเป็นไปตามฐานของธนาคารแห่งประเทศไทย






          ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ