- ธนาคารพาณิชย์มีความต้องการลงทุนระยะสั้นเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการสำรองสภาพคล่องเผื่อการเบิกถอนไว้เพียงพอ และมีสภาพคล่องจากภาครัฐเพื่อเตรียมจ่ายเงินเดือนเข้าสู่ระบบ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงเล็กน้อย
- การซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดรองค่อนข้างเงียบ อัตราผลตอบแทน (Yield) และดัชนีราคาของพันธบัตรฯทรงตัว ในขณะที่ US Treasury Yield ปรับเพิ่มขึ้น สำหรับในตลาดแรกมีการประมูลเฉพาะตั๋วเงินคลังเท่านั้น
- เงินบาทปรับอ่อนค่าลงในช่วงต้นและปลายสัปดาห์ เนื่องจากเหตุการณ์ธรณีพิบัติใน 6 จังหวัดทางภาคใต้ การขาย เงินบาทเพื่อทำกำไร และการซื้อเงินดอลลาร์ สรอ. ของนักลงทุนเพื่อชำระหนี้และปรับฐานการลงทุนในช่วงสิ้นปี
สภาพคล่องและอัตราดอกเบี้ย
สภาพคล่องในตลาดเงินระยะสั้นทรงตัวอยู่ในระดับสูง เนื่องจากมี สภาพคล่องจากภาครัฐเพื่อเตรียมจ่ายเงินเดือนในช่วงสิ้นเดือนเข้าสู่ ระบบธนาคารพาณิชย์เป็นจำนวนมาก ประกอบกับธนาคารพาณิชย์ ส่วนใหญ่มีการสำรองสภาพคล่องล่วงหน้าไว้เพียงพอกับความ ต้องการเบิกถอนเงินสดของลูกค้าในช่วงสิ้นเดือนและช่วงเทศกาลปี ใหม่ ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์มีความต้องการลงทุนระยะสั้นเพิ่มขึ้น หนาแน่นในตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน อัตราดอกเบี้ยระยะ ดังกล่าวจึงปิดตลาดลดลงจากระดับร้อยละ 1.90625 ต่อปีในวันจันทร์ มาอยู่ที่ร้อยละ 1.875 ต่อปีในวันทำการที่เหลือของสัปดาห์ ในขณะที่ อัตราดอกเบี้ยระยะ 7 และ 14 วันปิดตลาดคงที่ตลอดสัปดาห์ในระดับ เท่ากันที่ร้อยละ 2.0 ต่อปี สำหรับอัตราดอกเบี้ย Interbank มีช่วง เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนเล็กน้อยมาอยู่ระหว่างร้อยละ 1.5 -- 2 แต่อัตรากลาง (Mode) ปิดตลาดลดลงจากร้อยละ 1.92 ต่อปี ในช่วงต้นสัปดาห์มาอยู่ที่ร้อยละ 1.9 ต่อปีในช่วงกลางถึงปลายสัปดาห์ สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนระยะ 1 วัน
ตลาดตราสารหนี้
ในรอบสัปดาห์มีการประมูลตราสารหนี้ภาครัฐเพียงประเภทเดียว คือ ตั๋วเงินคลัง ในวงเงินรวม 19,000 ล้านบาท โดยในวันจันทร์ที่ 27 ธ.ค. มีการประมูลตั๋วเงินคลัง อายุ 28 91 และ 182 วัน รวม 3 รุ่น วงเงิน 11,000 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนของตั๋วเงินคลังอายุ 28 วัน ลดลง จากสัปดาห์ก่อนค่อนข้างมาก ในขณะที่อีก 2 รุ่นอัตราผลตอบแทน ลดลงเล็กน้อย และในวันที่ 30 ธ.ค. มีการประมูลตั๋วเงินคลังอีก 2 รุ่น อายุ 92 และ 182 วัน วงเงิน 8,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตั๋วเงินคลังของ เดือน ม.ค. แต่เนื่องจากวันที่ 3 ม.ค. เป็นวันหยุดราชการจึงเปิด ประมูลในสัปดาห์นี้ โดยอัตราผลตอบแทนปรับตัวเพิ่มขึ้น มูลค่าซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดรองเท่ากับ 47,133 ล้านบาท หรือ เฉลี่ย 11,783 ล้านบาทต่อวัน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.6 โดย เป็นธุรกรรม Outright 31,268 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 66.3 ตั๋วเงิน คลังมีปริมาณการซื้อขายสูงสุด รองลงมาได้แก่ พันธบัตร ธปท. ภาวะ ตลาดที่ค่อนข้างเงียบในสัปดาห์สุดท้ายของปีทำให้อัตราผลตอบแทน (yield) โดยรวมของพันธบัตรฯ ส่วนใหญ่และดัชนีราคา (Clean price index) เกือบไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่ดัชนีราคาหุ้นกู้เอกชนลดลง จากสัปดาห์ก่อน 16 basis point
สำหรับ US Treasury Yield ได้ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงต้นถึงกลาง สัปดาห์หลังจากไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักในสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจาก เป็นเทศกาลคริสต์มาส แม้จะมีการปรับลดลงเล็กน้อยในปลายสัปดาห์ แต่ US Treasury Yield ณ สิ้นสัปดาห์ ( 31 ธ.ค. ) อายุ 1 - 5 ปี ปรับ เพิ่มขึ้น 5 - 7 basis point อายุ 7-10 ปี เพิ่มขึ้น 1-2 basis point
อัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ระหว่าง 38.97 - 39.08 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ท่ามกลางปริมาณการซี้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากเป็นช่วงใกล้สิ้นปี โดยเงินบาทมีค่าเฉลี่ยตลอดสัปดาห์ที่ 39.03 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงเล็กน้อยร้อยละ 0.05 จาก ค่าเฉลี่ยในสัปดาห์ก่อนหน้า ในช่วงต้นสัปดาห์เงินบาทอ่อนค่าลง ค่อนข้างมากจากปลายสัปดาห์ก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบทาง จิตวิทยาจากเหตุการณ์ธรณีพิบัติใน 6 จังหวัดทางภาคใต้ ซึ่งสร้าง ความเสียหายเป็นอย่างมาก รวมถึงส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เป็นจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ก่อนจะปรับแข็งค่า ขึ้นเล็กน้อยในวันอังคารตามการแข็งค่าของเงินเยน อย่างไรก็ตาม เงิน บาทมีทิศทางอ่อนค่าลงอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ โดยมีปัจจัยกดดัน จากแรงขายเงินบาทเพื่อทำกำไร ในขณะที่เงินดอลลาร์ สรอ. ได้รับ ปัจจัยสนับสนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่ออกมาสูง กว่าการคาดการณ์ของตลาด และการเข้าซื้อเงินดอลลาร์ สรอ. ของนัก ลงทุนเพื่อชำระหนี้และปรับฐานการลงทุนในช่วงสิ้นปี
--สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ--
-พห-
- การซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดรองค่อนข้างเงียบ อัตราผลตอบแทน (Yield) และดัชนีราคาของพันธบัตรฯทรงตัว ในขณะที่ US Treasury Yield ปรับเพิ่มขึ้น สำหรับในตลาดแรกมีการประมูลเฉพาะตั๋วเงินคลังเท่านั้น
- เงินบาทปรับอ่อนค่าลงในช่วงต้นและปลายสัปดาห์ เนื่องจากเหตุการณ์ธรณีพิบัติใน 6 จังหวัดทางภาคใต้ การขาย เงินบาทเพื่อทำกำไร และการซื้อเงินดอลลาร์ สรอ. ของนักลงทุนเพื่อชำระหนี้และปรับฐานการลงทุนในช่วงสิ้นปี
สภาพคล่องและอัตราดอกเบี้ย
สภาพคล่องในตลาดเงินระยะสั้นทรงตัวอยู่ในระดับสูง เนื่องจากมี สภาพคล่องจากภาครัฐเพื่อเตรียมจ่ายเงินเดือนในช่วงสิ้นเดือนเข้าสู่ ระบบธนาคารพาณิชย์เป็นจำนวนมาก ประกอบกับธนาคารพาณิชย์ ส่วนใหญ่มีการสำรองสภาพคล่องล่วงหน้าไว้เพียงพอกับความ ต้องการเบิกถอนเงินสดของลูกค้าในช่วงสิ้นเดือนและช่วงเทศกาลปี ใหม่ ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์มีความต้องการลงทุนระยะสั้นเพิ่มขึ้น หนาแน่นในตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน อัตราดอกเบี้ยระยะ ดังกล่าวจึงปิดตลาดลดลงจากระดับร้อยละ 1.90625 ต่อปีในวันจันทร์ มาอยู่ที่ร้อยละ 1.875 ต่อปีในวันทำการที่เหลือของสัปดาห์ ในขณะที่ อัตราดอกเบี้ยระยะ 7 และ 14 วันปิดตลาดคงที่ตลอดสัปดาห์ในระดับ เท่ากันที่ร้อยละ 2.0 ต่อปี สำหรับอัตราดอกเบี้ย Interbank มีช่วง เคลื่อนไหวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนเล็กน้อยมาอยู่ระหว่างร้อยละ 1.5 -- 2 แต่อัตรากลาง (Mode) ปิดตลาดลดลงจากร้อยละ 1.92 ต่อปี ในช่วงต้นสัปดาห์มาอยู่ที่ร้อยละ 1.9 ต่อปีในช่วงกลางถึงปลายสัปดาห์ สอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนระยะ 1 วัน
ตลาดตราสารหนี้
ในรอบสัปดาห์มีการประมูลตราสารหนี้ภาครัฐเพียงประเภทเดียว คือ ตั๋วเงินคลัง ในวงเงินรวม 19,000 ล้านบาท โดยในวันจันทร์ที่ 27 ธ.ค. มีการประมูลตั๋วเงินคลัง อายุ 28 91 และ 182 วัน รวม 3 รุ่น วงเงิน 11,000 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนของตั๋วเงินคลังอายุ 28 วัน ลดลง จากสัปดาห์ก่อนค่อนข้างมาก ในขณะที่อีก 2 รุ่นอัตราผลตอบแทน ลดลงเล็กน้อย และในวันที่ 30 ธ.ค. มีการประมูลตั๋วเงินคลังอีก 2 รุ่น อายุ 92 และ 182 วัน วงเงิน 8,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตั๋วเงินคลังของ เดือน ม.ค. แต่เนื่องจากวันที่ 3 ม.ค. เป็นวันหยุดราชการจึงเปิด ประมูลในสัปดาห์นี้ โดยอัตราผลตอบแทนปรับตัวเพิ่มขึ้น มูลค่าซื้อขายตราสารหนี้ในตลาดรองเท่ากับ 47,133 ล้านบาท หรือ เฉลี่ย 11,783 ล้านบาทต่อวัน ลดลงจากสัปดาห์ก่อนร้อยละ 5.6 โดย เป็นธุรกรรม Outright 31,268 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 66.3 ตั๋วเงิน คลังมีปริมาณการซื้อขายสูงสุด รองลงมาได้แก่ พันธบัตร ธปท. ภาวะ ตลาดที่ค่อนข้างเงียบในสัปดาห์สุดท้ายของปีทำให้อัตราผลตอบแทน (yield) โดยรวมของพันธบัตรฯ ส่วนใหญ่และดัชนีราคา (Clean price index) เกือบไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่ดัชนีราคาหุ้นกู้เอกชนลดลง จากสัปดาห์ก่อน 16 basis point
สำหรับ US Treasury Yield ได้ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงต้นถึงกลาง สัปดาห์หลังจากไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักในสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจาก เป็นเทศกาลคริสต์มาส แม้จะมีการปรับลดลงเล็กน้อยในปลายสัปดาห์ แต่ US Treasury Yield ณ สิ้นสัปดาห์ ( 31 ธ.ค. ) อายุ 1 - 5 ปี ปรับ เพิ่มขึ้น 5 - 7 basis point อายุ 7-10 ปี เพิ่มขึ้น 1-2 basis point
อัตราแลกเปลี่ยน
ค่าเงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ระหว่าง 38.97 - 39.08 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ท่ามกลางปริมาณการซี้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากเป็นช่วงใกล้สิ้นปี โดยเงินบาทมีค่าเฉลี่ยตลอดสัปดาห์ที่ 39.03 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. อ่อนค่าลงเล็กน้อยร้อยละ 0.05 จาก ค่าเฉลี่ยในสัปดาห์ก่อนหน้า ในช่วงต้นสัปดาห์เงินบาทอ่อนค่าลง ค่อนข้างมากจากปลายสัปดาห์ก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบทาง จิตวิทยาจากเหตุการณ์ธรณีพิบัติใน 6 จังหวัดทางภาคใต้ ซึ่งสร้าง ความเสียหายเป็นอย่างมาก รวมถึงส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เป็นจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ก่อนจะปรับแข็งค่า ขึ้นเล็กน้อยในวันอังคารตามการแข็งค่าของเงินเยน อย่างไรก็ตาม เงิน บาทมีทิศทางอ่อนค่าลงอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ โดยมีปัจจัยกดดัน จากแรงขายเงินบาทเพื่อทำกำไร ในขณะที่เงินดอลลาร์ สรอ. ได้รับ ปัจจัยสนับสนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่ออกมาสูง กว่าการคาดการณ์ของตลาด และการเข้าซื้อเงินดอลลาร์ สรอ. ของนัก ลงทุนเพื่อชำระหนี้และปรับฐานการลงทุนในช่วงสิ้นปี
--สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ--
-พห-