แท็ก
วารสาร
ตารางสรุปการจัดอันดับประเทศของ 3 สถาบัน
Globalization Index Competitiveness Index Growth Competitiveness Index
ของสถาบัน A.T.Kearny และ ของ IMD ของ WEF
วารสาร Foreign Policy
1. จำนวนประเทศที่เข้า 62 ประเทศ 61 ประเทศ ประเทศ 125
ร่วมในการจัดอันดับ
2. เกณฑ์การจัดอันดับ 1. การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ 1. ด้านเศรษฐกิจ 1. ดัชนีขั้นพื้นฐาน
2. การติดต่อระหว่างบุคคล 2. ความมีประสิทธิภาพของภาครัฐ 2. ดัชนีการเพิ่มประสิทธิภาพ
3. การเชื่อมต่อระบบเทคโนโลยี 3. ความมีประสิทธิภาพของภาคเอกชน 3. ดัชนีนวัตกรรม และปัจจัยที่มี
สารสนเทศ 4. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความซับซ้อน
4. การเข้าร่วมทางการเมืองระหว่าง
ประเทศ
3. อันดับของประเทศ อันดับดีขึ้น อันดับลดลง อันดับลดลง ( )
ไทย ปี 2549: อันดับ 45 ปี 2549: อันดับ 32 ปี 2549: อันดับ 35
ปี 2548: อันดับ 46 ปี 2548: อันดับ 27 ปี 2548: อันดับ 33
4. ผลการจัดอันดับของ 1. การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ 1. ด้านเศรษฐกิจ (อันดับ 21 ( )): 1. ดัชนีขั้นพื้นฐาน อันดับ 38
ประเทศไทย (อันดับ 16 : - เศรษฐกิจภายในประเทศ: อันดับ 55 - ด้านสถาบัน อันดับ 40
- การค้า: อันดับ 6 - การค้าระหว่างประเทศ: อันดับ 15 - ด้านโครงสร้างพื้นฐาน อันดับ 38
- การลงทุนโดยตรงระหว่าง - การลงทุนระหว่าประเทศ: อันดับ 47 - ด้านเศรษฐกิจมหภาค อันดับ 28
ประเทศ: อันดับ 56 - การจ้างงาน: อันดับ 6 - ด้านสุขภาพ และ การศึกษา
2. การติดต่อระหว่างบุคคล - ระดับราคาสินค้า: อันดับ 9 ขั้นพื้นฐาน อันดับ 84
(อันดับ 49 : 2. ความมีประสิทธิภาพของภาครัฐ 2. ดัชนีด้านการเพิ่ม
- การใช้โทรศัพท์ระหว่าง (อันดับ 21 ): ประสิทธิภาพ อันดับ 43
ประเทศ: อันดับ 53 - ฐานะการคลัง: อันดับ 21 - ด้านการอบรมและการศึกษา
- การเดินทางและท่องเที่ยวระหว่าง - นโยบายการคลัง: อันดับ 4 ขั้นสูง อันดับ 42
ประเทศ: อันดับ 42 - โครงสร้างของสถาบันภาครัฐ: อันดับ - ด้านประสิทธิภาพตลาด
- การเคลื่อนย้ายเงินทุนและ 25 อันดับ 31
แรงงานข้ามประเทศ: อันดับ - กฎหมายธุรกิจ: อันดับ 33 - ความพร้อมด้านเทคโนโลยี
31 - โครงสร้างของสังคม: อันดับ 39 อันดับ 48
3. การเชื่อมต่อระบบเทคโนโลยี 3. ความมีประสิทธิภาพของภาคเอกชน
สารสนเทศ(อันดับ 41 ลดลง): (อันดับ 28 :
- จำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ต: อันดับ - ผลิตภาพด้านการผลิต: อันดับ 48 3. ดัชนีด้านปัจจันนวัตกรรม
41 - ตลาดแรงงาน: อันดับ 36 และปัจจัยที่มีความซับซ้อน
- จำนวนผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต: - สภาวะการเงิน: อันดับ 41 อันดับ 36
อันดับ 38 - การบริหารจัดการ: อันดับ 26 - ความซับซ้อนทางธุรกิจ
- ระบบรักษาความปลอดภัยใน - ทัศนคติและค่านิยม: อันดับ 20 อันดับ 40
เซิร์ฟเวอร์: อันดับ 40 - ด้านนวัตกรรม อันดับ 33
4. การเข้าร่วมทางการเมือง 4. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (อันดับ 48
ระหว่างประเทศ (ลดลง)):
(อันดับ 57 ( )): - โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น: อันดับ 38
- การเข้าร่วมเป็นสมาชิกใน - ด้านเทคโนโลยี: อันดับ 48
องค์การระหว่างประเทศ: - ด้านวิทยาศาสตร์: อันดับ 53
อันดับ 25 - สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม: อันดับ 48
- การให้ความช่วยเหลือด้าน - ด้านการศึกษา: อันดับ 48
กำลังคนและการเงินในการ
รักษาสันติภาพของ UN:
อันดับ 56
- การให้คำรับรองสนธิสัญญา
ระหว่างประเทศ: อันดับ 52
- การเคลื่อนย้ายเงินทุนภาครัฐ:
อันดับ 43
5. อันดับของไทยเทียบ อยู่ในอันดับ 7 จาก 10 ประเทศ อยู่ในอันดับที่ 8 จาก 11 ประเทศ อยู่ในอันดับที่ 6 จาก 11 ประเทศ
กับประเทศในเอเซีย
5.1 ประเทศที่อยู่ 1. สิงคโปร์ (อันดับ 1) 1. ฮ่องกง (อันดับ 2) 1. สิงคโปร์ (อันดับ 5)
อันดับสูงกว่าไทย 2. มาเลเซีย (อันดับ 19) 2. สิงคโปร์ (อันดับ 3) 2. ญี่ปุ่น (อันดับ 7)
3. ญี่ปุ่น (อันดับ 28) 3. ญี่ปุ่น (อันดับ 17) 3. ไต้หวัน (อันดับ 13)
4. เกาหลีใต้ (อันดับ 29) 4. ไต้หวัน (อันดับ 18) 4. เกาหลีใต้ (อันดับ 24)
5. ฟิลิปปินส์ (อันดับ 31) 5. จีน (อันดับ 19) 5. มาเลเซีย (อันดับ 26)
6. ไต้หวัน (อันดับ 35) 6. มาเลเซีย (อันดับ 23)
7. อินเดีย (อันดับ 29)
5.2 ประเทศที่อยู่ 1. จีน (อันดับ 51) 1. เกาหลี (อันดับ 38) 1. อินเดีย (อันดับ 43)
อันดับต่ำกว่าไทย 2. อินโดนีเซีย (อันดับ 60) 2. ฟิลิปปินส์ (อันดับ 49) 2. อินโดนีเซีย (อันดับ 50)
3. อินเดีย (อันดับ 61) 3. อินโดนีเซีย (อันดับ 60) 3. ฟิลิปปินส์ (อันดับ 71)
4. เวียดนาม (อันดับ 77)
6. จุดแข็ง - การค้าระหว่างประเทศ - นโยบายการคลัง - ด้านเศรษฐกิจมหภาค
- การจ้างงาน - ด้านประสิทธิภาพตลาด
- ตลาดแรงงาน
จุดอ่อน - การลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศ - เศรษฐกิจภายในประเทศ - ด้านสุขภาพ และ การศึกษาขั้น
- การให้ความช่วยเหลือทางด้าน - การวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และ พื้นฐาน
กำลังคนและด้านการเงินในการ เทคโนโลยี - ความพร้อมด้านเทคโนโลยี
รักษาสันติภาพของ UN
การจัดอันดับประเทศ
ปัจจุบันได้มีความพยายามที่จะจัดอันดับประเทศทั่วโลกในมิติต่างๆ ทั้งในแง่ความเป็นโลกาภิวัตน์ และความสามารถในการแข่งขันของ
ประเทศ โดยสถาบันที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ได้แก่ สถาบัน A.T.Kearny ร่วมกับวารสาร Foreign Policy ได้จัดอันดับความเป็น
โลกาภิวัตน์ ในขณะที่ International Institute of Management Development (IMD) และ World Economic Forum (WEF) ได้จัด
อันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
1. การจัดอันดับความเป็นโลกาภิวัตน์ของสถาบัน A.T.Kearny และวารสาร Foreign Policy
1.1 การจัดอันดับความเป็นโลกาภิวัตน์ประจำปี 2549
1) ภาพรวม: สถาบัน A.T.Kearny และวารสาร Foreign Policy ได้ร่วมกันจัดทำการ
จัดอันดับความเป็นโลกาภิวัตน์ (Globalization Index : GI) มาตั้งแต่ปี 2543 และใน
ปี 2549 มีประเทศเข้าร่วมในการจัดอันดับทั้งสิ้น 62 ประเทศ ประกอบด้วยประเทศ
พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมใน
ประเทศ (GDP) ประมาณร้อยละ 96 ของ GDP โลก และมีจำนวนประชากรรวมกัน
แล้วคิดเป็นร้อยละ 85 ของประชากรโลก ซึ่งข้อมูลที่นำมาใช้ในการคำนวณหาดัชนี
ดังกล่าวนี้ได้มาจากธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ องค์การ
สหประชาชาติ และ International Telecommunication Union
2) เกณฑ์การจัดอันดับ: ในการจัดทำดัชนีมีเกณฑ์การจัดอันดับ 4 ด้านหลัก คือ (1)
การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ (Economic Integration) (2) การติดต่อระหว่างบุคคล
(Personal Contact) (3) การเชื่อมต่อระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Technological
Connectivity) และ (4) การเข้าร่วมทางการเมืองระหว่างประเทศ (Political
Engagement) ในแต่ละด้านหลักประกอบด้วยเกณฑ์ย่อยที่ใช้ในการพิจารณาทั้งสิ้น
12 ด้าน โดยข้อมูลที่ใช้ในการจัดอันดับในปี 2549 นี้เป็นข้อมูลของปี 2547(ค)
3) ผล 3 อันดับแรก: ประเทศที่ได้รับการจัดอันดับการจัดอันดับความเป็นโลกาภิวัตน์
สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
(1) สิงคโปร์ที่ ยังคงรักษาอันดับ 1 ไว้ได้เช่นเดียวกับปีที่แล้ว เนื่องจากได้รับการประเมินว่าปัจจัยการรวม
กลุ่มทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทั้งทางด้านการค้า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ รวมทั้งยังมีจุดเด่นในเรื่องการติดต่อระหว่างบุคคลทั้งในแง่การ
ใช้โทรศัพท์ระหว่างประเทศและการเดินทางระหว่างประเทศ
(2) สวิสเซอร์แลนด์ มีอันดับดีขึ้นจากปีที่แล้ว 1 อันดับ คือจากอันดับที่ 3 ในปี 2548 มาเป็นอันดับที่ 2 ใน
ปี 2549 เนื่องจากมีจุดเด่นที่สำคัญได้แก่การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ UN ในการรักษาสันติภาพ รวมทั้งมีการเชื่อมโยงระหว่างบุคคลที่ดีทั้ง
ในแง่การใช้โทรศัพท์ระหว่างประเทศ การเคลื่อนย้ายเงินทุน และแรงงานข้ามประเทศ
(3) สหรัฐอเมริกา มีอันดับดีขึ้นจากปีที่แล้ว 1 อันดับ เนื่องจากยังคงรักษาความเข้มแข็งทางด้าน
เทคโนโลยีไว้ได้เป็นอย่างดี คือเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น แล้วมีจำนวนผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตมากที่สุด และมีระบบรักษาความปลอดภัยใน
เซิร์ฟเวอร์ดีที่สุด ตลอดจนมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจำนวนมาก อีกทั้ง ยังได้เข้าร่วมทางการเมืองระหว่างประเทศผ่านการให้ความช่วย
เหลือทางด้านการเงินในการรักษาสันติภาพ UN เพิ่มมากขึ้น
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ
(ค) ปี 2547 เป็นปีที่มีการรวมกลุ่มทางการเมืองระดับโลกที่เข้มแข็งมาก โดยเห็นได้จากกลุ่ม EU, NATO และ WTO รับชาติสมาชิกใหม่
เพิ่มขึ้น โดย EU รับเพิ่มอีก 10 ประเทศ NATO 7 ประเทศ และ WTO 2 ประเทศ (ได้แก่ กัมพูชา และเวียดนาม) นอกจากนี้ยังมีการวางระเบิด
ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ซึ่งส่งผลให้ประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรปเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด อีกทั้งในปี
2547 ความเป็นโลกาภิวัตน์ยังอยู่ในระดับที่ดี เนื่องจากการค้าระหว่างประเทศของโลกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 และยังส่งผลให้ประเทศกำลังพัฒนาได้รับส่วน
แบ่งจากกำไรอันเนื่องมาจากการเพิ่มสูงขึ้นของราคาสินค้าอีกด้วย (ทั้งนี้สาเหตุหลักมาจากความต้องการสินค้าจากประเทศจีนมีมากขึ้น) นอกจากนี้ ยังมี
การลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย (เพิ่มขึ้นร้อยละ
45) และในละตินอเมริกา (เพิ่มขึ้นร้อยละ 44) รวมทั้งยังมีการให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินและกำลังคนในการรักษาสันติภาพของ UN ใน
สงครามอิรัก ตลอดจนมีการเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากของการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศ และการใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศกำลังพัฒนา เช่น
อินโดนีเซีย โมรอคโค ไนจีเรีย และเซเนกัล เป็นต้น
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
(ยังมีต่อ).../ความเป็นโลกา..
Globalization Index Competitiveness Index Growth Competitiveness Index
ของสถาบัน A.T.Kearny และ ของ IMD ของ WEF
วารสาร Foreign Policy
1. จำนวนประเทศที่เข้า 62 ประเทศ 61 ประเทศ ประเทศ 125
ร่วมในการจัดอันดับ
2. เกณฑ์การจัดอันดับ 1. การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ 1. ด้านเศรษฐกิจ 1. ดัชนีขั้นพื้นฐาน
2. การติดต่อระหว่างบุคคล 2. ความมีประสิทธิภาพของภาครัฐ 2. ดัชนีการเพิ่มประสิทธิภาพ
3. การเชื่อมต่อระบบเทคโนโลยี 3. ความมีประสิทธิภาพของภาคเอกชน 3. ดัชนีนวัตกรรม และปัจจัยที่มี
สารสนเทศ 4. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความซับซ้อน
4. การเข้าร่วมทางการเมืองระหว่าง
ประเทศ
3. อันดับของประเทศ อันดับดีขึ้น อันดับลดลง อันดับลดลง ( )
ไทย ปี 2549: อันดับ 45 ปี 2549: อันดับ 32 ปี 2549: อันดับ 35
ปี 2548: อันดับ 46 ปี 2548: อันดับ 27 ปี 2548: อันดับ 33
4. ผลการจัดอันดับของ 1. การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ 1. ด้านเศรษฐกิจ (อันดับ 21 ( )): 1. ดัชนีขั้นพื้นฐาน อันดับ 38
ประเทศไทย (อันดับ 16 : - เศรษฐกิจภายในประเทศ: อันดับ 55 - ด้านสถาบัน อันดับ 40
- การค้า: อันดับ 6 - การค้าระหว่างประเทศ: อันดับ 15 - ด้านโครงสร้างพื้นฐาน อันดับ 38
- การลงทุนโดยตรงระหว่าง - การลงทุนระหว่าประเทศ: อันดับ 47 - ด้านเศรษฐกิจมหภาค อันดับ 28
ประเทศ: อันดับ 56 - การจ้างงาน: อันดับ 6 - ด้านสุขภาพ และ การศึกษา
2. การติดต่อระหว่างบุคคล - ระดับราคาสินค้า: อันดับ 9 ขั้นพื้นฐาน อันดับ 84
(อันดับ 49 : 2. ความมีประสิทธิภาพของภาครัฐ 2. ดัชนีด้านการเพิ่ม
- การใช้โทรศัพท์ระหว่าง (อันดับ 21 ): ประสิทธิภาพ อันดับ 43
ประเทศ: อันดับ 53 - ฐานะการคลัง: อันดับ 21 - ด้านการอบรมและการศึกษา
- การเดินทางและท่องเที่ยวระหว่าง - นโยบายการคลัง: อันดับ 4 ขั้นสูง อันดับ 42
ประเทศ: อันดับ 42 - โครงสร้างของสถาบันภาครัฐ: อันดับ - ด้านประสิทธิภาพตลาด
- การเคลื่อนย้ายเงินทุนและ 25 อันดับ 31
แรงงานข้ามประเทศ: อันดับ - กฎหมายธุรกิจ: อันดับ 33 - ความพร้อมด้านเทคโนโลยี
31 - โครงสร้างของสังคม: อันดับ 39 อันดับ 48
3. การเชื่อมต่อระบบเทคโนโลยี 3. ความมีประสิทธิภาพของภาคเอกชน
สารสนเทศ(อันดับ 41 ลดลง): (อันดับ 28 :
- จำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ต: อันดับ - ผลิตภาพด้านการผลิต: อันดับ 48 3. ดัชนีด้านปัจจันนวัตกรรม
41 - ตลาดแรงงาน: อันดับ 36 และปัจจัยที่มีความซับซ้อน
- จำนวนผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต: - สภาวะการเงิน: อันดับ 41 อันดับ 36
อันดับ 38 - การบริหารจัดการ: อันดับ 26 - ความซับซ้อนทางธุรกิจ
- ระบบรักษาความปลอดภัยใน - ทัศนคติและค่านิยม: อันดับ 20 อันดับ 40
เซิร์ฟเวอร์: อันดับ 40 - ด้านนวัตกรรม อันดับ 33
4. การเข้าร่วมทางการเมือง 4. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (อันดับ 48
ระหว่างประเทศ (ลดลง)):
(อันดับ 57 ( )): - โครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น: อันดับ 38
- การเข้าร่วมเป็นสมาชิกใน - ด้านเทคโนโลยี: อันดับ 48
องค์การระหว่างประเทศ: - ด้านวิทยาศาสตร์: อันดับ 53
อันดับ 25 - สาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม: อันดับ 48
- การให้ความช่วยเหลือด้าน - ด้านการศึกษา: อันดับ 48
กำลังคนและการเงินในการ
รักษาสันติภาพของ UN:
อันดับ 56
- การให้คำรับรองสนธิสัญญา
ระหว่างประเทศ: อันดับ 52
- การเคลื่อนย้ายเงินทุนภาครัฐ:
อันดับ 43
5. อันดับของไทยเทียบ อยู่ในอันดับ 7 จาก 10 ประเทศ อยู่ในอันดับที่ 8 จาก 11 ประเทศ อยู่ในอันดับที่ 6 จาก 11 ประเทศ
กับประเทศในเอเซีย
5.1 ประเทศที่อยู่ 1. สิงคโปร์ (อันดับ 1) 1. ฮ่องกง (อันดับ 2) 1. สิงคโปร์ (อันดับ 5)
อันดับสูงกว่าไทย 2. มาเลเซีย (อันดับ 19) 2. สิงคโปร์ (อันดับ 3) 2. ญี่ปุ่น (อันดับ 7)
3. ญี่ปุ่น (อันดับ 28) 3. ญี่ปุ่น (อันดับ 17) 3. ไต้หวัน (อันดับ 13)
4. เกาหลีใต้ (อันดับ 29) 4. ไต้หวัน (อันดับ 18) 4. เกาหลีใต้ (อันดับ 24)
5. ฟิลิปปินส์ (อันดับ 31) 5. จีน (อันดับ 19) 5. มาเลเซีย (อันดับ 26)
6. ไต้หวัน (อันดับ 35) 6. มาเลเซีย (อันดับ 23)
7. อินเดีย (อันดับ 29)
5.2 ประเทศที่อยู่ 1. จีน (อันดับ 51) 1. เกาหลี (อันดับ 38) 1. อินเดีย (อันดับ 43)
อันดับต่ำกว่าไทย 2. อินโดนีเซีย (อันดับ 60) 2. ฟิลิปปินส์ (อันดับ 49) 2. อินโดนีเซีย (อันดับ 50)
3. อินเดีย (อันดับ 61) 3. อินโดนีเซีย (อันดับ 60) 3. ฟิลิปปินส์ (อันดับ 71)
4. เวียดนาม (อันดับ 77)
6. จุดแข็ง - การค้าระหว่างประเทศ - นโยบายการคลัง - ด้านเศรษฐกิจมหภาค
- การจ้างงาน - ด้านประสิทธิภาพตลาด
- ตลาดแรงงาน
จุดอ่อน - การลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศ - เศรษฐกิจภายในประเทศ - ด้านสุขภาพ และ การศึกษาขั้น
- การให้ความช่วยเหลือทางด้าน - การวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และ พื้นฐาน
กำลังคนและด้านการเงินในการ เทคโนโลยี - ความพร้อมด้านเทคโนโลยี
รักษาสันติภาพของ UN
การจัดอันดับประเทศ
ปัจจุบันได้มีความพยายามที่จะจัดอันดับประเทศทั่วโลกในมิติต่างๆ ทั้งในแง่ความเป็นโลกาภิวัตน์ และความสามารถในการแข่งขันของ
ประเทศ โดยสถาบันที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ได้แก่ สถาบัน A.T.Kearny ร่วมกับวารสาร Foreign Policy ได้จัดอันดับความเป็น
โลกาภิวัตน์ ในขณะที่ International Institute of Management Development (IMD) และ World Economic Forum (WEF) ได้จัด
อันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
1. การจัดอันดับความเป็นโลกาภิวัตน์ของสถาบัน A.T.Kearny และวารสาร Foreign Policy
1.1 การจัดอันดับความเป็นโลกาภิวัตน์ประจำปี 2549
1) ภาพรวม: สถาบัน A.T.Kearny และวารสาร Foreign Policy ได้ร่วมกันจัดทำการ
จัดอันดับความเป็นโลกาภิวัตน์ (Globalization Index : GI) มาตั้งแต่ปี 2543 และใน
ปี 2549 มีประเทศเข้าร่วมในการจัดอันดับทั้งสิ้น 62 ประเทศ ประกอบด้วยประเทศ
พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมใน
ประเทศ (GDP) ประมาณร้อยละ 96 ของ GDP โลก และมีจำนวนประชากรรวมกัน
แล้วคิดเป็นร้อยละ 85 ของประชากรโลก ซึ่งข้อมูลที่นำมาใช้ในการคำนวณหาดัชนี
ดังกล่าวนี้ได้มาจากธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ องค์การ
สหประชาชาติ และ International Telecommunication Union
2) เกณฑ์การจัดอันดับ: ในการจัดทำดัชนีมีเกณฑ์การจัดอันดับ 4 ด้านหลัก คือ (1)
การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ (Economic Integration) (2) การติดต่อระหว่างบุคคล
(Personal Contact) (3) การเชื่อมต่อระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Technological
Connectivity) และ (4) การเข้าร่วมทางการเมืองระหว่างประเทศ (Political
Engagement) ในแต่ละด้านหลักประกอบด้วยเกณฑ์ย่อยที่ใช้ในการพิจารณาทั้งสิ้น
12 ด้าน โดยข้อมูลที่ใช้ในการจัดอันดับในปี 2549 นี้เป็นข้อมูลของปี 2547(ค)
3) ผล 3 อันดับแรก: ประเทศที่ได้รับการจัดอันดับการจัดอันดับความเป็นโลกาภิวัตน์
สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
(1) สิงคโปร์ที่ ยังคงรักษาอันดับ 1 ไว้ได้เช่นเดียวกับปีที่แล้ว เนื่องจากได้รับการประเมินว่าปัจจัยการรวม
กลุ่มทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ที่ดีทั้งทางด้านการค้า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ รวมทั้งยังมีจุดเด่นในเรื่องการติดต่อระหว่างบุคคลทั้งในแง่การ
ใช้โทรศัพท์ระหว่างประเทศและการเดินทางระหว่างประเทศ
(2) สวิสเซอร์แลนด์ มีอันดับดีขึ้นจากปีที่แล้ว 1 อันดับ คือจากอันดับที่ 3 ในปี 2548 มาเป็นอันดับที่ 2 ใน
ปี 2549 เนื่องจากมีจุดเด่นที่สำคัญได้แก่การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ UN ในการรักษาสันติภาพ รวมทั้งมีการเชื่อมโยงระหว่างบุคคลที่ดีทั้ง
ในแง่การใช้โทรศัพท์ระหว่างประเทศ การเคลื่อนย้ายเงินทุน และแรงงานข้ามประเทศ
(3) สหรัฐอเมริกา มีอันดับดีขึ้นจากปีที่แล้ว 1 อันดับ เนื่องจากยังคงรักษาความเข้มแข็งทางด้าน
เทคโนโลยีไว้ได้เป็นอย่างดี คือเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น แล้วมีจำนวนผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตมากที่สุด และมีระบบรักษาความปลอดภัยใน
เซิร์ฟเวอร์ดีที่สุด ตลอดจนมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจำนวนมาก อีกทั้ง ยังได้เข้าร่วมทางการเมืองระหว่างประเทศผ่านการให้ความช่วย
เหลือทางด้านการเงินในการรักษาสันติภาพ UN เพิ่มมากขึ้น
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ
(ค) ปี 2547 เป็นปีที่มีการรวมกลุ่มทางการเมืองระดับโลกที่เข้มแข็งมาก โดยเห็นได้จากกลุ่ม EU, NATO และ WTO รับชาติสมาชิกใหม่
เพิ่มขึ้น โดย EU รับเพิ่มอีก 10 ประเทศ NATO 7 ประเทศ และ WTO 2 ประเทศ (ได้แก่ กัมพูชา และเวียดนาม) นอกจากนี้ยังมีการวางระเบิด
ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ซึ่งส่งผลให้ประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรปเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด อีกทั้งในปี
2547 ความเป็นโลกาภิวัตน์ยังอยู่ในระดับที่ดี เนื่องจากการค้าระหว่างประเทศของโลกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 และยังส่งผลให้ประเทศกำลังพัฒนาได้รับส่วน
แบ่งจากกำไรอันเนื่องมาจากการเพิ่มสูงขึ้นของราคาสินค้าอีกด้วย (ทั้งนี้สาเหตุหลักมาจากความต้องการสินค้าจากประเทศจีนมีมากขึ้น) นอกจากนี้ ยังมี
การลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย (เพิ่มขึ้นร้อยละ
45) และในละตินอเมริกา (เพิ่มขึ้นร้อยละ 44) รวมทั้งยังมีการให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินและกำลังคนในการรักษาสันติภาพของ UN ใน
สงครามอิรัก ตลอดจนมีการเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากของการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศ และการใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศกำลังพัฒนา เช่น
อินโดนีเซีย โมรอคโค ไนจีเรีย และเซเนกัล เป็นต้น
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
(ยังมีต่อ).../ความเป็นโลกา..