(ต่อ2)ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก และแนวโน้มปี 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 21, 2010 15:24 —สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

2. ความเคลื่อนไหวและแนวโน้มราคาน้ำมันปี 2553

ความเคลื่อนไหวราคาน้ำมันในไตรมาสแรกปี 2553

ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก: ขยายตัวต่อเนื่องในอัตราที่เพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว ในไตรมาสแรกราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเฉลี่ย (ดูไบ เบรนท์ โอมาน และ WTI) อยู่ที่ 76.9 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.5 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากฐานที่ต่ำมากในปีที่แล้วจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันดิบยังขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่แล้วเป็นผลจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เร็วกว่าที่คาดการณ์ของประเทศสหรัฐอเมริกา และการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งของประเทศในภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะจีนและอินเดีย รวมถึงการอ่อนค่าลงของค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น

ราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศ: เพิ่มขึ้นทุกประเภทเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 95 น้ำมันเบนซิน 91 แก๊สโซฮอล์ 95 (E10) แก๊สโซฮอล์ 95 (E20) และแก๊สโซฮอล์ 91 เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.3 44.6 57.5 57.9 และ 58.0 ตามลำดับ สำหรับราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.5 และ 51.2 ตามลำดับ ทั้งนี้ การที่ราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากราคาของปีที่แล้วลดลงมากตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ประกอบกับในปีที่แล้วมีการลดราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศตามมาตรการ 6 มาตรการ 6 เดือน ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2551 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2552 อย่างไรก็ตาม ภายหลังสิ้นสุดมาตรการ ได้มีการปรับเพิ่มภาษีสรรพสามิตเพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงานในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 และขยายเพดานจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นจาก 5 บาทต่อลิตรเป็น 10 บาทต่อลิตรในเดือนพฤษภาคม2552 ประกอบกับแรงกดดันจากราคาน้ำ มันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น ทำ ให้ราคาขายปลีกน้ำ มันภายในประเทศในไตรมาสแรกของปี 2553 ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว

"ราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศเพิ่มขึ้นทุกประเภทเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว"

แนวโน้มราคาน้ำมัน

คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบโดยเฉลี่ยในปี 2553 จะอยู่ที่ 75-85 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล สูงกว่าราคาเฉลี่ย 61.60 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล ในปี 2552 โดยใน 4 เดือนแรกของปี ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยเท่ากับ 77.64 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล และ ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2553 ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 81.08 ดอลลาร์สรอ.ต่อบาร์เรล ทั้งนี้คาดว่าราคาน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยในปี 2553 จะเพิ่มขึ้นโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งนำโดยการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแกร่งของประเทศในภูมิภาคเอเชีย เช่น จีน อินเดีย กลุ่มประเทศอาเซียน และประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่น ๆ รวมถึงท่าทีของกลุ่ม OPEC ที่ยังคงพอใจกับเป้าหมายระดับการผลิตในปัจจุบัน และจะยังไม่ปรับเพิ่มปริมาณการผลิตที่จะเป็นแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก

ราคาน้ำมันดิบอาจมีความผันผวนได้ เนื่องจากปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศในยุโรป ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ สรอ. และเป็นแรงกดดันต่อราคาน้ำมันดิบยกตัวอย่างเช่น ราคาน้ำมันดิบ WTI สูงสุดที่ระดับ 86.84 ดอลลาร์ สรอ. ในวันที่ 6 เมษายน 2553 และทรงตัวอยู่ในระดับ 82-86 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล จนถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2553 แต่กลับลดลงอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่วันมาอยู่ที่ระดับ 71.61 ดอลลาร์ สรอ. ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 เนื่องจากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป และทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่ามาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน อย่างไรก็ตามในระยะยาวราคาน้ำมันก็ยังอยู่ในแนวโน้มของการปรับเพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยในปี 2553 จะอยู่ในระดับสูงกว่าปี 2552 โดย Energy Information Administration (EIA) คาดการณ์ว่าราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบ WTI ในปี 2553 จะอยู่ที่ 82.2 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล และหลายสถาบันคาดการณ์ว่าราคาในปี 2553 จะอยู่ในช่วง 75-95 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม สศช. คาดว่าราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบ WTI จะอยู่ในช่วง 75-85 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล สูงกว่า 61.82 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรล ในปี 2552

"คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบโดยเฉลี่ยในปี 2553 จะอยู่ที่ 75 — 85 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล สูงกว่าราคาเฉลี่ย 61.60 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล ในปี 2552"

ประมาณการราคาน้ำมันปี 2553

          EIA (ณ พฤษภาคม 2553)                     WTI = 82.2 US$/Barrel
          Nomura (ณ พฤษภาคม 2553)                  WTI = 85 US$/Barrel
          IEA (ณ มีนาคม 2553)                       WTI = 82 US$/Barrel
          World Bank (ณ มกราคม 2553)               WTI = 76.0 US$/Barrel
          Morgan Stanley (ณ มกราคม 2553)           ณ สิ้นปี WTI = 95.0 US$/Barrel
          Barclays Capital (ณ มกราคม 2553)         WTI = 85 US$/Barrel

โดยมีปัจจัยที่ทำให้คาดว่าราคาน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยในปี 2553 จะสูงกว่าราคาเฉลี่ยในปี 2552 ประกอบด้วย

  • ปริมาณความต้องการใช้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็งของประเทศในภูมิภาคเอเชีย จากรายงานภาวะตลาดน้ำมันของ EIA ประจำเดือนพฤษภาคม EIA ประเมินว่าความต้องการใช้น้ำมันของโลกจะปรับเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยคาดการณ์ว่าปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าจะเพิ่มขึ้น 1.57 และ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2553 และ 2554 โดยความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นจะมาจากประเทศเอเชีย-แปซิฟิค และตะวันออกกลางเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ความต้องการใช้น้ำมันของกลุ่มประเทศ OECD ในปี 2553 จะลดลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลจากความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลงของประเทศในยุโรป และประเทศญี่ปุ่น
  • ค่าเงินดอลลาร์ สรอ. มีแนวโน้มอ่อนค่าลง มีแนวโน้มว่าค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ในปี 2553 จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับปี 2552 เนื่องจากยังมีความกังวลในการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ซึ่งการอ่อนค่าลงของค่าเงินดอลลาร์ สรอ. จะทำให้นักลงทุนโยกเงินออกจากตลาดเงินและตลาดตราสารหนี้มาลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดน้ำมันในฐานะที่เป็นการลงทุนทางเลือก และเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินที่ลดลงและอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งหลังของปีคาดว่าค่าเงินดอลลาร์ สรอ. จะมีเสถียรภาพมากขึ้น
(ยังมีต่อ).../3. ภาพรวมเศรษฐกิจโลก..

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ