ผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรประจำเดือนธันวาคม 2553 พบว่า จากจำนวนผู้มีอายุ 15 ปีขึ้นไปหรือผู้อยู่ในวัยทำงานทั้งสิ้น 53.72 ล้านคน เป็นผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานหรือผู้ที่พร้อมทำงาน 39.50 ล้านคน ซึ่งประกอบด้วย ผู้มีงานทำ 39.19 ล้านคน ผู้ว่างงาน 2.7 แสนคน และผู้รอฤดูกาล 4 หมื่นคน ส่วนผู้ที่อยู่นอกกำลังแรงงานมี 14.22 ล้านคน
จำนวนผู้มีงานทำ 39.19 ล้านคนนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนผู้มีงานทำในช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2552 พบว่าจำนวนผู้มีงานทำเพิ่มขึ้น 6.5 แสนคน (จาก 38.54 ล้านคนเป็น 39.19 ล้านคน) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 โดยผู้ทำงานในภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้น 9.6 แสนคน (จาก 15.99 ล้านคนเป็น 16.95 ล้านคน) ส่วนผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรมลดลง 3.1 แสนคน (จาก 22.55 ล้านคน เป็น 22.24 ล้านคน) ซึ่ง เป็นการลดลงในสาขาการขายส่งขายปลีกฯ 1.9 แสนคน สาขาการผลิต 1.3 แสนคน สาขากิจกรรมด้าอสังหาริมทรัพย์ฯ 1.1 แสนคน การเงินการธนาคารฯ 9 หมื่นคน ที่เพิ่มขึ้นเป็นสาขาการโรงแรมและภัตตาคาร 1.7 แสนคน สาขาการศึกษา 1.5 แสนคน สาขาการบริหารราชการแผ่นดิน 4 หมื่นคน ที่เหลือกระจายอยู่ในสาขาอื่นๆ
หากพิจารณาถึงลักษณะของการทำงานไม่เต็มเวลาจากชั่วโมงการทำงาน พบว่า ในจำนวนผู้ทำงานทั้งหมด 39.19 ล้านคน เป็นผู้ที่ทำงานน้อยกว่า 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ 5.57 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 14.2 ของผู้มีงานทำ ซึ่งกลุ่มผู้ทำงานเหล่านี้ คือผู้ที่ทำงานไม่เต็มเวลา หากนำมาเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2552 ผู้ทำงานไม่เต็มเวลามีจำนวนเพิ่มขึ้น 3 แสนคน (จาก 5.27 ล้านคน เป็น 5.57 ล้านคน) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 (จากร้อยละ 13.7 เป็นร้อยละ 14.2)
สำหรับจำนวนของผู้ว่างงานในเดือนธันวาคม 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 2.68 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 0.7 และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2552 มีจำ นวนผู้ว่างงานลดลง 8.2 หมื่นคน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือนที่ผ่านมา (พฤศจิกายน 2553) มีผู้ว่างงานลดลง 1.21 แสนคน (จาก 3.89 แสนคน เป็น 2.68 แสนคน)
เมื่อพิจารณาผู้ว่างงานจากประสบการณ์การทำงานพบว่า ผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อนมีจำนวน 9.9 หมื่นคน ส่วนผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน 1.69 แสนคน ซึ่งลดลง 2.9 หมื่นคน จากช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2552 (จาก 1.98 แสนคน เป็น 1.69 แสนคน) โดยเป็นผู้ว่างงานมาจากภาคการบริการ และการค้า 6.5 หมื่นคน ภาคเกษตรกรรม 5.7 หมื่นคน และภาคการผลิต 4.7 หมื่นคน
หากพิจารณาการว่างงานตามกลุ่มอายุ พบว่ากลุ่มวัยเยาวชน หรือผู้มีอายุระหว่าง 15-24 ปี มีอัตราการว่างงานร้อยละ 2.8 ซึ่งปกติในกลุ่มนี้อัตราการว่างงานจะสูงส่วนกลุ่มวัยผู้ใหญ่ (อายุ 25 ปีขึ้นไป) มีอัตราการว่างงานร้อยละ 0.4 เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2552 กลุ่มวัยเยาวชนมีอัตราการว่างงานลดลงร้อยละ 1.2 (จากร้อยละ 4.0 เป็นร้อยละ 2.8) แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือนที่ผ่านมา (พฤศจิกายน 2553) อัตราการว่างงานลดลงร้อยละ 0.8 (จากร้อยละ 3.6 เป็นร้อยละ 2.8)
สำหรับระดับการศึกษาที่สำเร็จของผู้ว่างงานในเดือนธันวาคม 2553 พบว่า ผู้ที่จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษามีจำ นวนมากที่สุด 9 หมื่นคน (ร้อยละ 1.4) รองลงมาเป็นผู้ที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 6 หมื่นคน (ร้อยละ 1.0) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 4.8 หมื่นคน (ร้อยละ 0.9) ระดับประถมศึกษา 4 หมื่นคน (ร้อยละ 0.4) และผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา 3 หมื่นคน (ร้อยละ 0.2) เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2552 พบว่า จำนวนผู้ว่างงานลดลงในระดับอุดมศึกษามากที่สุด 3.5 หมื่นคน ระดับประถมศึกษา 3.2 หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 1.8 หมื่นคน ส่วนมัธยมศึกษาตอนปลาย มีผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 4 พันคน
หากพิจารณาอัตราการว่างงานเป็นรายภาค พบว่าภาคใต้มีอัตราการว่างงานสูงที่สุดคือร้อยละ 1.8 รองลงมาเป็นกรุงเทพมหานครคือร้อยละ 0.9 ภาคกลางร้อยละ 0.7 ภาคเหนือร้อยละ 0.5 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 0.3 ถ้าเปรียบเทียบอัตราการว่างงานในช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2552 พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราการว่างงานลดลงมากที่สุดร้อยละ 0.4 รองลงมาเป็นภาคกลางลดลงร้อยละ 0.3 กรุงเทพมหานครร้อยละ 0.1 ส่วนภาคเหนือและภาคใต้มีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1
สรุปผลที่สำคัญ
1. โครงสร้างกำลังแรงงาน
ผลการสำรวจในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553 พบว่า มีจำนวนประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป 53.72 ล้านคน เป็นผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานประมาณ 39.50 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 73.5 ของประชากร (ชายร้อยละ 81.0 และหญิงร้อยละ 66.4) เป็นผู้ที่อยู่นอกกำลังแรงงาน 14.22 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 26.5 (ชายร้อยละ 19.0 และหญิงร้อยละ 33.6)
สำหรับกลุ่มผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน จำแนกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1. ผู้มีงานทำ จำนวน 39.19 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 99.2 ของผู้อยู่ในกำลังแรงงาน (ชายร้อยละ 99.1 หญิงร้อยละ 99.3)
2. ผู้ว่างงาน หมายถึง ผู้ไม่มีงานทำและพร้อมที่จะทำงาน มีจำนวน 2.7 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 0.7 (ชายร้อยละ 0.8 และหญิงร้อยละ 0.5)
3. ผู้ที่รอฤดูกาล หมายถึง ผู้ที่ไม่ได้ทำงานและไม่พร้อมที่จะทำงาน เนื่องจากจะรอทำงานในฤดูกาลต่อไป มีจำนวน 4 หมื่นคน คิดเป็นร้อยละ 0.1 (ชายร้อยละ 0.1 และหญิงร้อยละ 0.1)
2. ภาวะการมีงานทำของประชากร
เมื่อพิจารณาถึงลักษณะการทำงานของประชากรเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553 พบว่า จากจำนวนผู้มีงานทำทั้งสิ้น 39.19 ล้านคน (ชาย 20.97 ล้านคน และหญิง 18.22 ล้านคน) เป็นผู้ทำงานภาคเกษตรกรรมประมาณ 16.95 ล้านคน หรือร้อยละ 43.3 ของผู้มีงานทำ (ชาย 9.39 ล้านคน และหญิง 7.56 ล้านคน) และทำงานนอกภาคเกษตรกรรมประมาณ 22.24 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 56.7 ของผู้มีงานทำ (ชาย 11.58 ล้านคน และหญิง 10.66 ล้านคน)
เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า ผู้มีงานทำเพิ่มขึ้นประมาณ 6.5 แสนคนโดยผู้มีงานทำในภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นประมาณ 9.6 แสนคน (เพิ่มขึ้นจาก 15.99 ล้านคน เป็น 16.95 ล้านคน) ส่วนผู้มีงานทำนอกภาคเกษตรกรรมลดลงประมาณ 3.1 แสนคน (ลดลงจาก 22.55 ล้านคน เป็น 22.24 ล้านคน) ในจำนวนนี้เป็นการลดลงในสาขาการขายส่ง ขายปลีกฯ มากที่สุด 1.9 แสนคน รองลงมาเป็นสาขาการผลิต 1.3 แสนคน สาขากิจกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ฯ 1.1 แสนคน สาขาการเงินการธนาคาร 9 หมื่นคน สาขาการก่อสร้าง 7 หมื่นคน สาขาการขนส่งฯ และสาขาการบริการชุมชน สังคม และส่วนบุคคล ลดลงเท่ากัน 6 หมื่นคน ส่วนสาขาที่เพิ่มขึ้นเป็นสาขาโรงแรมและภัตตาคารเพิ่มขึ้น 1.7 แสนคน สาขาการศึกษา เพิ่มขึ้น 1.5 แสนคน สาขาการบริหารราชการแผ่นดินฯ เพิ่มขึ้น 4 หมื่นคน สาขาการทำ เหมืองแร่ และเหมืองหิน จำนวนผู้มีงานทำไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปีก่อน และที่เหลือกระจายอยู่ในสาขาอื่น ๆ
เมื่อพิจารณาถึงชั่วโมงทำงานของผู้มีงานทำต่อสัปดาห์ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553 พบว่า ส่วนใหญ่ทำงานตั้งแต่ 35 ชั่วโมงขึ้นไปต่อสัปดาห์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้ทำงานเต็มที่ในเรื่องชั่วโมงทำงาน มีจำนวน 33.62 ล้านคน หรือ ร้อยละ 85.8 ของผู้มีงานทำทั้งสิ้น (ชายร้อยละ 85.5 และหญิงร้อยละ 86.2) และผู้ที่ทำงาน 1 - 34 ชั่วโมงมีจำนวน 4.99 ล้านคน หรือร้อยละ 12.7 (ชายร้อยละ 12.9 และหญิงร้อยละ 12.6) สำหรับผู้ที่ไม่ได้ทำงานในสัปดาห์สำรวจ (ระหว่าง 7 วันก่อนวันสัมภาษณ์) แต่เป็นผู้มีงานประจำซึ่งถือว่าในสัปดาห์สำรวจไม่มีชั่วโมงทำงาน (0 ชั่วโมง) มีจำนวน 5.8 แสนคน หรือร้อยละ 1.5 (ชายร้อยละ 1.7 และหญิงร้อยละ 1.3) เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าจำนวนของผู้ที่ทำงานตั้งแต่ 35 ชั่วโมงขึ้นไปเพิ่มขึ้น 3.5 แสนคน ผู้ที่ไม่ได้ทำงานในสัปดาห์การสำรวจ (0 ชั่วโมง) เพิ่มขึ้น 1.7 แสนคน และผู้ที่ทำงาน 1 - 34 ชั่วโมงเพิ่มขึ้น 1.3 แสนคน
3. ภาวะการว่างงานของประชากร
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2553 มีผู้ว่างงานประมาณ 2.68 แสนคน (ชาย 1.70 แสนคน และหญิง 9.8 หมื่นคน) คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 0.7 (ชายร้อยละ 0.8 และหญิงร้อยละ 0.5) และถ้าพิจารณาเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมาจะเห็นว่า จำนวนผู้ว่างงานลดลง 8.2 หมื่นคน เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า จำนวนผู้ว่างงานลดลงเกือบทุกภาค โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือลดลงมากที่สุด 5.1 หมื่นคน ภาคกลางลดลง 3.2 หมื่นคน และกรุงเทพมหานครลดลง 4 พันคน ส่วนภาคเหนือจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 4 พันคน และภาคใต้เพิ่มขึ้น 1 พันคน
ถ้าพิจารณาอัตราการว่างงานในเดือนธันวาคม พ.ศ.2553 เป็นรายภาค พบว่า ภาคใต้มีอัตราการว่างงานสูงสุดคือร้อยละ 1.8 รองลงมาคือ กรุงเทพมหานครร้อยละ 0.9 ภาคกลางร้อยละ 0.7 ภาคเหนือร้อยละ 0.5 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 0.3
เมื่อเปรียบเทียบอัตราการว่างงานของแต่ละภาคกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา พบว่าอัตราการว่างงานทั่วประเทศลดลงร้อยละ 0.2 เมื่อพิจารณาเป็นรายภาคพบว่า อัตราการว่างงานลดลงเกือบทุกภาค โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนืออัตราการว่างงานลดลงมากที่สุดร้อยละ 0.4 รองลงมาคือ ภาคกลางลดลงร้อยละ 0.3 กรุงเทพมหานครลดลงร้อยละ 0.1 ส่วนภาคเหนือ และภาคใต้เพิ่มขึ้นเท่ากันร้อยละ 0.1
เมื่อพิจารณาถึงลักษณะที่น่าสนใจของผู้ว่างงาน 2.68 แสนคน พบว่า เป็นผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อนประมาณ 9.9 หมื่นคน หรือคิดเป็นร้อยละ 36.9 ของผู้ว่างงานทั้งสิ้น ส่วนผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อนมีประมาณ 1.69 แสนคน หรือคิดเป็นร้อยละ 63.1 โดยเป็นผู้ว่างงานมาจากนอกภาคเกษตรกรรม 1.12 แสนคน ซึ่งประกอบด้วยภาคการผลิต 4.7 หมื่นคน ภาคการบริการและการค้า 6.5 หมื่นคน สำหรับผู้ว่างงานในภาคเกษตรกรรมมีประมาณ 5.7 หมื่นคน
เมื่อพิจารณาระดับการศึกษาที่สำเร็จของผู้ว่างงานจำนวน 2.68 แสนคน พบว่า ระดับการศึกษาที่มีผู้ว่างงานมากที่สุดคือ ระดับอุดมศึกษา 9 หมื่นคน รองลงมาคือ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 6 หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 4.8 หมื่นคน ระดับประถมศึกษา 4 หมื่นคน และผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา 3 หมื่นคน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา พบว่า ผู้ว่างงานลดลงเกือบทุกระดับการศึกษาโดยระดับอุดมศึกษาลดลงมากที่สุด 3.5 หมื่นคน รองลงมาคือ ระดับประถมศึกษาลดลง 3.2 หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นลดลง 1.8 หมื่นคน และผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษาลดลง 1 พันคน ส่วนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 4 พันคน
จากการพิจารณาอัตราการว่างงานตามระดับการศึกษาที่สำ เร็จ พบว่า ผู้ที่จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษามีอัตราการว่างงานสูงที่สุดคือร้อยละ 1.4 รองลงมาเป็นผู้ที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นร้อยละ 1.0 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายร้อยละ 0.9 ระดับประถมศึกษาร้อยละ 0.4 และผู้ว่างงานที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษาร้อยละ 0.2 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา พบว่า อัตราการว่างงานลดลงเกือบทุกระดับการศึกษา โดยผู้ว่างงานที่จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษา มีอัตราการว่างงานลดลงมากที่สุดร้อยละ 0.6 รองลงมาคือระดับประถมศึกษาลดลงร้อยละ 0.4 และระดับมัธยมศึกษาตอนต้นลดลงร้อยละ 0.3 ส่วนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 และผู้ว่างงานที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษาอัตราการว่างงานไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปีก่อน
ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ