การประมวลข้อมูลพื้นที่การก่อสร้างไตรมาสที่ 4/2553

ข่าวทั่วไป Monday March 28, 2011 14:02 —สำนักงานสถิติแห่งชาติ

การประมวลข้อมูลพื้นที่การก่อสร้างเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลของสิ่งก่อสร้างทุกประเภทที่เอกชนได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง ต่อเติมหรือดัดแปลงเกี่ยวกับจำนวนผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง จำนวนสิ่งก่อสร้าง และพื้นที่ก่อสร้าง ข้อมูลดังกล่าวสามารถนำไปใช้ประโยชน์สำหรับหน่วยงานภาครัฐในการกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับเอกชนใช้ในการจัดทำตัวชี้วัดด้านที่อยู่อาศัย ใช้ในการติดตามภาวะเศรษฐกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ การส่งเสริมการขายและการลงทุน

ข้อมูลพื้นที่การก่อสร้าง ไตรมาสที่ 4/2553 เป็นข้อมูลในระดับภาคและทั่วประเทศ ที่อยู่ในเขตเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล(บางส่วน) ในพื้นที่ที่มีพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522) และในเขตการนิคมอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทย สรุปได้ดังนี้

1. จำนวนผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง และพื้นที่ก่อสร้าง

ในไตรมาส 4 ปี 2553 มีเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างใหม่ ต่อเติมหรือดัดแปลงจำนวนทั้งสิ้น 39,784 ราย เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างสิ่งก่อสร้างใช้เป็นอาคารอาคารโรงเรือน 34,431 ราย และที่มิใช่อาคารโรงเรือน 5,353 ราย ดังนี้

1.1 สิ่งก่อสร้างที่เป็นอาคารโรงเรือน

สำหรับสิ่งก่อสร้างที่เป็นอาคารโรงเรือนนั้นมีผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง 34,431 รายมีพื้นที่ก่อสร้าง 17.0 ล้าน ตร.ม. ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 98.3) ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างใหม่ และร้อยละ 1.7 ได้รับอนุญาตให้ต่อเติมหรือดัดแปลง

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่าจำนวนผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารโรงเรือนลดลงร้อยละ 4.7 แต่มีพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2552 จำนวนผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างลดลงร้อยละ 3.5 แต่มีพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.1

1.2 สิ่งก่อสร้างที่มิใช่อาคารโรงเรือน

สำหรับสิ่งก่อสร้างที่มิใช่อาคารโรงเรือนมีเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง 5,353 ราย ส่วนใหญ่ร้อยละ 99.3 ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างใหม่ และร้อยละ 0.7 ได้รับอนุญาตให้ต่อเติมหรือดัดแปลง โดยเป็นสิ่งก่อสร้างประเภทลานจอดรถ สนามกีฬาปั๊มน้ำมัน ป้ายโฆษณา สระว่ายน้ำ ฯลฯ มีพื้นที่ก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 432,608 ตร.ม. และประเภทท่อ/ทางระบายน้ำ ถนน รั้ว/กำแพง สะพาน เขื่อน/คันดิน ฯลฯ มีความยาวก่อสร้างรวมทั้งสิ้น 503,078 เมตร

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่าจำนวนผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยร้อยละ 0.9 แต่มีพื้นที่ก่อสร้างในส่วนที่คิดเป็นความยาวลดลงร้อยละ 5.5 พื้นที่ก่อสร้างที่คิดเป็นพื้นที่ลดลงร้อยละ 31.2 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2552 พบว่าจำนวนผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 โดยมีความยาวของสิ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.4 แต่พื้นที่ของสิ่งก่อสร้าง ลดลงร้อยละ 25.6 และ

2. ชนิดของสิ่งก่อสร้าง

2.1 สิ่งก่อสร้างที่เป็นอาคารโรงเรือน

อาคารโรงเรือนที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างในไตรมาส 4/2553 ส่วนใหญ่เป็นอาคารโรงเรือนเพื่ออยู่อาศัยโดยมีพื้นที่รวม 10.6 ล้าน ตร.ม. หรือร้อยละ 62.2 ของสิ่งก่อสร้างที่เป็นอาคารโรงเรือนทั้งสิ้น ส่วนอาคารโรงเรือนที่ก่อสร้างเพื่อการพาณิชย์และสำนักงานมี พื้นที่รวม 2.8 ล้าน ตร.ม. คิดเป็นร้อยละ 16.3 เพื่อการอุตสาหกรรมและโรงงานมีพื้นที่ก่อสร้างรวม 2.2 ล้านตร.ม. คิดเป็นร้อยละ 12.7 เป็นการก่อสร้างโรงแรม คิดเป็นพื้นที่ 815,622 ตร.ม. และเป็นการก่อสร้างอาคารเพื่อการศึกษา และสาธารณสุข จำนวน 115,596 ตร.ม.

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่าอาคารโรงเรือนมีพื้นที่ก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 (จากพื้นที่ 15,529,699 ตร.ม. เป็น 17,009,729 ตร.ม.) โดยเฉพาะการก่อสร้างโรงแรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 70.0 (จากพื้นที่ 479,894 ตร.ม. เป็น 815,622 ตร.ม.) และการก่อสร้างเพื่อการอุตสาหกรรมและโรงงาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 56.3 การก่อสร้างอาคารเพื่อการพาณิชย์และสำนักงานมีพื้นที่ก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นร้อยละ 52.1 แต่การก่อสร้างเพื่อการศึกษาและสาธารณสุขลดลงร้อยละ 42.9 และการก่อสร้างอาคารเพื่ออยู่อาศัย มีพื้นที่ก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตลดลงร้อยละ 4.1

หากเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2552 พบว่า อาคารโรงเรือนมีพื้นที่ก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.1 (จากพื้นที่ 12,878,221 ตร.ม. เป็น 17,009,729 ตร.ม.)

2.2 สิ่งก่อสร้างที่มิใช่อาคารโรงเรือน

สำหรับสิ่งก่อสร้างที่มิใช่อาคารโรงเรือนนั้นส่วนใหญ่เป็นการก่อสร้างท่อ/ทางระบายน้ำ ที่มีความยาว 310,795 เมตร หรือร้อยละ 61.8 ของสิ่งก่อสร้างที่คิดเป็นความยาวทั้งสิ้น เป็นการก่อสร้างถนนมีความยาว 107,972 เมตรหรือร้อยละ 21.4 เป็นการก่อสร้างรั้ว/ กำแพงซึ่งยาว 71,369 เมตรหรือร้อยละ 14.2

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่าสิ่งก่อสร้างที่มิใช่อาคารโรงเรือนมีความยาวของสิ่งก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างโดยรวมลดลงร้อยละ 5.5 (จากความยาว 532,253 ม. เป็น 503,078 ม.) และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2552 เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.4 (จากความยาว 394,831 ม. เป็น 503,078 ม.)

สำหรับสิ่งก่อสร้างที่มิใช่อาคารโรงเรือนที่คิดเป็นพื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นการก่อสร้างลานจอดรถได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างคิดเป็นพื้นที่ 213,383 ตร.ม. หรือร้อยละ 49.3 และป้ายโฆษณาได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างคิดเป็นพื้นที่ 47,714 ตร.ม. หรือร้อยละ 11.0

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่าพื้นที่ของสิ่งก่อสร้างได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างโดยรวมลดลงร้อยละ 31.2 (จากพื้นที่ 628,959 ตร.ม. เป็น 432,608 ตร.ม.) และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2552 ลดลงร้อยละ 25.6 (จากพื้นที่ 581,818 ตร.ม. เป็น 432,608 ตร.ม.)

สรุป จากการประมวลข้อมูลพื้นที่การก่อสร้างในไตรมาส 4/2553 พบว่ามีจำนวนผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารโรงเรือนจำนวน 34,431 รายลดลงร้อยละ 4.7 จากไตรมาสที่ผ่านมา ในขณะที่มีพื้นที่ก่อสร้างจำนวน 17.0 ล้าน ตร.ม. เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 จากไตรมาสที่ผ่านมา

หากจำแนกตามชนิดของสิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่ร้อยละ 62.2 จะเป็นการก่อสร้างเพื่อที่อยู่อาศัยคิดเป็นพื้นที่ก่อสร้าง 10.6 ล้าน ตร.ม. ลดลงร้อยละ 4.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.4 จากไตรมาสเดียวกันของปี 2552 สำหรับสิ่งก่อสร้างที่ไม่ใช่อาคารโรงเรือน มีพื้นที่ก่อสร้างลดลงร้อยละ 31.2 และความยาวของสิ่งก่อสร้างลดลงร้อยละ 5.5 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม จากการประมวลข้อมูลพบว่าจำนวนผู้ได้รับอนุญาตประเภทอาคารโรงเรือนในไตรมาส 4/2553 ในภาพรวมลดลง แต่กลับมีพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างเพิ่มขึ้น จากไตรมาสที่ผ่านมาและไตรมาสเดียวกันในปี 2552

ส่วนการก่อสร้างสิ่งก่อสร้างที่มิใช่อาคารโรงเรือนมีจำ นวนผู้ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้น จากไตรมาสที่ผ่านมา และไตรมาสเดียวกันในปี 2552 แต่สิ่งก่อสร้างทั้งพื้นที่ก่อสร้างและความยาวกลับลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา

สรุปผลการสำรวจ

1. จำนวนผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง และพื้นที่ก่อสร้าง

ในไตรมาสสี่ ปี 2553 มีเอกชนที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างใหม่ ต่อเติมหรือดัดแปลงอาคารและสิ่งก่อสร้างจำนวน 39,784 ราย เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารโรงเรือน 34,431 ราย คิดเป็นพื้นที่ 17.0 ล้านตารางเมตร และได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างสิ่งก่อสร้างที่มิใช่อาคารโรงเรือน 5,353 ราย โดยเป็นสิ่งก่อสร้างประเภทลานจอดรถ สนามกีฬา ปั๊มน้ำมันป้ายโฆษณา สระว่ายน้ำ ฯลฯ คิดเป็นพื้นที่ทั้งสิ้น 432,608 ตารางเมตร และประเภทท่อ/ทางระบายน้ำถนน รั้ว/กำแพง สะพาน เขื่อน/คันดิน ฯลฯ คิดเป็นความยาวทั้งสิ้น 503,078 เมตร

สำหรับผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ทำการก่อสร้างอาคารโรงเรือนนั้น พบว่า ส่วนใหญ่(ร้อยละ 98.3) ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างใหม่ และร้อยละ 1.7 ได้รับอนุญาตให้ต่อเติมหรือดัดแปลง เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่า จำนวนผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารโรงเรือนลดลงร้อยละ 3.2 แต่มีพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2552พบว่าจำนวนผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างลดลงร้อยละ 2.4 แต่มีพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.1

สำหรับสิ่งก่อสร้างที่มิใช่อาคารโรงเรือนนั้น พบว่า ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 99.3 ) เป็นการได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างใหม่ และร้อยละ 0.7 เป็นการได้รับอนุญาตให้ต่อเติมหรือดัดแปลง เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่า จำนวนผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียงร้อยละ 0.9 แต่มีพื้นที่ก่อสร้างในส่วนที่คิดเป็นพื้นที่ (เช่น ลานจอดรถ สนามกีฬา ปั๊มน้ำมัน ป้ายโฆษณา และสระว่ายน้ำ) ลดลงร้อยละ 31.2 และพื้นที่ก่อสร้างในส่วนที่คิดเป็นความยาว (เช่น ท่อ/ทางระบายน้ำ ถนน รั้ว/กำแพง สะพาน และเขื่อน/คันดิน) ลดลงเช่นเดียวกันคือร้อยละ 5.5 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2552 พบว่า จำนวนผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 และความยาวของสิ่งก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.4 แต่พื้นที่ก่อสร้างลดลงขึ้นร้อยละ 25.6

2. พื้นที่ก่อสร้างจำแนกตามชนิดของสิ่งก่อสร้าง

สิ่งก่อสร้างที่เป็นอาคารโรงเรือนที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างในไตรมาสที่สี่นั้น ส่วนใหญ่เป็นอาคารโรงเรือนเพื่ออยู่อาศัยโดยมีพื้นที่รวม 10.6 ล้านตารางเมตร หรือร้อยละ 62.2 ของสิ่งก่อสร้างที่เป็นอาคารโรงเรือนทั้งสิ้น ส่วนอาคารโรงเรือนที่ก่อสร้างเพื่อการพาณิชย์และ สำนักงานมีพื้นที่รวม 2.8 ล้านตารางเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 16.3 เพื่อการอุตสาหกรรมและโรงงานมีพื้นที่ก่อสร้างรวม 2.2 ล้านตารางเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 12.7 เป็นการก่อสร้างโรงแรม คิดเป็นพื้นที่ 815,622 ตารางเมตร และเป็นการก่อสร้างอาคารเพื่อการศึกษาและสาธารณสุข จำนวน 115,596 ตารางเมตร เท่านั้น

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาพบว่า อาคารโรงเรือนมีพื้นที่ก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 โดยเฉพาะการก่อสร้างโรงแรมเพิ่มขึ้นมากที่สุดร้อยละ 70.0 การก่อสร้างเพื่อการอุตสาหกรรมและโรงงานได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างเพิ่มขึ้นร้อยละ 56.3 เพื่อการพาณิชย์และสำนักงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 52.1 แต่การก่อสร้างเพื่อการศึกษาและสาธารณสุขมีพื้นที่ก่อสร้างลดลงร้อยละ 42.9 สำหรับอาคารเพื่ออยู่อาศัยมีพื้นที่ก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างลดลง ร้อยละ 4.1

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2552 พบว่า อาคารโรงเรือนมีพื้นที่ก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.1

สำหรับสิ่งก่อสร้างที่มิใช่อาคารโรงเรือนนั้น ส่วนใหญ่เป็นการก่อสร้าง ท่อ/ทางระบายน้ำ มีความยาว 310,795 เมตร คิดเป็นร้อยละ 61.8 ของสิ่งก่อสร้างที่มีหน่วยวัดเป็นความยาวทั้งสิ้น การก่อสร้างถนน มีความยาว 107,972 เมตร รั้ว/กำแพง มีความยาว 71,369 เมตร สำหรับการก่อสร้างลานจอดรถมีพื้นที่ 213,383 ตารางเมตรหรือร้อยละ 49.3 ป้ายโฆษณาได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง คิดเป็นพื้นที่ 47,714 ตารางเมตรหรือร้อยละ 11.0 สนามกีฬาได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง 68,521 ตารางเมตร หรือร้อยละ 15.9 ป้ายโฆษณาได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง คิดเป็นนพื้นที่ 47,714 ตารางเมตรหรือร้อยละ 11.0

เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาพบว่า สิ่งก่อสร้างที่มิใช่อาคารโรงเรือนมีความยาวของสิ่งก่อสร้างที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างโดยรวมลดลงร้อยละ 5.5 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.4 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2552 ส่วนสิ่งก่อสร้างที่มิใช่อาคารโรงเรือนที่เป็นพื้นที่ก่อสร้างได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างโดยรวมลดลงร้อยละ 31.2 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาและลดลงร้อยละ 25.6 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2552 ตามลำดับ

3. ข้อมูลการก่อสร้าง จำแนกตามภาค

เมื่อพิจารณาข้อมูลการก่อสร้างใหม่ประเภทอาคารโรงเรือนจำแนกตามภาค พบว่ามีจำนวนผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างทั้งสิ้น 33,846 ราย เป็นผู้ที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากที่สุดถึง 8,413 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.9 รองลงมา คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีผู้ได้รับ อนุญาตให้ก่อสร้างจำนวน 7,869 ราย คิดเป็นร้อยละ 23.2 ส่วนพื้นที่ก่อสร้างในกรุงเทพฯ และมณฑลมีพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างมากที่สุด คือ 7.9 ล้านตารางเมตร คิดเป็นร้อยละ 48.7 ของพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างใหม่ทั้งสิ้นทั่วประเทศ (16.3 ล้านตารางเมตร)

สำหรับการได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างสิ่งก่อสร้างใหม่ที่มิใช่อาคารโรงเรือนในไตรมาสที่สี่ของปี 2553 มีจำ นวนผู้ได้รับอนุญาตให้ ก่อสร้างทั้งสิ้น 5,317 ราย โดยเป็นผู้ได้รับอนุญาตการก่อสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑลมากที่สุดจำนวน 2,553 ราย (ร้อยละ 48.1) ในขณะที่ภาคใต้มีจำนวนผู้ได้รับอนุญาต การก่อสร้างประเภทนี้น้อยที่สุดเพียง 258 ราย (ร้อยละ 4.9)

สำหรับพื้นที่สิ่งก่อสร้างใหม่ที่มิใช่อาคารโรงเรือนนั้นได้รับอนุญาตพื้นที่การก่อสร้างรวม 426,243 ตารางเมตร เป็นพื้นที่ก่อสร้างในกรุงเทพฯและปริมณฑลมากที่สุด จำนวน 223,392 ตารางเมตรหรือร้อยละ 52.4 ส่วนความยาวของสิ่งก่อสร้างประเภทท่อ/ทางระบายน้ำ ถนน รั้ว/ กำแพง สะพาน เขื่อน/คันดิน ฯลฯ ที่เป็นการก่อสร้างใหม่นั้นได้รับอนุญาตทั้งสิ้น 473,582 เมตร ซึ่งเป็นการก่อสร้างในกรุงเทพฯและ ปริมณฑลมากที่สุดคือ 307,771 เมตรหรือร้อยละ 65.0

หากกล่าวโดยรวมแล้ว การได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง ส่วนใหญ่จะเป็นการอนุญาตให้ก่อสร้างใหม่ทั้งในส่วนที่เป็นอาคารโรงเรือน และมิใช่อาคารโรงเรือน สำหรับการอนุญาตให้ต่อเติมหรือดัดแปลงนั้น จะมีสัดส่วนการได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งจะเป็นลักษณะเช่นเดียวกันในทุกภาค

ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ

แท็ก ข้อมูล  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ