การทำสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2555 ในขั้นตอนการแจงนับหรือการเก็บรวบรวมข้อมูลรายละเอียดได้กำหนดระเบียบวิธี ทางสถิติ โดยสถานประกอบการ ที่มีคนทำงาน 1-10 คน ทำการสำรวจด้วยตัวอย่าง ส่วนสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 11 คน ขึ้นไป จะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลทุกแห่ง แต่อย่างไรก็ตามข้อมูล ที่ได้รับตอบกลับนั้นไม่ครบถ้วนจึงต้องทำการประมาณค่าข้อมูลสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 11 คนขึ้นไป ตามระเบียบวิธีทางสถิติ
สำหรับสรุปผลข้อมูลเบื้องต้นฉบับนี้เป็นผล ที่ได้จากการแจงนับเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลรายละเอียดของสถานประกอบการธุรกิจทางการค้าและธุรกิจทางการบริการที่ตั้งอยู่ในปริมณฑล โดยดำเนินธุรกิจตามการจัดประเภทมาตรฐานอุตสาหกรรมประเทศไทย ปี 2552 (Thailand Standard Industrial Classification : TSIC-2009) ได้แก่ การขายส่ง การขายปลีก ที่พักแรมการบริการอาหาร และเครื่องดื่ม ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารกิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ กิจกรรมทางวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคนิค กิจกรรมการบริหาร และการบริการสนับสนุน ศิลปะ ความบันเทิง และนันทนาการ และกิจกรรมการบริการอื่น ๆ ข้อมูลที่นำเสนอเป็นผลการดำเนินการในรอบปี 2554 สรุปดังนี้
ผลจากสำมะโนฯ พบว่าสถานประกอบการธุรกิจทางการค้าและธุรกิจทางการบริการในปริมณฑล มีจำนวนทั้งสิ้น 145,510 แห่ง ในจำนวนนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 38.8 ประกอบธุรกิจการขายปลีก (ยกเว้นยานยนต์ และจักรยานยนต์) รองลงมาประกอบธุรกิจเกี่ยวกับ การบริการอื่น ๆ ประมาณร้อยละ 14.9 สถานประกอบการที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับที่พักแรม การบริการอาหารและเครื่องดื่ม และกิจกรรมอสังหาริมทรัพย์มีสัดส่วนใกล้เคียงกันประมาณร้อยละ 13.9 และร้อยละ 13.2 ตามลำดับ ธุรกิจการขายส่งและการขายปลีกการซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์ และธุรกิจการขายส่ง (ยกเว้นยานยนต์และจักรยานยนต์)มีประมาณร้อยละ 8.7 และร้อยละ 5.3 ตามลำดับ สำหรับธุรกิจนอกเหนือจาก ที่กล่าวข้างต้น แต่ละหมวดมีสัดส่วนต่ำกว่าร้อยละ 2.0 ของจำนวนสถานประกอบการธุรกิจทั้งสิ้น
ขนาดของสถานประกอบการธุรกิจฯ เมื่อวัดด้วยจำนวนคนทำงาน พบว่า เป็นสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 1-15 คน จำนวน 142,941 แห่ง หรือร้อยละ 98.2 ส่วนสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 16 คนขึ้นไป มีจำนวน 2,569 แห่ง หรือร้อยละ 1.8
เมื่อพิจารณาสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 16 คนขึ้นไป ในจำนวนนี้เป็นสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 16-25 คน จำนวน 1,217 แห่ง สถานประกอบการที่มีคนทำงาน 31-50 คน 51-200 คน และ 26-30 คน มีประมาณ 549 แห่ง 435 แห่ง และ 295 แห่ง ตามลำดับ ส่วนสถานประกอบการที่มีคนทำงานมากกว่า 200 คน มีจำนวนเพียง 73 แห่ง
สถานประกอบการธุรกิจฯ ส่วนใหญ่ร้อยละ 88.7 มีรูปแบบการจัดตั้งตามกฎหมายเป็นส่วนบุคคล หรือห้างหุ้นส่วนที่ไม่เป็นนิติบุคคล ส่วนที่มีรูปแบบการจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด บริษัทจำกัด (มหาชน) และห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 8.8 และร้อยละ 2.3 ตามลำดับ สำหรับสถานประกอบการที่มีรูปแบบเป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สหกรณ์ มูลนิธิ สมาคม และอื่น ๆ มีประมาณร้อยละ 0.2
เมื่อพิจารณาตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า สถานประกอบการที่มีคนทำงาน 1-15 คน ดำเนินกิจการในรูปแบบที่เป็นส่วนบุคคล มากที่สุดประมาณร้อยละ 89.9 ในขณะที่สถานประกอบการขนาดอื่น ส่วนใหญ่จะดำเนินกิจการในรูปแบบที่เป็นบริษัทจำกัด บริษัทจำกัด (มหาชน) โดยเฉพาะสถานประกอบการที่มีคนทำงานมากกว่า 50 คน มีสัดส่วนที่สูงมากกว่าร้อยละ 90.0
สถานประกอบการธุรกิจฯ ในปริมณฑล ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 95.5 เป็นสำนักงาน แห่งเดียว ไม่มีสำนักงานใหญ่หรือสาขาอยู่ที่ใดที่เหลือร้อยละ 3.6 มีรูปแบบการจัดตั้งเป็นสำนักงานสาขา และอีกร้อยละ 0.9 เป็นสำนักงานใหญ่
เมื่อพิจารณาตามขนาดของสถานประกอบการ (ตามจำนวนคนทำงาน) พบว่า สถานประกอบการทุกขนาดมากกว่าร้อยละ 50.0 มีรูปแบบการจัดตั้งเป็นสำนักงานแห่งเดียว
สถานประกอบการธุรกิจฯ ในปริมณฑล ร้อยละ 33.0 ดำเนินกิจการน้อยกว่า 5 ปี ที่ดำเนินกิจการระหว่าง 5-9 ปี และระหว่าง 10-19 ปี มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 29.2 และร้อยละ 28.8 ตามลำดับ สถานประกอบที่ดำเนินกิจการ 20-29 ปี และตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป มีประมาณร้อยละ 5.4 และ ร้อยละ 3.6 ตามลำดับ
เมื่อพิจารณาตามขนาดของสถานประกอบการ (ตามจำนวนคนทำงาน) พบว่า สถานประกอบการทุกขนาดส่วนใหญ่หรือมากกว่าร้อยละ 60.0 ดำเนินกิจการตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป
สถานประกอบการธุรกิจฯ ในปริมณฑล ที่มีทุนจดทะเบียนมีจำนวน 11,353 แห่ง หรือร้อยละ 7.8 ของจำนวนสถานประกอบการทั้งสิ้น ในจำนวนนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.8 มีทุนจดทะเบียนน้อยกว่า 10 ล้านบาท ที่มีทุนจดทะเบียน 10-99 ล้านบาท มีประมาณร้อยละ 7.6 สำหรับสถานประกอบการที่มีทุนจดทะเบียนตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไปมีเพียงร้อยละ 2.6
การประกอบการธุรกิจทางการค้าและธุรกิจทางการบริการในปริมณฑล ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 99.8 ไม่มีการร่วมลงทุนจากต่างประเทศ ส่วนที่มีต่างประเทศร่วมลงทุนหรือถือหุ้นในกิจการมีอยู่เพียงร้อยละ 0.2 ในจำนวนนี้ พบว่า สถานประกอบการที่มีต่างประเทศร่วมลงทุน โดยถือหุ้น 10-50% มีประมาณร้อยละ 84.9 ในขณะที่สถานประกอบการที่มีต่างประเทศ ร่วมลงทุนโดยถือหุ้นน้อยกว่า 10% และถือหุ้นมากกว่า 50% มีสัดส่วนใกล้เคียงกันคือประมาณร้อยละ 7.7 และร้อยละ 7.4 ตามลำดับ
คนทำงาน ซึ่งหมายถึงเจ้าของกิจการหรือหุ้นส่วนที่ทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างเงินเดือน และรวมลูกจ้างที่ทำงานในสถานประกอบการ พบว่า ในปี 2554 มีคนทำงานในสถานประกอบการธุรกิจฯ ในปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 563,403 คน ในจำนวนนี้เป็นคนทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง/เงินเดือน จำนวน 203,270 คน หรือร้อยละ 36.1 มีการจ้างงาน หรือลูกจ้างจำนวน 360,133 คน หรือร้อยละ 63.9 โดยเป็นลูกจ้างระดับปฏิบัติการ จำนวน 316,032 คน หรือร้อยละ 87.8 ส่วนที่เป็นลูกจ้างระดับบริหารจัดการมีจำนวน 44,101 คน หรือร้อยละ 12.2
เมื่อพิจารณาการจ้างงานตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า ส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 1-15 คน ประมาณร้อยละ 63.3 เป็นลูกจ้างในสถานประกอบการที่มีคนทำงานมากกว่า 200 คน และ 51-200 คน ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ประมาณร้อยละ 11.3 และร้อยละ 11.1 ตามลำดับ สำหรับลูกจ้างในสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 16-25 คน และ 31-50 คน มีประมาณร้อยละ 6.3 และร้อยละ 5.8 ตามลำดับ ส่วนลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบการที่มีคนทำงาน 26-30 คน มีประมาณ ร้อยละ 2.2
เมื่อพิจารณาการจ้างงานตามหมวดย่อยธุรกิจ พบว่า มีลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในธุรกิจที่พักแรม การบริการอาหารและเครื่องดื่ม มากที่สุดจำนวน 86,948 คน หรือร้อยละ 24.1 รองลงมาปฏิบัติงานอยู่ในธุรกิจการขายปลีก (ยกเว้นยานยนต์ และจักรยานยนต์) จำนวน 72,451 คน หรือร้อยละ 20.1 สำหรับลูกจ้างที่ปฏิบัติงานอยู่ในธุรกิจการขายส่ง (ยกเว้นยานยนต์ และจักรยานยนต์) การขายส่ง และการขายปลีก การซ่อมยานยนต์ และจักรยานยนต์ มีจำนวน 54,156 คน หรือร้อยละ 15.0 และ 46,936 คน หรือร้อยละ 13.0 ตามลำดับ ที่เหลือปฏิบัติงานในธุรกิจนอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น
สถานประกอบการธุรกิจฯ ในปริมณฑลที่มีการจ้างงานมีทั้งสิ้นจำนวน 57,154 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 39.3 ของสถานประกอบการทั้งสิ้น เมื่อพิจารณาจำนวนวันทำงานต่อสัปดาห์ของลูกจ้าง พบว่า สถานประกอบการที่มีลูกจ้างปฏิบัติงาน 5-6 วันต่อสัปดาห์ มีประมาณร้อยละ 64.3 ที่ปฏิบัติงาน 7 วันต่อสัปดาห์มีประมาณร้อยละ 34.6 ที่เหลือร้อยละ 1.1 ปฏิบัติงานน้อยกว่า 5 วัน ต่อสัปดาห์
เมื่อพิจารณาจำนวนชั่วโมงทำงานเฉลี่ยต่อวันของลูกจ้าง พบว่า สถานประกอบการส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.6 มีลูกจ้างปฏิบัติงานเฉลี่ย 8-10 ชั่วโมงต่อวัน สถานประกอบการที่มีลูกจ้างปฏิบัติงานมากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวัน มีประมาณ ร้อยละ 13.4 ส่วนที่มีลูกจ้างปฏิบัติงานน้อยกว่า 8 ชั่วโมง มีประมาณร้อยละ 5.0
ลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในสถานประกอบการธุรกิจทางการค้าและธุรกิจทางการบริการในปริมณฑล ได้รับค่าตอบแทนแรงงานรวมทั้งสิ้นประมาณ 45,322 ล้านบาท หรือโดยเฉลี่ย 125,848 บาท ต่อคนต่อปี โดยลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในธุรกิจเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสาร และการสื่อสาร ได้รับค่าตอบแทนแรงงานเฉลี่ยต่อคนต่อปีสูงสุดคือ 220,654 บาท รองลงมาคือลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในธุรกิจเกี่ยวกับการขายส่ง (ยกเว้นยานยนต์และจักรยานยนต์) และธุรกิจเกี่ยวกับกิจกรรมทางวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคนิค ได้รับค่าตอบแทนเฉลี่ยต่อคนต่อปี 160,165 บาท และ 157,477 บาท ตามลำดับ สำหรับลูกจ้างที่ปฏิบัติงานอยู่ในธุรกิจที่พักแรม การบริการอาหารและเครื่องดื่ม ได้รับค่าตอบแทนเฉลี่ยต่อคนต่อปีต่ำที่สุดคือ 95,578 บาท
ในปี 2554 การประกอบธุรกิจทางการค้าและธุรกิจทางการบริการในปริมณฑล มีรายได้จากการดำเนินงาน รวมทั้งสิ้นประมาณ 773,927.9 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายขั้นกลางประมาณ 597,011 ล้านบาท และมูลค่าเพิ่มประมาณ 176,916.9 ล้านบาท โดยมูลค่าเพิ่มต่อรายได้จากการดำเนินงานมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 22.9 สำหรับรายได้จากการดำเนินงานเฉลี่ยต่อสถานประกอบการ มีมูลค่าประมาณ 5.3 ล้านบาท และรายได้จากการดำเนินงานเฉลี่ยต่อคนทำงานมีมูลค่าประมาณ 1.4 ล้านบาท ในด้านมูลค่าเพิ่มเฉลี่ยต่อสถานประกอบการ และเฉลี่ยต่อคนทำงานมีมูลค่าประมาณ 1.2 ล้านบาท และ 314,000 บาท ตามลำดับ
เมื่อพิจารณาตามหมวดย่อยธุรกิจ พบว่า ธุรกิจการขายส่ง(ยกเว้นยานยนต์และจักรยานยนต์) มีรายได้จากการดำเนินงานสูงที่สุดประมาณ 234,626.7 ล้านบาท รองลงมาคือ ธุรกิจการขายปลีก (ยกเว้นยานยนต์และจักรยานยนต์)และธุรกิจการขายส่ง และการขายปลีกการซ่อมแซมยานยนต์และรถจักรยานยนต์ มีรายได้จากการดำเนินงานประมาณ 219,188.9 ล้านบาท และ 161,299.3 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนธุรกิจศิลปะความบันเทิง และนันทนาการ มีรายได้จากการดำเนินงานต่ำที่สุดประมาณ 4,222.9 ล้านบาท สำหรับมูลค่าเพิ่ม พบว่า ธุรกิจการขายปลีก (ยกเว้นยานยนต์และจักรยานยนต์) มีมูลค่าเพิ่มสูงที่สุดประมาณ 48,319.8 ล้านบาท รองลงมาคือธุรกิจการขายส่ง (ยกเว้นยานยนต์และจักรยานยนต์) และธุรกิจการขายส่งและการขายปลีกการซ่อมแซม ยานยนต์และรถจักรยานยนต์มีมูลค่าเพิ่มประมาณ 36,954.7 ล้านบาท และ 26,775.9 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับธุรกิจข้อมูลข่าวสารและการสื่อสารมีมูลค่าเพิ่มต่ำที่สุดประมาณ 1,100 ล้านบาท
ผู้ประกอบการธุรกิจฯ ในปริมณฑล ประมาณร้อยละ 66.0 ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญในการดำเนินกิจการ ดังนี้ เศรษฐกิจไม่ดี/ชะลอตัว การแข่งขันทางการค้าเพิ่มมากขึ้น กำลังซื้อของลูกค้าลดลง และต้นทุนในการดำเนินธุรกิจสูงขึ้น เป็นต้น
สำหรับความช่วยเหลือที่ต้องการจากหน่วยงานของรัฐและข้อเสนอแนะนั้น มีผู้ประกอบการธุรกิจฯ ในปริมณฑล ประมาณร้อยละ 55.5 ได้ระบุความต้องการและข้อเสนอแนะ ดังนี้ รัฐควรมีมาตรการควบคุมราคาสินค้า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการลดอัตราภาษี และ สนับสนุนแหล่งเงินทุน เป็นต้น
ภาพรวมของการประกอบการธุรกิจทางการค้าและธุรกิจทางการบริการในปริมณฑลระยะ 10 ปี ที่ผ่านมา พบว่า จำนวนสถานประกอบการ การจ้างงาน มูลค่ารายรับ และมูลค่าเพิ่ม มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นในปี 2552 ที่หดตัวลงเนื่องจากเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก สำหรับในปี 2554 ซึ่งเกิดเหตุการณ์มหาอุทกภัยในทุกพื้นที่ของประเทศ สถานประกอบการธุรกิจหยุดกิจการชั่วคราว แต่อย่างไรก็ตามภาพรวมของผลประกอบการธุรกิจก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลระหว่าง สำมะโน/สำรวจของธุรกิจทางการค้าและธุรกิจทางการบริการปี 2555 กับปี 2545 ซึ่งเป็นข้อมูลผลการดำเนินกิจการในรอบปีก่อนหน้าสำมะโน/สำรวจพบว่า ในช่วง 10 ปีนี้ สถานประกอบการธุรกิจฯที่มีคนทำงาน 1 คนขึ้นไป ที่ตั้งอยู่ในปริมณฑล มีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.8 สำหรับจำนวนคนทำงานและคนทำงานเฉลี่ยต่อสถานประกอบการเพิ่มขึ้นร้อยละ 76.5 และร้อยละ 21.9 ตามลำดับ
ในด้านการจ้างงาน พบว่า จำนวนลูกจ้างเพิ่มขึ้นถึง 1.2 เท่าหรือร้อยละ 124.6 จำนวนลูกจ้างเฉลี่ยต่อสถานประกอบการเพิ่มขึ้นร้อยละ 56.3 สำหรับค่าตอบแทนแรงงานที่ลูกจ้างได้รับมีมูลค่าเพิ่มขึ้นสูงถึง 2.6 เท่า หรือร้อยละ 258.0 ในช่วง 10 ปี
สำหรับรายได้จากการดำเนินงาน เพิ่มขึ้น 1.7 เท่า หรือร้อยละ 167.1 ซึ่งส่งผลให้มูลค่าเพิ่มของสถานประกอบการธุรกิจทางการค้าและธุรกิจทางการบริการในปริมณฑลในช่วง 10 ปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 78.0
ผลจากการสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2555 ของธุรกิจทางการค้าและธุรกิจทางการบริการ พบว่า มีสถานประกอบการธุรกิจที่ตั้งอยู่ในปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 145,510 แห่ง ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 98.2 เป็นสถานประกอบการขนาดเล็กที่มีคนทำงาน 1-15 คน ธุรกิจที่สำคัญได้แก่ ธุรกิจการขายปลีก(ยกเว้นยานยนต์ และจักรยานยนต์) มีประมาณร้อยละ 38.8 คนทำงานในสถานประกอบการมีจำนวนทั้งสิ้น 563,403 คน มีการจ้างงานทั้งสิ้น 360,133 คน ค่าตอบแทนเฉลี่ยของลูกจ้างต่อคนต่อปีประมาณ 125,848 บาท สำหรับรายได้จากการดำเนินงานค่าใช้จ่ายขั้นกลางและมูลค่าเพิ่มมีมูลค่าทั้งสิ้น ประมาณ 773,927.9 ล้านบาท 597,011 ล้านบาท และ 176,916.9 ล้านบาท ตามลำดับ
เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลการสำรวจ/สำมะโนระหว่างปี 2545-2555 พบว่า ผลจากการสำรวจ/สำมะโน สะท้อนให้เห็นว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาการประกอบธุรกิจในปริมณฑล มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนสถานประกอบการที่เพิ่มขึ้นรวมทั้งมีการจ้างงานและอัตราค่าตอบแทนแรงงานที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวดีขึ้นมีการลงทุนขยายกิจการและการจ้างงานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ