สำหรับจำนวนผู้มีงานทำ 38.32 ล้านคน ประกอบด้วยผู้ทำงานในภาคเกษตรกรรม 13.13 ล้านคน และนอกภาคเกษตรกรรม 25.19 ล้านคน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายน พ.ศ. 2557 พบว่า จำนวนผู้ทำงานในภาคเกษตรกรรมลดลง 3.7 แสนคน ในขณะที่นอกภาคเกษตรกรรมมีจำนวนผู้ทำงานเพิ่มขึ้น 2.4 แสนคน (จาก 24.95 ล้านคน เป็น 25.19 ล้านคน) ในจำนวนนี้เป็นการเพิ่มขึ้นในสาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร 1.6 แสนคน สาขาการขนส่งและส5นที่เก็บสินค้า 8.0 หมื่นคน สาขาการบริหารราชการ การป้องกันประเทศและการประกันสังคม ภาคบังคับ 7.0 หมื่นคน สาขากิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ 5.0 หมื่นคน สาขากิจกรรมการบริการด้านอื่น ๆ เช่น กิจกรรมบริการเพื่อสร้างเสริมสุขภาพร่างกาย การดูแลสัตว์เลี้ยง การบริการซักรีดและซักแห้ง เป็นต้น 3.0 หมื่นคน สาขากิจกรรมทางการเงินและการประกันภัยและสาขากิจกรรมด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์เพิ่มขึ้นเท่ากันคือ 2.0 หมื่นคน และสาขาการขายส่งการขายปลีก การซ่อมยานยนต์และรถจักรยานยนต์ 1.0 หมื่นคน ส่วนสาขาที่ลดลงมากที่สุดคือสาขาการก่อสร้าง 8.0 หมื่นคน สาขาการผลิต 4.0 หมื่นคน และสาขาการศึกษา 1.0 หมื่นคน และที่เหลือกระจายอยู่ในสาขาอื่นๆ
หากพิจารณาถึงจำนวนผู้ที่ทำงานแต่ยังทำงานได้ ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นผู้ทำงานแต่ยังมีเวลาและพร้อมที่จะทำงานได้อีก หรือเรียกคนทำงานในกลุ่มนี้ว่า ผู้ทำงานต่ำกว่าระดับ (Underemployment workers) จากผลการสำรวจพบว่า มีผู้ที่ทำงานต่ำกว่าระดับ 1.95 แสนคน หรือร้อยละ 0.5 ของจำนวนผู้ทำงานทั้งหมด ซึ่งคนกลุ่มนี้แม้ว่าจะมีงานทำแล้วก็ตาม แต่ยังมีเวลาว่างที่มากพอและพร้อมที่จะทำงานเพิ่มขึ้น เพื่อต้องการเพิ่มรายได้ให้กับตนเอง
เมื่อพิจารณาจำนวนผู้ทำงานต่ำกว่าระดับ จำแนกตามเพศ พบว่า โดยปกติแล้วเพศชายมากกว่าเพศหญิง สำหรับเดือนกันยายน 2558 เพศชายมีจำนวนผู้ทำงาน ต่ำกว่าระดับ 1.2 แสนคน (ร้อยละ 0.6) และเพศหญิง 7.5 หมื่นคน (ร้อยละ 0.4) ตามลำดับ
สำหรับจำนวนผู้ว่างงานในเดือนกันยายน พ.ศ. 2558 มีทั้งสิ้น 3.0 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงาน ร้อยละ 0.8 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 จำนวนผู้ว่างงานลดลง 1.1 หมื่นคน (จาก 3.11 แสนคน เป็น 3.00 แสนคน) และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2558 จำนวนผู้ว่างงานลดลง 7.7 หมื่นคน (จาก 3.77 แสนคน เป็น 3.00 แสนคน) เมื่อเปรียบเทียบอัตราการว่างงานกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา พบว่าอัตราการว่างงานไม่เปลี่ยนแปลง (ร้อยละ 0.8) เมื่อเปรียบเทียบอัตราการว่างงาน ตามเพศใน เดือนกันยายน พ.ศ. 2558 พบว่า เพศชายมีอัตราการว่างงานสูงกว่าเพศหญิงคือร้อยละ 0.8 และร้อยละ 0.7 ตามลำดับ เมื่อพิจารณา5งจำนวนผู้ว่างงาน พบว่า ผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อน 1.38 แสนคน และผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน 1.62 แสนคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 7 พันคน จากช่วงเวลาเดียวกันของ ปีที่แล้ว (จาก 1.55 แสนคน เป็น 1.62 แสนคน) โดยเป็น ผู้ว่างงานจากภาคการบริการและการค้า 8.5 หมื่นคน ภาคการผลิต 5.6 หมื่นคน และภาคเกษตรกรรม 2.1 หมื่นคน ตามลำดับ
สำหรับการว่างงานตามกลุ่มอายุ พบว่า กลุ่มวัยเยาวชน หรือผู้มีอายุระหว่าง 15-24 ปี มีอัตราการว่างงานร้อยละ 4.3 ซึ่งปกติในกลุ่มนี้อัตราการว่างงานจะสูง ส่วนกลุ่มวัยผู้ใหญ่ (อายุ 25 ปีขึ้นไป) มีอัตราการว่างงานร้อยละ 0.3 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 กลุ่มวัยเยาวชนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.1 เป็นร้อยละ 4.3 แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2558 กลุ่มวัยเยาวชน มีอัตราการว่างงานลดลงจากร้อยละ 5.6 เป็นร้อยละ 4.3 สำหรับในกลุ่มวัยผู้ใหญ่อัตราการว่างงานลดลงจากร้อยละ 0.4 เป็นร้อยละ 0.3 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา
สำหรับระดับการศึกษาที่สำเร็จของผู้ว่างงานใน เดือนกันยายน พ.ศ. 2558 พบว่า ผู้ว่างงานที่สำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษา 1.19 แสนคน (อัตราการว่างงาน ร้อยละ 1.4) รองลงมาเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 5.3 หมื่นคน (ร้อยละ 0.9) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 5.2 หมื่นคน (ร้อยละ 0.8) ระดับประถมศึกษา 5.2 หมื่นคน (ร้อยละ 0.6) และผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา 2.4 หมื่นคน (ร้อยละ 0.2) และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 พบว่า จำนวนผู้ว่างงานในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นลดลง 3.7 หมื่นคน ส่วนที่เพิ่มขึ้นคือระดับอุดมศึกษา 1.6 หมื่นคน ผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเท่ากันคือ 4 พันคน และระดับประถมศึกษา 2 พันคน
เมื่อพิจารณาจำนวนผู้ว่างงาน เป็นรายภาค พบว่า ภาคกลางมีจำนวนผู้ว่างงานสูงสุด 1.09 แสนคน อัตราการว่างงาน (ร้อยละ 0.9) รองลงมาเป็นกรุงเทพมหานคร 4.9 หมื่นคน (ร้อยละ 0.9) ภาคใต้ 4.8 หมื่นคน (ร้อยละ 0.9) ภาคเหนือ 4.7 หมื่นคน (ร้อยละ 0.7) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4.7 หมื่นคน (ร้อยละ 0.5) เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกันยายน พ.ศ. 2557 จะเห็นได้ว่าจำนวนผู้ว่างงานทั่วประเทศลดลง 1.1 หมื่นคน (จาก 3.11 แสนคน เป็น 3.00 แสนคน) เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวนผู้ว่างงานลดลงมากที่สุด 2.2 หมื่นคน รองลงมาเป็นภาคใต้ 2.0 หมื่นคน และภาคเหนือ 2 พันคน ในขณะที่กรุงเทพมหานครมีจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 1.8 หมื่นคน และภาคกลาง 1.5 หมื่นคน