โครงสร้างกำลังแรงงาน
ผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร เดือน มกราคม พ.ศ. 2560 พบว่า จำนวนผู้มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป 55.80 ล้านคน โดยเป็นผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานหรือผู้ที่พร้อมที่จะทำงาน 37.97 ล้านคน ซึ่งประกอบด้วย ผู้มีงานทำ 37.25 ล้านคน ผู้ว่างงาน 4.47 แสนคน และผู้ที่รอฤดูกาล 2.74 แสนคน ส่วนผู้ที่อยู่นอกกำลังแรงงานหรือผู้ที่ไม่พร้อมทำงาน 17.83 ล้านคน ได้แก่ แม่บ้าน นักเรียน คนชรา เป็นต้น
ภาวะการทำงาน
สำหรับจำนวนผู้มีงานทำ 37.25 ล้านคน ประกอบด้วยผู้ทำงานในภาคเกษตรกรรม 10.77 ล้านคน และนอกภาคเกษตรกรรม 26.48 ล้านคน เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม พ.ศ.2559 พบว่า ในภาคเกษตรกรรมมีจำนวนผู้ทำงานลดลง 5.0 หมื่นคน (จาก 10.82 ล้านคน เป็น 10.77 ล้านคน) ส่วนใหญ่เป็นการลดลงในการปลูกมันสำปะหลัง การปลูกข้าวจ้าว การปลูกลำไย และนอกภาคเกษตรกรรมมีจำนวนผู้ทำงานลดลง 2.8 แสนคน (จาก 26.76 ล้านคน เป็น 26.48 ล้านคน) ในจำนวนนี้เป็นการลดลงในสาขาการผลิต 4.4 แสนคน สาขาการก่อสร้าง 2.1 แสนคน สาขากิจกรรมด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์ 8.0 หมื่นคน สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า 5.0 หมื่นคน และสาขาการบริหารราชการ การป้องกันประเทศ และการประกันสังคมภาคบังคับ 1.0 หมื่นคน ส่วนสาขา ที่เพิ่มขึ้นคือสาขาการขายส่งและการขายปลีกการซ่อม ยานยนต์และร5จักรยานยนต์ 3.5 แสนคน สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร 1.6 แสนคน สาขาการศึกษาและสาขากิจกรรมการบริการด้านอื่น ๆ เช่น กิจกรรมบริการเพื่อสร้างเสริมสุขภาพร่างกายการดูแลสัตว์เลี้ยง การบริการซักรีดและซักแห้ง เป็นต้น เพิ่มขึ้นเท่าๆ กันประมาณ 6.0 หมื่นคน สาขากิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ 4.0 หมื่นคน และที่เหลือกระจาย อยู่ในสาขาอื่นๆ
หากพิจารณาถึงจำนวนผู้ที่ทำงานแต่ยังทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งคนกลุ่มนี้เป็นผู้ทำงานแต่ยังมีเวลาและต้องการที่จะทำงานเพิ่ม หรือเรียกคนทำงานในกลุ่มนี้ว่า ผู้ทำงานต่ำกว่าระดับ (Underemployment workers) จากผลการสำรวจพบว่า มีผู้ที่ทำงานต่ำกว่าระดับ 3.15 แสนคน หรือร้อยละ 0.9 ของจำนวนผู้ทำงานทั้งหมด ซึ่งคนกลุ่มนี้แม้ว่าจะมีงานทำแล้วก็ตาม แต่ยังมีเวลาว่างที่มากพอและต้องการที่จะทำงานเพิ่มขึ้น เพื่อต้องการเพิ่มรายได้ให้กับตนเอง
เมื่อพิจารณาจำนวนผู้ทำงานต่ำกว่าระดับ จำแนก ตามเพศ พบว่า โดยปกติแล้วเพศชายมากกว่าเพศหญิง สำหรับเดือนมกราคม 2560 เพศชายมีจำนวนผู้ทำงาน ต่ำกว่าระดับ 2.02 แสนคน (ร้อยละ 1.0) และเพศหญิง 1.13 แสนคน (ร้อยละ 0.7)
ภาวะการว่างงาน
สำหรับจำนวนผู้ว่างงานในเดือนมกราคม พ.ศ. 2560 มีทั้งสิ้น 4.47 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 1.2 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 1.0 แสนคน (จาก 3.47 แสนคน เป็น 4.47 แสนคน) และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 1.44 แสนคน (จาก 3.03 แสนคน เป็น 4.47 แสนคน)
เมื่อเปรียบเทียบอัตราการว่างงานกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา พบว่า อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น (จากร้อยละ 0.9 เป็นร้อยละ 1.2) หากเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมาอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น (จากร้อยละ 0.8 เป็นร้อยละ 1.2)
เมื่อพิจารณาอัตราการว่างงาน ตามเพศในเดือนมกราคม พ.ศ. 2560 พบว่า เพศชายและเพศหญิงมีอัตราการว่างงานเท่ากันคือร้อยละ 1.2
หากเปรียบเทียบอัตราการว่างงานกับเดือนมกราคม พ.ศ.2559 จะเห็นว่าอัตราการว่างงานเพศชายเพิ่มขึ้น (จาก ร้อยละ 1.0 เป็นร้อยละ 1.2) และเพศหญิงเพิ่มขึ้น(จากร้อยละ 0.9 เป็นร้อยละ 1.2)
- การว่างงานตามกลุ่มอายุ
สำหรับการว่างงานตามกลุ่มอายุ พบว่า กลุ่มวัยเยาวชนหรือผู้มีอายุ 15-24 ปี มีอัตราการว่างงานร้อยละ 5.1 ซึ่งปกติในกลุ่มนี้อัตราการว่างงานจะสูง ส่วนกลุ่มวัยผู้ใหญ่ (อายุ 25 ปีขึ้นไป) มีอัตราการว่างงานร้อยละ 0.7 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 กลุ่มวัยเยาวชนมีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.3 เป็นร้อยละ 5.1 และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธันวาคม พ.ศ. 2559 กลุ่มวัยเยาวชนมีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.5 เป็นร้อยละ 5.1 สำหรับในกลุ่มวัยผู้ใหญ่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 0.7
สำหรับระดับการศึกษาที่สำเร็จของผู้ว่างงานใน เดือนมกราคม พ.ศ. 2560 พบว่า ผู้ว่างงานที่สำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษา 1.58 แสนคน (อัตราการว่างงานร้อยละ 1.9)รองลงมาเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 9.3 หมื่นคน (ร้อยละ 1.5) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 9.1 หมื่นคน (ร้อยละ 1.5) ระดับประถมศึกษา 7.3 หมื่นคน (ร้อยละ 0.9) และผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา 3.2 หมื่นคน (ร้อยละ 0.4) เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 พบว่า จำนวนผู้ว่างงานในระดับอุดมศึกษาเพิ่มขึ้น 5.5 หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นเพิ่มขึ้น 2.0 หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายเพิ่มขึ้น 1.4 หมื่นคน ระดับประถมศึกษาเพิ่มขึ้น 1.2 หมื่นคน และผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษาเพิ่มขึ้น 2.0 พันคน
เมื่อพิจารณาถึงจำนวนผู้ว่างงาน พบว่า เป็นผู้ว่างงานที่ ไม่เคยทำงานมาก่อน 1.91 แสนคน และผู้ว่างงานที่เคยทำงาน มาก่อน 2.56 แสนคน ซึ่งในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น 5.6 หมื่นคน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (จาก 2.00 แสนคน เป็น 2.56 แสนคน) โดยเป็นผู้ว่างงานจากภาคการผลิต 1.07 แสนคน ภาคการบริการและการค้า 1.01 แสนคน และภาคเกษตรกรรม 4.8 หมื่นคน
สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษา 1.05 แสนคน ในจำนวนนี้เป็นผู้สำเร็จสายวิชาการ 7.2 หมื่นคน สายอาชีวศึกษา 1.8 หมื่นคน และสายวิชาการศึกษา 1.5 หมื่นคน รองลงมาเป็นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 3.5 หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 3.2 หมื่นคน ระดับประ5มศึกษา 1.5 หมื่นคน และผู้ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา 4.0 พันคน
สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 6.1 หมื่นคน ระดับประ5มศึกษา 5.8 หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 5.6 หมื่นคน ระดับอุดมศึกษา 5.3 หมื่นคน และผู้ที่ไม่มีการศึกษาและ ต่ำกว่าประ5มศึกษา 2.8 หมื่นคน
เมื่อพิจารณาจำนวนผู้ว่างงาน เป็นรายภาค พบว่า ภาคกลางมีจำนวนผู้ว่างงาน 1.34 แสนคน (ร้อยละ 1.1) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1.23 แสนคน (ร้อยละ 1.3) ภาคใต้ 8.6 หมื่นคน (ร้อยละ 1.7) ภาคเหนือ 7.0 หมื่นคน (ร้อยละ 1.1) และกรุงเทพมหานคร 3.4 หมื่นคน (ร้อยละ 0.7)
เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม พ.ศ. 2559 จะเห็นได้ว่าจำนวนผู้ว่างงานทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 1.0 แสนคน (จาก 3.47 แสนคน เป็น 4.47 แสนคน) เมื่อพิจารณาเป็น รายภาค พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 4.7 หมื่นคน ภาคกลางเพิ่มขึ้น 2.6 หมื่นคน ภาคใต้เพิ่มขึ้น 2.0 หมื่นคน และภาคเหนือเพิ่มขึ้น 8.0 พันคน ในขณะที่กรุงเทพมหานครมีจำนวนผู้ว่างงานลดลง 1.0 พันคน