การประมวลข้อมูลพื้นที่การก่อสร้างเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลของสิ่งก่อสร้างทุกประเภทที่เอกชนได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง ต่อเติมหรือดัดแปลงเกี่ยวกับจำนวนผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง จำนวนสิ่งก่อสร้างและพื้นที่ของสิ่งก่อสร้าง ข้อมูลดังกล่าวสามารถนำไปใช้ประโยชน์สำหรับหน่วยงานภาครัฐในการกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศ สำหรับเอกชนใช้ในการจัดทาตัวชี้วัดด้านที่อยู่อาศัย ใช้ในการติดตามภาวะเศรษฐกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ การส่งเสริมการขายและการลงทุนด้านการก่อสร้าง ข้อมูลพื้นที่การก่อสร้างใน ไตรมาสที่ 3 ปี 2559 เป็นข้อมูลในระดับภาคและทั่วประเทศเฉพาะพื้นที่ ที่มีพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และในเขตการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สรุปได้ดังนี้
1. จำนวนผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง และพื้นที่ของ
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2559 มีผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างรวม 40,907 ราย เป็นการได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างประเภทอาคารโรงเรือน 35,842 ราย และไม่ใช่อาคารโรงเรือน 5,065 ราย ดังนี้
สิ่งก่อสร้างประเภทอาคารโรงเรือนมีผู้ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง 35,842 ราย โดยร้อยละ 98.1 ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างใหม่และร้อยละ 1.9 ได้รับอนุญาตให้ต่อเติมหรือดัดแปลง เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่าลดลงร้อยละ 0.6 และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2558 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ประกอบด้วยอาคารเพื่ออยู่อาศัย อาคารเพื่อการพาณิชย์และสำนักงาน เพื่อการอุตสาหกรรมและโรงงาน อาคารโรงแรม เพื่อการศึกษาและสาธารณสุข และเพื่อประโยชน์อื่นๆ เช่น เพื่อการบำบัดน้ำเสีย โรงไฟฟ้า อาคารระบบพลังงานแสงอาทิตย์อาคารระบบประปาและโรงกรองน้ำ เพื่อการขนส่ง เพื่อการเกษตร เพื่อการบันเทิง เป็นต้น
ไตรมาสที่ 3 ปี 2559 มีผู้ที่ได้รับอนุญาต 5,065 ราย ร้อยละ 99.3 ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างใหม่และร้อยละ 0.7 ได้รับอนุญาตให้ต่อเติมหรือดัดแปลง ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างประเภทท่อ/ทางระบายน้ำ ถนน/ทางรถไฟ รั้ว/กำแพง สะพาน เขื่อน/คันดิน ฯลฯ มีจำนวน 4,077 ราย และสิ่งก่อสร้างประเภทลานจอดรถ สนามกีฬา ปั๊มน้ำมัน/ ปั๊มแก๊ส/ปั๊มก๊าซ ป้ายโฆษณา สระว่ายน้ำ ท่าเรือ ฯลฯ มีจำนวน 988 ราย
เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 และลดลงร้อยละ 7.4 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2558
ในไตรมาสที่ 3 ปี 2559 ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง อาคารโรงเรือนรวม 16.0 ล้านตร.ม. เมื่อเปรียบเทียบกับ ไตรมาสที่ผ่านมา พบว่าพื้นที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2558 ลดลงร้อยละ 11.4 ประกอบด้วยอาคารเพื่ออยู่อาศัยได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง 10.4 ล้านตร.ม. หรือร้อยละ 65.1 ของสิ่งก่อสร้างที่เป็นอาคารโรงเรือนทั้งสิ้น อาคารเพื่อการพาณิชย์และสำนักงาน 2.5 ล้านตร.ม.หรือร้อยละ 15.4 เพื่อการอุตสาหกรรมและโรงงาน 1.5 ล้านตร.ม. หรือร้อยละ 9.3 อาคารโรงแรม 0.8 ล้านตร.ม. หรือร้อยละ 5.0 เพื่อการศึกษาและสาธารณสุข ได้รับอนุญาต ให้ก่อสร้าง 0.13 ล้านตร.ม. หรือร้อยละ 0.8
สำหรับสิ่งก่อสร้างประเภทความยาว ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างทั้งสิ้น 590,605 เมตร ได้แก่ ท่อ/ทางระบายน้ามีความยาว 280,151 เมตรหรือร้อยละ 47.4 ถนนมีความยาว 137,494 เมตรหรือร้อยละ 23.3 รั้ว/กำแพงมีความยาว 114,296 เมตรหรือร้อยละ 19.4 ส่วนที่เหลือเป็นการก่อสร้างสะพาน เขื่อน/คันดิน และอื่นๆ รวม 58,664 เมตรคิดเป็นร้อยละ 9.9
เมื่อเปรียบเทียบความยาวที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างในภาพรวม 590,605 เมตร กับไตรมาสที่ผ่านมา พบว่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.2 แต่ลดลงร้อยละ 5.9 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2558
ส่วนสิ่งก่อสร้างที่ไม่ใช่อาคารโรงเรือนประเภทพื้นที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างทั้งสิ้น 551,167 ตร.ม.ได้แก่ ลานจอดรถได้รับอนุญาตให้ก่อสร้าง 280,386 ตร.ม.(ร้อยละ 50.9) ปั๊มน้ำมัน/ ปั๊มแก๊ส/ปั๊มก๊าซ 61,128 ตร.ม. หรือร้อยละ 11.1 ป้ายโฆษณา 48,804 ตร.ม. หรือร้อยละ 8.9 สนามกีฬา 27,857 ตร.ม. หรือร้อยละ 5.1 และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ เช่น สระว่ายน้ำ ลานจอดรถ ท่าเรือฯลฯ ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างรวม 132,992 ตร.ม.หรือร้อยละ 24.1
เมื่อเปรียบเทียบพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างในภาพรวม 551,167 ตร.ม. กับไตรมาสที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 และลดลงร้อยละ 26.0 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2558