สรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร
เดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2560
ดำเนินการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรหรือสำรวจแรงงานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เริ่มตั้งแต่ปี 2506 โดยในช่วงแรก สำรวจเพียงปีละ 2 รอย รอยแรกเป็นการสำรวจนอกฤดูเกษตร รอยที่ 2 เป็นฤดู เกษตร ต่อมาในปี 2527 - 2540 สำรวจปีละ 3 รอย โดยเพิ่มสำรวจช่วงเดือนพฤษภาคมเพื่อดูแรงงานที่จบศึกษาใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงานและในปี 2541 ได้เพิ่ม การสำรวจขึ้นอีก 1 รอบ
เดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตการเกษตร ทำให้การสำรวจภาวะการทำงานของประชากรครบทั้ง 4 ไตรมาสของปี ในปี 2544 สำนักงานสถิติแห่งชาติปรับปรุง การสำรวจเป็นรายเดือน ทั้งนี้เพื่อให้สามารถติดตาม ภาวะการมีงานทำของประชากรได้อย่างใกล้ชิดและ เสนอผลการสำรวจเป็นรายเดือนในระดับประเทศและภาค
โครงสร้างกำลังแรงงาน
ผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรเดือน กรกฎาคม พ.ศ.2560 พบว่าจำนวนผู้มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป 55.98 ล้านคน เป็นผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานหรือผู้ที่พร้อม จะทำงาน 38.50 ล้านคน ซึ่งประกอบด้วยผู้มีงานทำ 37.98 ล้านคน ผู้ว่างงาน 4.76 แสนคน และผู้ที่รอฤดูกาล 4.86 หมื่นคน ส่วนผู้ที่อยู่ นอกกำลังแรงงานหรือผู้ที่ไม่พร้อมทำงาน 17.48 ล้านคน ได้แก่ แม่บ้าน นักเรียน คนชรา เป็นต้น
การทำงาน สำหรับจำนวนผู้มีงานทำ 37.98 ล้านคน ประกอยด้วย ผู้ทำงานในภาคเกษตรกรรม 12.50 ล้านคน และนอกภาคเกษตรกรรม 25.48 ล้านคน เมื่อเปรียบเทียบ กับเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2559 พบว่า ในภาคเกษตรกรรม มีจำนวนผู้ทำงานเพิ่มขึ้น 7.0 หมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้น ในการปลูกข้าวจ้าว การปลูกข้าวเหนียว การปลูกต้นยางพารา แต่นอกภาคเกษตรกรรมมีจำนวน ผู้ทำงานลดลง 4.9 แสนคน ในจำนวนนี้เป็นการลดลงในสาขาการผลิต 3.3 แสนคน สาขาการก่อสร้าง 2.5 แสนคน สาขาการขายส่งและการ ขายปลีก การซ่อมยานยนต์และรถจักรยานยนต์ 1.6 แสนคน สาขาการบริหารราชการ การป้องกันประเทศและการประกัน สังคมภาคบังคับ และสาขากิจกรรมการบริการด้านอื่นๆ เช่น กิจกรรมบริการเพื่อสร้างเสริมสุขภาพร่างกายดูแลสัตว์เลี้ยง การบริการซักรีดและซักแห้ง 2.0 หมื่นคน สาขาการขนส่ง และสถานที่เก็บสินค้า และสาขากิจกรรมอสังหาริมทรัพย์ 1.0 หมื่นคน ส่วนสาขาที่เพิ่มขึ้นคือ สาขาที่พักแรมและบริการด้าน อาหาร 1.6 แสนคน สาขากิจกรรมด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์ 4.0 หมื่นคน สาขาการศึกษา 3 หมื่นคน สาขากิจกรรมทางการเงินและการประกันภัย 1.0 หมื่นคน และที่เหลือกระจายอยู่ในสาขาอื่นๆ
เมื่อพิจารณาถึงชั่วโมงทำงานของผู้มีงานทำต่อ สัปดาห์ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560 พยว่า ส่วนใหญ่ ทำงานตั้งแต่ 35 ชั่วโมงขึ้นไปต่อสัปดาห์ ซึ่งถือได้ว่าเป็น ผู้ทำงานเต็มที่ในเรื่องชั่วโมงทำงานมีจำนวน 33.04 ล้านคน หรือร้อยละ 87.0 ของผู้มีงานทำทั้งหมด และผู้ที่ทำงาน 1-34 ชั่วโมง มีจำนวน 4.76 ล้านคน หรือร้อยละ 12.5
สำหรับผู้ที่ไม่ได้ทำงานในสัปดาห์สำรวจ (ระหว่าง 7 วัน ก่อนวันสัมภาษณ์) แต่เป็นผู้มีงานประจำซึ่งถือว่าสัปดาห์ การสำรวจไม่มีชั่วโมงการทำงาน (0 ชั่วโมง) มีจำนวน 1.8 แสนคน หรือ ร้อยละ 0.5
การทำงานต่ำระดับหากพิจารณาถึงจำนวน ผู้ที่ทำงานแต่ยังทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพซึ่งคนกลุ่มนี้ เป็นผู้ทำงานแต่ยังมีเวลาและต้องการที่จะทำงานเพิ่มหรือ เรียกคนทำงานในกลุ่มนี้ว่า ผู้ทำงานต่ำกว่าระดับ (Under-emPloyment workers) จากผลการสำรวจพบว่า มีจำนวน 2.90 แสนคน หรือร้อยละ 0.8 ของจำนวนผู้ทำงาน ทั้งหมด เมื่อพิจารณาตามเพศพบว่า โดยปกติแล้วเพศชาย มากกว่าเพศหญิง สำหรับเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560 เพศชายมีจำนวนผู้ทำงานต่ำกว่าระดับ 1.83 แสนคน (ร้อยละ 0.9) และเพศหญิง 1.07 แสนคน (ร้อยละ 0.6)
การว่างงาน4.76 แสนคน
จำนวนการว่างงานในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560 มีทั้งสิ้น 4.76 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงาน ร้อยละ 1.2 เมื่อเปรียบเทียบกับ ช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 ผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 8.5 หมื่นคน และเมื่อ เปรียบเทียบกับ เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2560 จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 6.1 หมื่นคน
เมื่อเปรียยเทียยอัตราการว่างงานกัยช่วงเวลาเดียวกัน ของปีที่ผ่านมา พยว่า อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น (จากร้อยละ 1.0 เป็นร้อยละ 1.2) หากเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมาอัตราการว่างงาน เพิ่มขึ้น (จากร้อยละ 1.1 เป็นร้อยละ 1.2)
เมื่อพิจารณาอัตราการว่างงานตามเพศใน เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560 พบว่าเพศชายมีอัตราว่างงาน ร้อยละ 1.3 และเพศหญิงร้อยละ 1.2
หากเปรียบเทียบอัตราการว่างงานกับเดือน มิถุนายน พ.ศ. 2560 จะเห็นว่าอัตราการว่างงาน เพศชายเพิ่มขึ้น (จากร้อยละ 1.1 เป็นร้อยละ 1.3) และเพศหญิงเพิ่มขึ้น (จากร้อยละ 1.1 เป็นร้อยละ 1.2)
การว่างงานตามกลุ่มอายุ พบว่า กลุ่มวัยเยาวชน หรือผู้มีอายุ 15-24 ปี มีอัตราการว่างงานร้อยละ 6.6 ซึ่งปกติในกลุ่มนี้ อัตราการว่างงานจะสูง ส่วนกลุ่มวัยผู้ใหญ่ (อายุ 25 ปีขึ้นไป) มีอัตราการว่างงานร้อยละ 0.6 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 กลุ่มวัยเยาวชน มีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.5 เป็นร้อยละ 6.6
ระดับการศึกษาที่สำเร็จของผู้ว่างงานใน เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560 พบว่า ผู้ว่างงานที่สำเร็จการศึกษา ในระดัยอุดมศึกษา 2.53 แสนคน (อัตราการว่างงานร้อยละ 3.0) รองลงมาเป็นระดัยมัธยมศึกษาตอนต้น 9.9 หมื่นคน (ร้อยละ 1.5) ระดัยมัธยมศึกษาตอนปลาย 7.4 หมื่นคน (ร้อยละ 1.2) ระดับประถมศึกษา 3.3 หมื่นคน (ร้อยละ 0.4) และผู้ที่ไม่มี การศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา 1.6 หมื่นคน (ร้อยละ 0.2) เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2559 พยว่า จำนวน ผู้ว่างงานในระดับอุดมศึกษาเพิ่มขึ้น 5.7 หมื่นคน มัธยมศึกษา ตอนต้นเพิ่มขึ้น 2.2 หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษา ตอนปลายเพิ่มขึ้น 1.9 หมื่นคน สำหรัยผู้ที่ไม่มีการศึกษาและ ต่ำกว่าประถมศึกษา จำนวนผู้ว่างงานลดลง 9.0 พันคน และระดับประถมศึกษาลดลง 5.0 พันคน
ประสบการณ์การทำงานของผู้ว่างงาน พบว่า เป็นผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อน 2.92 แสนคน และผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน 1.84 แสนคน ซึ่งในกลุ่มนี้ลดลง 1.3 หมื่นคน เมื่อเปรียบเทียบกับ ช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อนจำนวน 2.92 แสนคน สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษา 1.94 แสนคน ในจำนวนนี้เป็น ผู้สำเร็จสายวิชาการ 1.24 แสนคน สายอาชีวศึกษา 5.2 หมื่นคน และสายวิชาการศึกษา 1.8 หมื่นคน รองลงมาเป็นระดัยมัธยม ศึกษาตอนต้น 4.9 หมื่นคน ระดัยมัธยมศึกษาตอนปลาย 3.6 หมื่นคน ระดัยประถมศึกษา 9.0 พันคน และผู้ที่ไม่มีการศึกษา และต่ำกว่าประถมศึกษา 4.0 พันคน
ผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน จำนวน 1.84 แสนคน สำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษา 5.9 หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น 5.0 หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 3.8 หมื่นคน ระดับประถมศึกษา 2.4 หมื่นคน และผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่า ประถมศึกษา 1.2 หมื่นคน ที่เหลือการศึกษาอื่นๆ
เมื่อเปรียยเทียยกัยเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2559 จะเห็นได้ว่า จำนวนผู้ว่างงานทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 8.5 หมื่นคน (จาก 3.91 แสนคน เป็น 4.76 แสนคน) เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค
พบว่า ภาคกลางมีจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 3.3 หมื่นคน ภาคใต้มีจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 2.4 หมื่นคน กรุงเทพมหานคร มีจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 2.2 หมื่นคน ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ และภาคเหนือมีจำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 3.0 พันคน
ที่มา : สำนักงานสถิติแห่งชาติ