สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้ทำการสำรวจยอดขายรายไตรมาสเป็นประจำทุกปี การสำรวจครั้งนี้เป็นการดำเนินการในไตรมาส 3 ของ ปี 2552 โดยใช้ขนาดตัวอย่างรวม 5,255 สถานประกอบการ จากทั่วประเทศ ข้อมูลที่เก็บรวบรวม ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับการจำหน่ายปลีกสินค้าและ บริการของสถานประกอบการ และข้อมูลสินค้าคงเหลือของธุรกิจประเภทขายปลีก
ผลการสำรวจในปี 2552 ไตรมาส 3 ทั่วราชอาณาจักร สรุปได้ดังนี้
ในไตรมาส 3 ปี 2552 ภาพรวมของธุรกิจทั่วประเทศ มีมูลค่าขาย/รายรับปรับตัวดีขึ้น โดยหดตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา เหลือร้อยละ 1.2 สำหรับธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮาส์ และหอพัก และการให้เช่าของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือน มีรายรับลดลงเท่า กันคือร้อยละ 5.1 และธุรกิจการขายปลีกและกิจกรรมนันทนาการ สำนักข่าว และการกีฬา มีรายรับลดลงเท่ากันคือร้อยละ 1.3 ในขณะที่ธุรกิจ การบริการอื่น ๆ และภัตตาคารและร้านอาหาร มีรายรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 และ 2.0 ตามลำดับ
ประเภทธุรกิจ Q3/52 รวม -1.2 การขายปลีก -1.3 โรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮาส์ และหอพัก -5.1 ภัตตาคารและร้านอาหาร 2.0 การให้เช่าของใช้ส่วนบุคคลฯ -5.1 กิจกรรมนันทนาการ สำนักข่าว และการกีฬา -1.3 การบริการอื่น ๆ 2.5
1.1 ธุรกิจค้าปลีก
สำหรับธุรกิจค้าปลีก พบว่า ในไตรมาส 3 มียอดขายลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1 โดยมียอดขายลดลงร้อยละ 1.3
เมื่อพิจารณาตามขนาดของกิจการ พบว่า ในไตรมาส 3 กิจการเกือบทุกขนาดมียอดขายลดลง โดยกิจการที่มีคนทำงาน 26 - 30 คน มียอดขายลดลงสูงที่สุดร้อยละ 12.1 สาเหตุที่มียอดขายลดลง สถานประกอบการร้อยละ 33.4 รายงานว่าเนื่องจากลูกค้ามีกำลังซื้อลดลง
สำหรับกิจการขนาดกลาง (คนทำงาน 51 - 200 คน) และกิจการที่มีคนทำงาน 16 - 25 คน พบว่า ในไตรมาส 3 มียอดขาย เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 และ 1.8 ตามลำดับ
ประเภทของธุรกิจค้าปลีกที่มียอดขายลดลงในไตรมาส 3 ได้แก่ ขายปลีกอาหาร เครื่องดื่ม หรือยาสูบ เป็นสินค้าหลัก ดิสเคาน์สโตร์ ร้านสะดวกซื้อ (ร้อยละ 9.8) และขายปลีกสิ่งทอ เสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องหนัง (ร้อยละ 7.7)
สำหรับธุรกิจค้าปลีกที่มียอดขายเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ได้แก่ ขายปลีกของใช้แล้ว ขายโดยไม่มีร้านซ่อมแซมของใช้ (ร้อยละ 5.9) ขายปลีกสินค้าอื่น ๆ (ร้อยละ 5.0) ขายปลีกเครื่องโลหะ สีทา และกระจก (ร้อยละ 4.1) ขายปลีกสินค้าทั่วไป ห้างสรรพสินค้า (ร้อยละ 2.3) ขายปลีกอาหาร เครื่องดื่ม หรือยาสูบ ในร้านเฉพาะอย่าง (ร้อยละ 2.2) ขายปลีกเครื่องใช้สิ่งของและอุปกรณ์ในครัวเรือน (ร้อยละ 0.3) และ ขายปลีกยา เวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง (ร้อยละ 0.1)
ขนาดของสถานประกอบการ Q3/52 (จำนวนคนทำงาน) รวม -1.3 1 - 15 คน -2.7 16 - 25 คน 1.8 26 - 30 คน -12.1 31 - 50 คน -1.2 51 - 200 คน 3.5 มากกว่า 200 คน -0.5
1.2 ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮาส์ และหอพัก
ธุรกิจประเภทโรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮาส์ และหอพัก พบว่า ในไตรมาส 3 ยังมีมูลค่ารายรับลดลงจากไตรมาสก่อนอย่างต่อเนื่อง ประมาณร้อยละ 5.1
เมื่อพิจารณาตามขนาดของกิจการ พบว่า ในไตรมาส 3 กิจการเกือบทุกขนาดมีมูลค่ารายรับลดลง โดยกิจการที่มีคนทำงาน 16 - 25 คน มีรายรับลดลงสูงที่สุดร้อยละ 12.8 รองลงมาคือกิจการที่มีคนทำงาน 26 - 30 คน ลดลงร้อยละ 11.8 สาเหตุที่มีรายรับลดลง สถานประกอบการร้อยละ 50.3 รายงานว่าเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งมีผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ทำให้อัตรา เข้าพักแรมลดลง
สำหรับกิจการที่มีคนทำงาน 31 - 50 คน มีรายรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 สาเหตุที่มีรายรับเพิ่มขึ้นนั้น สถาน-ประกอบการร้อยละ 57.2 รายงานว่าเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดตามประเพณี ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น
ขนาดของสถานประกอบการ Q3/52 (จำนวนคนทำงาน) รวม -5.1 1 - 15 คน -5.6 16 - 25 คน -12.8 26 - 30 คน -11.8 31 - 50 คน 2.5 51 - 200 คน -8.2 มากกว่า 200 คน -4.2
1.3 ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร
ด้านธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร มีมูลค่ารายรับปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา โดยมีรายรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 2.0
เมื่อพิจารณาตามขนาดของกิจการ พบว่า กิจการเกือบทุกขนาดมีมูลค่ารายรับเพิ่มขึ้น โดยกิจการที่มีคนทำงาน 26 - 30 คน มี รายรับเพิ่มขึ้นสูงที่สุดร้อยละ 19.3 สาเหตุที่รายรับเพิ่มขึ้น สถานประกอบการร้อยละ 61.6 รายงานว่าเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ทำให้ลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น
สำหรับกิจการที่มีคนทำงาน 16 - 25 คน และกิจการขนาดกลาง (คนทำงาน 51 - 200 คน) มีรายรับลดลงเล็กน้อยในไตรมาส 3 ร้อยละ 1.2 และร้อยละ 0.3 ตามลำดับ
ขนาดของสถานประกอบการ Q3/52 (จำนวนคนทำงาน) รวม 2.0 1 - 15 คน 1.2 16 - 25 คน -1.2 26 - 30 คน 19.3 31 - 50 คน 5.9 51 - 200 คน -0.3 มากกว่า 200 คน 0.8 1.4 ธุรกิจการให้เช่าของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือน
ธุรกิจการให้เช่าของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือน เช่น การให้เช่ากล้องและอุปกรณ์การถ่ายภาพ การให้เช่าวีดีโอ วีซีดี และ ดีวีดี การให้เช่าเครื่องแต่งกายที่ใช้ในงานพิธีต่าง ๆ การให้เช่าโต๊ะ เก้าอี้ เครื่องครัว และการให้เช่าหนังสือ เป็นต้น พบว่า ในไตรมาส 3 มี มูลค่ารายรับปรับตัวลดลงร้อยละ 5.1 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา
เมื่อพิจารณาตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า กิจการขนาดเล็ก (คนทำงาน 1 - 15 คน) มีมูลค่ารายรับลดลงร้อยละ 5.3 สาเหตุที่มีรายรับลดลง สถาน-ประกอบการร้อยละ 40.4 รายงานว่าเนื่องจากเศรษฐกิจมีการชะลอตัวลง ทำให้มีลูกค้าลดลง
สำหรับกิจการที่มีคนทำงาน 16 - 25 คน และ 31 - 50 คน มีรายรับเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ร้อยละ 3.9 และ 2.6 ตามลำดับ สาเหตุที่มีรายรับเพิ่มขึ้น สถาน-ประกอบการร้อยละ 59.6 รายงานว่าเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดตามประเพณี ทำให้มีผู้มาใช้บริการมากขึ้น
ขนาดของสถานประกอบการ Q3/52 (จำนวนคนทำงาน) รวม -5.1 1 - 15 คน -5.3 16 - 25 คน 3.9 26 - 30 คน - 31 - 50 คน 2.6 51 - 200 คน - มากกว่า 200 คน -
1.5 กิจกรรมนันทนาการ สำนักข่าว และการกีฬา
กิจกรรมนันทนาการ สำนักข่าว และการกีฬา พบว่า ในไตรมาส 3 มีมูลค่ารายรับปรับตัวลดลงร้อยละ 1.3 เมื่อเทียบกับไตรมาส ที่ผ่านมา
เมื่อพิจารณาตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า กิจการขนาดกลาง (คนทำงาน 51 - 200 คน) มีรายรับลดลงสูงที่สุดร้อยละ 6.8 สาเหตุที่มีรายรับลดลง สถานประกอบการร้อยละ 35.8 รายงานว่าเนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนทำให้มีงานน้อยลง
สำหรับกิจการที่มีคนทำงาน 31 - 50 คน มีรายรับเพิ่มขึ้นสูงที่สุดในไตรมาส 3 ร้อยละ 5.0 สาเหตุที่มีรายรับเพิ่มขึ้นนั้น สถานประกอบการร้อยละ 39.5 รายงานว่า เนื่องจากลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น
ธุรกิจที่มีรายรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ การบันเทิงอื่น ๆ นันทนาการอื่น ๆ กิจกรรมสำนักข่าว และผลิต ขาย ให้เช่ารายการวิทยุ โทรทัศน์
ขนาดของสถานประกอบการ Q3/52 (จำนวนคนทำงาน) รวม -1.3 1 - 15 คน 2.7 16 - 25 คน 3.9 26 - 30 คน -5.0 31 - 50 คน 5.0 51 - 200 คน -6.8 มากกว่า 200 คน -3.6
1.6 ธุรกิจการบริการอื่น ๆ
ธุรกิจการบริการอื่น ๆ ได้แก่ บริการซักรีด ทำความสะอาด บริการเสริมสวย สถานเสริมความงามต่าง ๆ กิจกรรมเกี่ยวกับการทำศพ และการบริการอื่น ๆ พบว่า ในไตรมาส 3 ยังมีมูลค่ารายรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนอย่างต่อเนื่อง ประมาณร้อยละ 2.5
เมื่อพิจารณาตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า กิจการเกือบทุกขนาดมีมูลค่ารายรับลดลง โดยกิจการขนาดใหญ่ (คนทำงานมากกว่า 200 คน) มีรายรับลดลงสูงที่สุดร้อยละ 10.1
สำหรับกิจการขนาดเล็ก (คนทำงาน 1 - 15 คน) มีรายรับเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ร้อยละ 3.6 สาเหตุที่รายรับเพิ่มขึ้น สถานประกอบการร้อยละ 32.6 รายงานว่าเนื่องจากลูกค้ามีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น
ขนาดของสถานประกอบการ Q3/52 (จำนวนคนทำงาน) รวม 2.5 1 - 15 คน 3.6 16 - 25 คน -7.8 26 - 30 คน -7.9 31 - 50 คน -4.7 51 - 200 คน -1.1 มากกว่า 200 คน -10.1 2. การเปลี่ยนแปลงมูลค่าสินค้าคงเหลือระหว่างไตรมาสของการขายปลีก
ภาพรวมของมูลค่าสินค้าคงเหลือของธุรกิจค้าปลีกในไตรมาส 3 ปี 2552 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา โดย พบว่า ธุรกิจค้าปลีกมีมูลค่าสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยร้อยละ 0.3 ในส่วนของการขายปลีกสินค้าแต่ละประเภท พบว่า ธุรกิจค้าปลีกเกือบ ทุกประเภท มีมูลค่าสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้น โดยการขายปลีกเครื่องโลหะ สีทา และกระจก มีสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นสูงที่สุดร้อยละ 10.0
สำหรับการขายปลีกสินค้าอื่น ๆ สินค้าทั่วไป ห้างสรรพสินค้า และอาหาร เครื่องดื่ม หรือยาสูบ เป็นสินค้าหลัก มีมูลค่าสินค้าคงเหลือ ลดลงในไตรมาส 3 ร้อยละ 6.0 ร้อยละ 3.7 และร้อยละ 0.4 ตามลำดับ
เมื่อพิจารณาการเปลี่ยนแปลงมูลค่าสินค้าคงเหลือ ตามขนาดของสถานประกอบการ พบว่า กิจการที่มีคนทำงาน 16 - 25 คน มี มูลค่าสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นสูงที่สุดร้อยละ 3.8 ในขณะที่กิจการที่มีคนทำงาน 31 - 50 คน มีมูลค่าสินค้าคงเหลือลดลงสูงที่สุดร้อยละ 9.2
รายการ Q3/52 ประเภทธุรกิจ 0.3 อาหาร เครื่องดื่ม หรือยาสูบ เป็นสินค้าหลัก -0.4 สินค้าทั่วไป ห้างสรรพสินค้า -3.7 อาหาร เครื่องดื่ม หรือยาสูบ ในร้านเฉพาะอย่าง 5.9 ยา เวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง 3.8 สิ่งทอ เสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องหนัง 2.4 เครื่องใช้ในครัวเรือน 5.3 เครื่องโลหะ สีทา และกระจก 10.0 สินค้าอื่น ๆ -6.0 ขนาดของสถานประกอบการ (จำนวนคนทำงาน) 0.3 1 - 15 คน 1.9 16 - 25 คน 3.8 26 - 30 คน -4.0 31 - 50 คน -9.2 51 - 200 คน -3.8 มากกว่า 200 คน 1.1 3. สรุปผลและข้อเสนอแนะ
ภาพรวมของธุรกิจทั่วประเทศในไตรมาส 3 ปี 2552 มีรายรับลดลงร้อยละ 1.2 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลก
แต่อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสนี้ธุรกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา โดยเฉพาะภาคบริการจากการท่องเที่ยว ได้แก่ ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร กลับมาขยายตัวในไตรมาส 3 ร้อยละ 2.0 ส่วนธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท เกสต์เฮาส์ และหอพัก และการขายปลีก ปรับตัวดีขึ้นโดยหดตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา เหลือร้อยละ 5.1 และ 1.3 ตามลำดับเนื่องจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว และมาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
สำหรับความช่วยเหลือที่ต้องการจากหน่วยงานของรัฐนั้น มีผู้ประกอบการธุรกิจและบริการทั่วประเทศ ร้อยละ 15.5 แสดงความคิดเห็น ในเรื่องนี้ โดยได้ระบุความต้องการดังนี้ ร้อยละ 54.1 เห็นว่ารัฐควรสนับสนุนแหล่งเงินทุนให้กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ร้อยละ 19.5 ต้องการให้ กำหนดมาตรฐานการควบคุมราคาสินค้าให้เข้มงวดมากขึ้น และร้อยละ 6.2 ต้องการให้เร่งฟื้นฟูและส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ ตลอดจน สนับสนุนสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP)
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจและบริการทั่วประเทศ ร้อยละ 2.1 ได้ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมโดยในจำนวนนี้ ร้อยละ 21.8 เห็นว่า รัฐบาลควรมีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 10.0 ควรสนับสนุนและส่งเสริมการแสดงศิลปะพื้นบ้านของไทยทุกสาขา และร้อยละ 8.7 ควรมีการกำหนดมาตรฐานการควบคุมราคาสินค้าให้เข้มงวดมากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของภาคธุรกิจ
1) คุ้มรวมของการสำรวจ ได้แก่ สถานประกอบการที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายปลีกสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค โรงแรมและ ภัตตาคาร การให้เช่าของใช้ส่วนบุคคลและของใช้ในครัวเรือนฯ กิจกรรมนันทนาการ สำนักข่าว และการกีฬา และการให้บริการส่วนบุคคลประเภท ต่าง ๆ ที่มีคนทำงาน 1 คนขึ้นไป ทั่วประเทศ
2) ปี 2549 ไม่มีการสำรวจ