เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย เปิดเผยในงานแถลงข่าว "สูบบุหรี่ในอวตาร เพื่อใคร" ซึ่งจัดโดยศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่โรงแรมสยามซิตี ว่ากระแสการนำเสนอฉากสูบบุหี่ในภาพยนตร์ทั้งไทยและเทศมีมาอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มเพิ่มเพิ่มมากขึ้น ล่าสุด ภาพยนตร์เรื่อง "อวตาร" มีการสอดแทรกฉากการสูบบุหรี่ให้เห็นอย่างโจ่งแจ้ง โดยให้ตัวละครผู้หญิงที่มีบทบาทสำคัญ หน้าตาดี เป็นคนเก่งแต่สูบบุหรี่จัด ซึ่งพฤติกรรมนี้อาจส่งผลให้วัยรุ่นทั้งชายและหญิงลอกเลียนแบบได้
"เรื่องนี้อันตรายมาก เพราะสำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจพบว่ากลุ่มผู้หญิงมีอัตราการสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2552 จากร้อยละ 1.6 เป็นร้อยละ 1.7 ขณะที่ภาพรวมการสูบบุหรี่ทั้งเพศชายและหญิง มีอัตราการสูบบุหรี่ลดลงจากร้อยละ 19.5 เหลือร้อยละ 18.1 นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับอิทธิพลของการนำเสนอฉากสูบบุหรี่ในภาพยนตร์ซึ่งกระตุ้นให้วัยรุ่นทดลองสูบบุหรี่เพิ่มมากขึ้น เช่น การศึกษาของประเทศเยอรมนี พบว่าวัยรุ่นที่ได้ชมภาพยนตร์ที่มีฉากสูบบุหรี่มีอัตราการทดลองสูบเพิ่มเป็น 2 เท่าของวัยรุ่นที่ไม่เคยเห็นการสูบบุหรี่ในภาพยนตร์ขณะที่งานวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่าร้อยละ 52 ของนักสูบหน้าใหม่ อายุ 12-17 ปี หรือประมาณ 390,000 คนต่อปี เริ่มสูบบุหรี่หลังเห็นฉากสูบบุหรี่ในภาพยนตร์ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมบุหรี่มีรายได้จากภาพยนตร์ฉายฉากดาราสูบบุหรี่มากถึงปีละ 894 ล้านเหรียญสหรัฐ" นพ.หทัยกล่าว
ด้านนายสุเทพ หริมเทพาธิป บรรณาธิการบริหารนิตยสารไบโอสโคป กล่าวว่า ในต่างประเทศจัดเรตให้ภาพยนตร์อวตาร เป็นประเภท น.13+ คือ เหมาะสำหรับเยาวชนอายุ 13 ปีขึ้นไป ขณะที่ประเทศไทยจัดให้อยู่ในประเภท ท.หรือทั่วไป และว่าภาพยนตร์หลายเรื่องที่ผ่านมายังมีฉากที่ล่อแหลมต่อการผิดกฎหมาย เช่น มีโฆษณาแฝง โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จึงเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเรตให้เป็นไปตามกฎหมายด้วย--จบ--
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน