ขายสินค้าผ่านเน็ตยอดพุ่ง

ข่าวทั่วไป Wednesday April 7, 2010 14:01 —สำนักงานสถิติแห่งชาติ

ขายสินค้าผ่านเน็ตยอดพุ่งคนกรุงหลบม็อบแดงอยู่ในบ้านเบื่อปัญหาจราจร-ความปลอดภัย

นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า แนวโน้มการค้าผ่านระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อีคอมเมิร์ซ) ปี 53 จะขยายตัวต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเติบโตมากถึง 10-20% จากปี 52 เนื่องจากขณะนี้คนไทยได้หันมาใช้บริการซื้อขายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ตมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่หันมาซื้อขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ที่สะดวกสบายกว่าแทน

"ในช่วงเกิดการชุมนุมที่มีการปิดถนนและเดินทางไม่สะดวก รวมถึงมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย ทำให้ประชาชนหันมาซื้อสินค้าระบบออนไลน์มากขึ้น ทดแทนการไปเดินซื้อสินค้าตามห้างสรรพสินค้าเองทำให้ร้านค้าค่อนข้างเงียบเหงา สวนทางกับสินค้าออนไลน์ที่ได้รับความนิยม โดยสินค้าที่ซื้อขายผ่านระบบออนไลน์มาก ได้แก่ แฟชั่นเครื่องสำอาง และสินค้าประเภทดิจิทัลคอนเทนต์"

ทั้งนี้การค้าออนไลน์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น มาจากพฤติกรรมของคนไทยที่ปรับตัวมาใช้ชีวิตในสังคมออนไลน์ (โซเชียลเน็ตเวิร์ก) มากขึ้น ประกอบกับร้านค้าในระบบอีคอมเมิร์ซพัฒนาสินค้า บริการ โปรโมชั่น และความน่าเชื่อถือ ทำให้มูลค่าการค้าขายสินค้าในตลาดนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามจุดอ่อนสำคัญของตลาดสินค้าออนไลน์ยังเป็นเรื่องความน่าเชื่อถือในระบบซื้อขาย ผู้ซื้อกลัวถูกหลอก เพราะการซื้อจะต้องมีการโอนเงินล่วงหน้า นอกจากนี้ยังติดปัญหาเรื่องการดูและตรวจสอบคุณภาพสินค้า เพราะสินค้าบางชนิดจำเป็นต้องไปทดสอบ และตรวจดูสภาพเองทำให้ไม่เหมาะกับการซื้อสินค้าออนไลน์ หรือบางกรณีติดปัญหาขนส่งสินค้าที่ไม่คล่องตัว

นายบรรยงค์กล่าวต่อว่า กรมมีแผนส่งเสริมธุรกิจการค้าออนไลน์ต่อเนื่อง โดยจะเน้นพัฒนาทักษะ และสร้างความเชื่อมั่นในระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยให้เครื่องหมายรับรองการจดทะเบียนผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การให้เครื่องหมายรับรองความน่าเชื่อถือในการประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การสร้างความเชื่อมั่นโดยการแสดงความคิดเห็น และคะแนนความน่าเชื่อถือจากผู้ซื้อ ผู้ขาย นอกจากนี้ยังสร้างโอกาสทางการค้าระบบอีคอมเมิร์ซ ผ่านตลาดกลางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

สำหรับผลสำรวจการค้าระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย พ.ศ. 2552 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าธุรกิจที่ได้รับความนิยมใช้อีคอมเมิร์ซมากที่สุด ได้แก่ แฟชั่น เครื่องแต่งกายอัญมณี และเครื่องประดับ รองลงมาเป็นสินค้าอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และอินเทอร์เน็ต

ส่วนมูลค่าธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ปี 51 มีมูลค่า 527,538 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 50 ที่ 427,460 ล้านบาท 23.41%โดยแบ่งเป็นการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ288,749 ล้านบาท มูลค่าแบบผู้ประกอบการกับผู้ประกอบการ (บีทูบี) จำนวน 190,751 ล้านบาท และผู้ประกอบการกับลูกค้าทั่วไป(บีทูซี) มูลค่า 45,951 ล้านบาท โดยมีธุรกิจยานยนต์และผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงสุด 71,617 ล้านบาท สัดส่วน 30% ของมูลค่าทั้งหมดรองลงมาเป็นกลุ่มคอมพิวเตอร์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอินเทอร์เน็ต 59,420 ล้านบาทสัดส่วน 24.9%.

--เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 23 มี.ค. 2553 (กรอบบ่าย)--

ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ