นายภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ได้รายงานให้ ครม.รับทราบผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อการบริหารงานของรัฐบาล โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ(สสช.) ได้ออกสำรวจประชาชนที่มีอายุ18 ปี จำนวน 7,800 คน ระหว่างวันที่4-25 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อติดตามความพึงพอใจและความเชื่อมั่นในการบริหารงานของรัฐบาลใน 1 ปี พบว่ามีประชาชน 87%แสดงความคิดเห็นและเห็นว่ารัฐบาลควรเร่งแก้ไขใน 5 อันดับแรก คือ ยาเสพติด,เศรษฐกิจ, ความไม่สงบเรียบร้อย ปัญหาชายแดนภาคใต้ พื้นที่ทับซ้อน และการว่างงาน
นอกจากนี้ยังพบว่ามีประชาชน 33.4%ได้แสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะต่อการบริหารงานของรัฐบาล โดยส่วนใหญ่30.2% เห็นว่ารัฐบาลทำงานด้วยความตั้งใจเป็นระบบ รองลงมา 22.5% เห็นว่า รัฐบาลไม่เลือกปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติ 2 มาตรฐานขณะที่ 12.6% เห็นว่ารัฐบาลได้แก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ อันดับสี่ 9.6% เห็นว่ารัฐบาลได้สร้างความสมานฉันท์ภายในประเทศและอีก 5.7% เห็นว่ารัฐบาลแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
ส่วนความพึงพอใจโดยรวมต่อการบริหารงานของรัฐบาล เมื่อเทียบกับผลสำรวจในเดือน มี.ค. 52 ความพึงพอใจในการทำงานของรัฐบาลในช่วง 3 เดือน พบว่า ลดลงจาก 93.4% เหลือ 87.3% โดยความพึงพอใจที่อยู่ในระดับมากที่สุดอยู่ที่ 13.1% พอใจปานกลาง 58.3% และพอใจน้อย 15.9%ส่วนผู้ที่ไม่พึงพอใจมี 8.5% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่อยู่ที่ 6.6% ส่วนผู้ที่ไม่แน่ใจอยู่ที่ระดับ4.2% ขณะที่มีประชาชนติดตามรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ เพิ่มขึ้นเป็น48.9% จากที่อยู่ที่ระดับ 45.2% และส่วนใหญ่ต้องการให้ปรับเพิ่มเนื้อหาสาระให้เข้มข้นขึ้นมากถึง 46.6% ขณะที่ 20.9% ต้องการให้เปลี่ยนเวลาออกอากาศเป็น 18.00 น.
อย่างไรก็ตาม ประชาชนกว่า 77.6%เห็นว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจได้ เพิ่มขึ้นจากผลสำรวจเมื่อเดือนมี.ค. 52 ที่เห็นว่ารัฐบาลสามารถแก้ไขได้เพียง 60.6% โดยประชาชน 8% เห็นว่าแก้ไขได้มาก ปานกลาง 49.7% และแก้ได้น้อย 19.9% ขณะที่เห็นว่าไม่สามารถแก้ไขได้มี 11.9% ไม่แน่ใจมี 10.5% ส่วนปัญหาด้านสังคมนั้นมีประชาชน 71.5% ที่เห็นว่ารัฐบาลแก้ไขปัญหาได้ โดยแก้ไขได้มาก มี5.8% ปานกลาง 44.2% และน้อย 21.5%และมี 16.7% ที่เห็นว่ารัฐบาลแก้ไขปัญหาสังคมไม่ได้ และอีก 11.8% ยังไม่แน่ใจ
ทั้งนี้มีประชาชน 86.3% ระบุนโยบายที่ชื่นชอบ 5 อันดับแรกคือ การให้เบี้ยยังชีพกับผู้สูงอายุมีสัดส่วน 59.4% รองลงมา53.9% คือการจัดการศึกษาฟรี อันดับสามคือนโยบายช่วยเหลือค่าครองชีพ.
--เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 10 เม.ย. 2553 (กรอบบ่าย)--
รหัสข่าว: B-100410035091