กระแส IT ในช่องสองสามปีที่ผ่านมา กระแส e-Book Reader มาค่อนข้างแรงมาก ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือในรูปแบบ e-Book ผ่านคอมพิวเตอร์ ผ่านโทรศัพท์มือถือ (Smart Phone) หรือผ่านเครื่องอ่าน eBook เช่น Apple iPad, Amazon Kindle, หรือ Barnes and Noble Nooks การเติบโตของ e-Book Reader ในช่วงที่ผ่านมานั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น iPad สามารถสร้างยอดขายในวันแรกได้ถึง 300,000 เครื่องนอกจากนี้ หนังสือและสิ่งพิมพ์ในปัจจุบันที่อยู่ในรูปแบบของอนาล็อก (กระดาษ) มีการปรับเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบของ e-Book ที่มากขึ้น เช่น Amazon Kindle ได้มีการนำหนังสือออกมาขายในรูปแบบของ e-Book พร้อมกับสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ซื้อด้วยราคาที่ถูกกว่า และความรวดเร็วในการนำส่งในลักษณะทันทีทันใด (real time)
กระแส e-Book ที่มาแรงนั้น สาเหตุหลักเนื่องจากหนังสือ เช่นเดียวกับ ซอฟต์แวร์ เพลง และภาพยนตร์สามารถถูกปรับเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบของ Digital ได้นอกจากที่ e-Book จะสามารถลดต้นทุนของสำนักพิมพ์ทั้งในส่วนของกระดาษ เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนของกระดาษและหมึกพิมพ์ และค่าใช้จ่ายในการขนส่งแล้ว ยังเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมอีกทางหนึ่งด้วย เนื่องจากไม่ต้องมีการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ และยังส่งผลให้มีการพัฒนาเนื้อหา (Contents) และความหลากหลายของหนังสือที่มากขึ้น เพราะไม่มีข้อจำกัดทางด้านพื้นที่ของกระดาษและจำนวนหน้า เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายทางกายภาพ และค่าใช้จ่ายด้านการขนส่ง ส่งผลให้ e-Book มีต้นทุนและราคาที่ถูกกว่า หนังสือและสิ่งพิมพ์ในช่องทางปกติ
อย่างไรก็ตาม e-Book ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ ตัวอย่างเช่น ราคาเครื่องอ่านยังมีราคาแพงอยู่ โดยอยู่ระหว่างประมาณ 5,000 ถึง 40,000 บาท นอกจากนี้ การอ่านจากเครื่องอ่าน e-Book ในเวลานานอาจส่งผลให้เกิดผลเสียต่อสายตา หรือเกิดอาการเมื่อยล้า และการใช้เครื่องอ่าน e-Book ยังต้องใช้กระแสไฟฟ้าซึ่งจำเป็นต้องมีการใช้แบตเตอรี่ ที่สำคัญที่สุดก็คือข้อมูลในรูปแบบ e-Book มีโอกาสที่สามารถถูกละเมิดลิขสิทธิ์ได้ง่าย และป้องกันได้ยาก
การเติบโตอย่างรวดเร็วของ e-Book นี้ ทำให้สำนักพิมพ์ต่างๆ ต้องพยายามปรับตัวเองเข้าสู่ตลาดนี้ เพื่อชดเชยกับการที่จะต้องสูญเสียรายได้จากการขายหนังสือแบบพิมพ์ออกมาเป็นเล่มหรือกระดาษแบบเดิม เนื่องจากในอนาคตอันใกล้นี้ e-Book Readers มีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมความสามารถอันหลากหลายที่จะถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างพร้อมๆ กัน เช่น ความสามารถในการใช้อินเตอร์เน็ต ดูทีวี ฟังวิทยุ เล่นเกม เป็นต้น
สำหรับประเทศไทย ตลาด e-Book ยังอยู่ในช่วงการเริ่มต้น อัตราการอ่านของคนไทยและการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตยังมีข้อจำกัด คนไทยโดยเฉลี่ยอ่านหนังสือน้อยกว่าคนในประเทศอื่นๆ จะเห็นได้ชัดว่า ปัจจุบันนี้คนไทยใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือในแต่ละวันต่ำมากๆ (เฉลี่ยปีละ 2 เล่ม) เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์(40-50 เล่ม) หรือเวียดนาม (60 เล่ม) หนังสือที่คนไทยนิยมอ่านคือ หนังสือการ์ตูน, นิตยสาร, ดารา แฟชั่น นิยายโรแมนติกแบบตลาด มากกว่าหนังสือที่ส่งเสริมความรู้เช่นวรรณกรรมและสารคดี จากการสำรวจการอ่านหนังสือ ของประชากรปี 2551 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่ากลุ่มวัยเด็กมีอัตราการอ่านสูงสุด (เนื่องมาจากพฤติกรรมการหนังสือการ์ตูน) รองลงมาคือ กลุ่มเยาวชน, กลุ่มวัยทำงาน และกลุ่มวัยสูงอายุ แต่ทั้งนี้กลุ่มวัยสูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น (อาจเป็นเพราะมีเวลาว่างมากขึ้น) ในขณะที่กลุ่มอื่นลดลง การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตพบว่ามีเพียง 18%ของประชากรทั้งหมดเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตโดยผู้ใช้ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานครและภาคกลางส่วนต่างจังหวัดก็จะอยู่เฉพาะในเขตอำเภอเมืองเท่านั้น
แน่นอนว่าเทคโนโลยี e-Book Reader จะพัฒนาไปพร้อมกับการเติบโตของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต และจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในฐานะการบริโภคสื่อสิ่งพิมพ์ในรูปแบบใหม่ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์และหนังสือจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจโดยมีการนำเสนอและพัฒนาเนื้อหาในรูปแบบของ e-Book ที่มากขึ้น มีการปรับราคาให้มีความเหมาะสม รูปแบบของรายได้อาจมาจากค่าสมาชิก หรืออาจเป็นการซื้อแบบเก่าแต่จำเป็นต้องมีการปรับราคาให้ถูกขึ้น สำหรับผู้อ่านได้รับประโยชน์โดยตรงจากราคาหนังสือที่ถูกลง พกพาง่ายและเนื้อหาที่มากขึ้น
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
รหัสข่าว: B-100521021075