สรุปผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร (เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553)

ข่าวทั่วไป Thursday April 22, 2010 09:06 —สำนักงานสถิติแห่งชาติ

ผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2553 พบว่า มีจำนวนผู้มีอายุ 15 ปีขึ้นไปหรือผู้อยู่ในวัยทำงานทั้งสิ้น 53.22 ล้านคน เป็นผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานหรือผู้ที่พร้อมทำงาน 38.27 ล้านคนซึ่งประกอบด้วย ผู้มีงานทำ 37.60 ล้านคน ผู้ว่างงาน 3.8 แสนคน และผู้รอฤดูกาล 2.9 แสนคน ส่วนผู้ที่อยู่นอกกำลังแรงงานมี 14.95 ล้านคน

จำนวนผู้มีงานทำ 37.60 ล้านคนนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนผู้มีงานทำในช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2552 พบว่าจำนวนผู้มีงานทำเพิ่มขึ้น 9.3 แสนคน (จาก 36.67 ล้านคน เป็น 37.60 ล้านคน) หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 โดยผู้ทำงานในภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้น 5 หมื่นคน (จาก 12.36 ล้านคน เป็น 12.41 ล้านคน) และผู้ทำงานนอกภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้น 8.9 แสนคน (จาก 24.30 ล้านคน เป็น 25.19 ล้านคน) ซึ่งเป็นการเพิ่มในสาขาการขายส่งและขายปลีกฯ มากที่สุด 3.2 แสนคน รองลงมาสาขาการโรงแรมและภัตตาคาร 2.9 แสนคน สาขาการศึกษา 2.1 แสนคน และสาขาการผลิต 7 หมื่นคน ส่วนสาขาอุตสาหกรรมที่ลดลงเป็นสาขาการก่อสร้างลดลง 1 แสนคน สาขาอสังหาริมทรัพย์ฯ 9 หมื่นคน และสาขาการขนส่งฯ 2 หมื่นคน ที่เหลือกระจายอยู่ในสาขาอื่น ๆ

หากพิจารณาถึงลักษณะของการทำงานไม่เต็มเวลาด้านชั่วโมงการทำงาน พบว่า ในจำนวนผู้ทำงานทั้งหมด 37.60 ล้านคน เป็นผู้ที่ทำงานน้อยกว่า 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ 5.54 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 14.7 ของผู้มีงานทำ ซึ่งกลุ่มผู้ทำงานเหล่านี้ คือผู้ที่ทำงานไม่เต็มเวลาหากนำมาเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2552 ผู้ทำงานไม่เต็มเวลามีจำนวนลดลง 4 แสนคน (จาก 5.94 ล้านคน เป็น 5.54 ล้านคน)หรือลดลงร้อยละ 1.5 (จาก ร้อยละ 16.2 เป็นร้อยละ 14.7)

สำหรับจำนวนของผู้ว่างงานในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 3.83 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 1.0 และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี2552 มีจำนวนผู้ว่างงานลดลง 3.32 แสนคน หรือลดลงร้อยละ 0.9 แต่เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือนที่ผ่านมา (มกราคม 2553) มีผู้ว่างงานลดลง 1.47 แสนคน (จาก 5.30 แสนคน เป็น 3.83 แสนคน)

เมื่อพิจารณาผู้ว่างงานจากประสบการณ์การทำงานพบว่า ผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อนมีจำนวน 9.6 หมื่นคนส่วนผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อน 2.87 แสนคน ซึ่งลดลง 2.61 แสนคน จากช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2552 (จาก 5.48 แสนคนเป็น 2.87 แสนคน) โดยเป็นผู้ว่างงานมาจากภาคการบริการและการค้า 1.29 แสนคน ภาคการผลิต 8.9 หมื่นคน และภาคเกษตรกรรม 6.9 หมื่นคน

หากพิจารณาการว่างงานตามกลุ่มอายุ พบว่ากลุ่มเยาวชน หรือผู้มีอายุระหว่าง 15-24 ปี มีอัตราการว่างงานร้อยละ 3.5 ซึ่งปกติในกลุ่มนี้อัตราการว่างงานจะสูงส่วนกลุ่มวัยผู้ใหญ่ (อายุ 25 ปีขึ้นไป) มีอัตราการว่างงานร้อยละ 0.6 เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันกับ ปี 2552 กลุ่มเยาวชนมีอัตราการว่างงานลดลงร้อยละ 2.4 (จากร้อยละ 5.9 เป็นร้อยละ 3.5) และกลุ่มวัยผู้ใหญ่มีอัตราการว่างงานลดลงร้อยละ 0.7 (จากร้อยละ 1.3 เป็นร้อยละ 0.6)

สำหรับระดับการศึกษาที่สำเร็จของผู้ว่างงานในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 พบว่า ผู้ที่จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษามีจำนวนมากที่สุด 1.28 แสนคน (ร้อยละ 2.0) รองลงมาเป็นผู้ที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 9.4 หมื่นคน (ร้อยละ 1.6) มัธยมศึกษาตอนปลาย 7.3 หมื่นคน (ร้อยละ 1.4) ระดับประถมศึกษา 6 หมื่นคน (ร้อยละ 0.7) และ ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา 2.8 หมื่นคน (ร้อยละ 0.2) เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2552 พบว่าจำนวนผู้ว่างงานลดลงในทุกระดับการศึกษา โดยผู้ว่างงานในระดับการศึกษามัธยมศึกษาตอนต้นลดลงมากที่สุด 1.11 แสนคนรองลงมาเป็น ระดับประถมศึกษา 6.8 หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 5.7 หมื่นคน ผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษาลดลง 5.6 หมื่นคน และระดับอุดมศึกษาลดลงน้อยที่สุด 4 หมื่นคน ตามลำดับ

หากพิจารณาอัตราการว่างงาน เป็นรายภาค พบว่าภาคใต้มีอัตราการว่างงานสูงที่สุดคือ ร้อยละ 1.2 รองลงมาเป็นกรุงเทพมหานครร้อยละ 1.1 ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราการว่างงานเท่ากันคือร้อยละ 1.0 ส่วนภาคเหนือมีอัตราการว่างงานต่ำ ที่สุดร้อยละ 0.9 ถ้าเปรียบเทียบอัตราการว่างงานในช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2552พบว่า ทุกภาคมีอัตราการว่างงานลดลง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราการว่างงานลดลงมากที่สุดร้อยละ 1.4 รองลงมาเป็นภาคเหนือลดลงร้อยละ 1.0 ภาคกลางร้อยละ 0.9 กรุงเทพมหานครร้อยละ 0.4 และภาคใต้ร้อยละ 0.2

สรุปผลการสำรวจ

ภาวะการทำงานของประชากร เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

1. บทนำ

สำนักงานสถิติแห่งชาติ ดำเนินการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรหรือสำรวจแรงงานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เริ่มตั้งแต่ปี 2506 โดยในช่วงแรก สำรวจเพียงปีละ 2 รอบ รอบแรกเป็นการสำรวจนอกฤดูเกษตร รอบที่ 2 เป็นฤดูเกษตร ต่อมาในปี 2527 - 2540 สำรวจปีละ 3 รอบ โดยเพิ่มสำรวจช่วงเดือนพฤษภาคมเพื่อดูแรงงานที่จบการศึกษาใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงาน และในปี 2541 ได้เพิ่มการสำรวจขึ้นอีก 1 รอบ เดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตการเกษตร ทำให้เป็นการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรครบทั้ง 4 ไตรมาสของปี

และในปี 2544 สำนักงานสถิติแห่งชาติปรับปรุงการสำรวจเป็นรายเดือน ทั้งนี้เพื่อให้สามารถติดตามภาวะการมีงานทำของประชากรได้อย่างใกล้ชิดและเสนอผลการสำรวจเป็นรายเดือนทุกเดือนในระดับประเทศและภาค

2. สรุปผลที่สำคัญ

2.1 โครงสร้างกำลังแรงงาน

ผลการสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 พบว่า มีจำนวนประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป 53.22 ล้านคน เป็นผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานประมาณ 38.27 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 71.9 ของประชากร (ชายร้อยละ 80.1 และหญิงร้อยละ 64.2) เป็นผู้ที่อยู่นอกกำลังแรงงาน 14.95 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 28.1 (ชายร้อยละ 19.9 และหญิงร้อยละ 35.8)

สำหรับกลุ่มผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงาน จำแนกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ

1. ผู้มีงานทำ จำนวน 37.60 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 98.2 ของผู้อยู่ในกำลังแรงงาน (ชายร้อยละ 98.1 หญิงร้อยละ 98.4)

2. ผู้ว่างงาน หมายถึง ผู้ไม่มีงานทำและพร้อมที่จะทำงาน มีจำนวน 3.8 แสนคน หรือคิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 1.0 (ชายร้อยละ 1.2 และหญิงร้อยละ 0.8)

3. ผู้ที่รอฤดูกาล หมายถึง ผู้ที่ไม่ได้ทำงานและไม่พร้อมที่จะทำงาน เนื่องจากจะรอทำงานในฤดูกาลต่อไปมีจำนวน 2.9 แสนคน คิดเป็นร้อยละ 0.8 (ชายร้อยละ 0.7 และหญิงร้อยละ 0.8)

2.2 ภาวะการมีงานทำของประชากร

เมื่อพิจารณาถึงลักษณะการทำงานของประชากรเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 พบว่า จากจำนวนผู้มีงานทำทั้งสิ้น 37.60 ล้านคน (ชาย 20.33 ล้านคน และหญิง 17.27 ล้านคน) เป็นผู้ทำงานภาคเกษตรกรรมประมาณ 12.41 ล้านคน หรือร้อยละ 33.0 ของผู้มีงานทำ (ชาย 7.07 ล้านคน และหญิง 5.34 ล้านคน) และทำงานนอกภาคเกษตรกรรมประมาณ 25.19 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 67.0 ของผู้มีงานทำ (ชาย 13.26 ล้านคน และหญิง 11.93 ล้านคน)

เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า ผู้มีงานทำเพิ่มขึ้นประมาณ 9.3 แสนคน โดยผู้มีงานทำในภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นประมาณ 5 หมื่นคน (เพิ่มขึ้นจาก 12.36 ล้านคน เป็น 12.41 ล้านคน) และ ผู้มีงานทำ นอกภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นประมาณ 8.9 แสนคน (เพิ่มขึ้นจาก 24.30 ล้านคน เป็น 25.19 ล้านคน) ในจำนวนนี้เป็นการเพิ่มขึ้นในสาขาการขายส่งและขายปลีกฯ มากที่สุด 3.2 แสนคน รองลงมาเป็นสาขาโรงแรมและภัตตาคาร 2.9 แสนคน สาขาการศึกษา 2.1 แสนคน สาขาการบริหารราชการแผ่นดินฯ 1.1 แสนคน สาขาการผลิต 7 หมื่นคนส่วนสาขาการก่อสร้างลดลง 1 แสนคน สาขากิจกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์ ฯ 9 หมื่นคน และสาขาการขนส่งฯ 2 หมื่นคน ที่เหลือกระจายอยู่ในสาขาอื่น ๆ

เมื่อพิจารณาถึงชั่วโมงทำงานของผู้มีงานทำต่อสัปดาห์ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 พบว่า ส่วนใหญ่ทำงานตั้งแต่ 35 ชั่วโมงขึ้นไปต่อสัปดาห์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้ทำงานเต็มที่ในเรื่องชั่วโมงทำงาน มีจำนวน 32.06 ล้านคน หรือร้อยละ 85.3 ของผู้มีงานทำทั้งสิ้น (ชายร้อยละ 85.8 และหญิงร้อยละ 84.6) และผู้ที่ทำงาน 1-34 ชั่วโมงมีจำนวน 5.01 ล้านคน หรือร้อยละ 13.3 (ชายร้อยละ 12.7 และหญิงร้อยละ 14.1) สำหรับผู้ที่ไม่ได้ทำงานในสัปดาห์สำรวจ (ระหว่าง 7 วันก่อนวันสัมภาษณ์) แต่เป็นผู้มีงานประจำซึ่งถือว่าในสัปดาห์สำรวจไม่มีชั่วโมงทำงาน (0 ชั่วโมง) มีจำนวน 5.3 แสนคนหรือร้อยละ 1.4 (ชายร้อยละ 1.5 และหญิงร้อยละ 1.3) เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าจำนวนของผู้ที่ทำงานตั้งแต่ 35 ชั่วโมงขึ้นไปเพิ่มขึ้นประมาณ 1.3 ล้านคน ส่วนผู้ที่ไม่ได้ทำงานในสัปดาห์การสำรวจ (0 ชั่วโมง) มีจำนวนลดลงประมาณ 2.8 แสนคน และผู้ที่ทำงาน 1 — 34 ชั่วโมงลดลง 1.2 แสนคน

2.3 ภาวะการว่างงานของประชากร

ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 มีผู้ว่างงานประมาณ 3.83 แสนคน (ชาย 2.41 แสนคน และหญิง 1.42 แสนคน) คิดเป็นอัตราการว่างงานร้อยละ 1.0 (ชายร้อยละ 1.2 และหญิงร้อยละ 0.8) และถ้าพิจารณาเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า จำนวนผู้ว่างงานลดลง 3.3 แสนคน เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า จำนวนผู้ว่างงานลดลงทุกภาค โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือลดลงมากที่สุด 1.6 แสนคน ภาคกลางลดลง 7.6 หมื่นคน ภาคเหนือ ลดลง 6.8 หมื่นคน กรุงเทพมหานครลดลง 1.7 หมื่นคน และภาคใต้ลดลงน้อยที่สุด 1 หมื่นคน

ถ้าพิจารณาอัตราการว่างงานในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 เป็นรายภาค พบว่า ภาคใต้มีอัตราการว่างงานสูงสุดคิดเป็นร้อยละ 1.2 รองลงมาคือกรุงเทพมหานครร้อยละ 1.1 ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราการว่างงานเท่ากันคือร้อยละ 1.0 และภาคเหนือมีอัตราการว่างงานน้อยที่สุดร้อยละ 0.9

เมื่อเปรียบเทียบอัตราการว่างงานของแต่ละภาคกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา พบว่า อัตราการว่างงานทั่วประเทศลดลงร้อยละ 0.9 พิจารณาเป็นรายภาคพบว่า อัตราการว่างงานลดลงทุกภาค โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอัตราการว่างงานลดลงมากที่สุดร้อยละ 1.4 ภาคเหนือลดลงร้อยละ 1.0 ภาคกลางลดลงร้อยละ 0.9 กรุงเทพมหานครลดลงร้อยละ 0.4 และภาคใต้มีอัตราการว่างงานลดลงน้อยที่สุดร้อยละ 0.2

เมื่อพิจารณาถึงลักษณะที่น่าสนใจของผู้ว่างงาน 3.83 แสนคน พ.ศ. 2553 พบว่า เป็นผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อนประมาณ 9.6 หมื่นคน หรือคิดเป็นร้อยละ 25.1 ของผู้ว่างงานทั้งสิ้น ส่วนผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อนมีประมาณ 2.87 แสนคน หรือคิดเป็นร้อยละ 74.9 โดยเป็นผู้ว่างงานมาจากนอกภาคเกษตรกรรม 2.18 แสนคน ซึ่งประกอบด้วย ภาคการบริการและการค้า 1.29 แสนคน ภาคการผลิต 8.9 หมื่นคน สำหรับผู้ว่างงานในภาคเกษตรกรรมมีประมาณ 6.9 หมื่นคน

เมื่อพิจารณาระดับการศึกษาที่สำเร็จของผู้ว่างงานจำนวน 3.83 แสนคน พบว่า ระดับการศึกษาที่มีผู้ว่างงานมากที่สุดคือ ระดับอุดมศึกษา 1.28 แสนคน รองลงมาคือระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 9.4 หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 7.3 หมื่นคน ระดับประถมศึกษา 6 หมื่นคน และผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษา 2.8 หมื่นคน เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา พบว่า ผู้ว่างงานลดลงทุกระดับการศึกษา โดยผู้ว่างงานระดับมัธยมศึกษาตอนต้นลดลงมากที่สุด 1.11 แสนคน รองลงมาคือระดับประถมศึกษาลดลง 6.8 หมื่นคน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายลดลง 5.7 หมื่นคน ผู้ที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษาลดลง 5.6 หมื่นคน และระดับอุดมศึกษาลดลงน้อยที่สุด 4 หมื่นคน

จากการพิจารณาอัตราการว่างงานตามระดับการศึกษาที่สำเร็จ พบว่า ผู้ที่จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษามีอัตราการว่างงานสูงที่สุดคือร้อยละ 2.0 รองลงมาเป็นผู้ที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นร้อยละ 1.6 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายร้อยละ 1.4 ระดับประถมศึกษาร้อยละ 0.7 และผู้ว่างงานที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษาร้อยละ 0.2 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา พบว่า อัตราการว่างงานลดลงทุกระดับการศึกษา โดยผู้ว่างงานที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นลดลงมากที่สุดร้อยละ 1.9 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายร้อยละ 1.2 ระดับอุดมศึกษาร้อยละ 0.9 ระดับประถมศึกษาร้อยละ 0.8 และผู้ว่างงานที่ไม่มีการศึกษาและต่ำกว่าประถมศึกษาลดลงน้อยที่สุดร้อยละ 0.5

ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ