สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ลงพื้นที่ 14 จังหวัดทั่วประเทศ ทำการประเมินผลโครงการก่อสร้างแหล่งน้ำและระบบส่งน้ำ ซึ่งดำเนินการโดยกรมชลประทาน พบเกษตรกรมีการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำเพิ่มขึ้น ช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำได้ แนะควรมีการจัดสร้างระบบส่งน้ำเข้าแปลงเกษตรกร เพื่อให้มีการใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โดยศูนย์ประเมินผล ได้ลงพื้นที่ 14 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ จังหวัดลำปาง แพร่ น่าน กำแพงเพชร อุดรธานี กาฬสินธุ์ มหาสารคาม สุรินทร์ นครราชสีมา เพชรบุรี กาญจนบุรี ลพบุรี สตูล และนครศรีธรรมราช เพื่อประเมินผลการใช้ประโยชน์จากโครงการก่อสร้างแหล่งน้ำและระบบส่งน้ำ ซึ่งดำเนินการโดยกรมชลประทาน รวมทั้งความยั่งยืนของแหล่งน้ำ โดยได้ทำการประเมินผลโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จมาแล้วในปี 2547 จำนวน 19 แห่ง จากเกษตรกรจำนวน 300 ราย
สำหรับผลการประเมินพบว่า สภาพแหล่งน้ำร้อยละ 41 อยู่ในสภาพดี ร้อยละ 59 ต้องปรับปรุง เนื่องจากส่วนใหญ่มีสภาพตื้นเขิน เกษตรกรมีการใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำโดยเฉลี่ย 94 ครัวเรือน/แหล่ง เพิ่มขึ้นจากก่อนมีโครงการร้อยละ 36 ช่วยลดการขาดแคลนน้ำอุปโภค — บริโภคในฤดูแล้ง เสริมการทำนาหรือปลูกพืชได้อย่างน้อย 1 ครั้ง/ปี มีการใช้ที่ดินเพื่อปลูกพืชฤดูฝน 892 ไร่ ฤดูแล้ง 587 ไร่ ประสิทธิภาพการใช้ที่ดินเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 137 เป็นร้อยละ 161 สร้างรายได้ให้เกษตรกรเฉลี่ย 58,642 บาท/ครัวเรือน/ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 21
ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า ควรมีการจัดสร้างระบบส่งน้ำเข้าแปลงเกษตรกร เพื่อให้มีการใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง สำหรับปัญหาแหล่งน้ำตื้นเขิน ชำรุด พบว่า ยังมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) บางแห่งไม่สามารถซ่อมแซมได้ เนื่องจากต้องใช้งบประมาณสูง จึงควรพิจารณาทบทวนในการให้ความช่วยเหลือหลังการถ่ายโอน เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีศักยภาพและความพร้อมในการที่จะรับการถ่ายโอนไม่เท่าเทียมกัน นายอภิชาต กล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--