สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรลงพื้นที่ติดตามการเพิ่มมูลค่าแม่โคนมคัดทิ้งของสหกรณ์โคนมบ้านบึงจำกัด พบ การนำแม่โคนมคัดทิ้งมาขุนด้วยอาหารสร้างเนื้อ เป็นเวลา 8 เดือนมาชำแหละขาย สร้างรายได้ตัวละ 63,633 บาท ช่วยเพิ่มมูลค่าการจำหน่ายเนื้อโคนมได้ถึงร้อยละ 45 ของต้นทุนทั้งหมด
นางนารีณัฐ รุณภัย รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลการติดตามกิจการเพิ่มมูลค่าแม่โคนมคัดทิ้งของสหกรณ์โคนมบ้านบึง จำกัด ซึ่งพบว่าการดำเนินงานของสหกรณ์ฯ สามารถเพิ่มมูลค่าแม่โคนมคัดทิ้ง ได้จริง
จากการลงพื้นที่ติดตามครั้งนี้ ทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง และสหกรณ์โคนมบ้านบึง จำกัด ได้นำเสนอผลการวิจัยการแปรรูปเนื้อโคนมจากโคนมที่สหกรณ์ฯ คัดทิ้ง และเวลาที่แม่โคนมมีปัญหาในด้านต่างๆ เช่น ด้านระบบสืบพันธุ์ทำให้ผสมติดยาก ผลผลิตน้ำนมต่ำ และป่วยเป็นโรคเต้านมอักเสบเรื้อรัง ซึ่งถ้านำแม่โคนมดังกล่าวไปจำหน่ายให้พ่อค้าทั่วไป เกษตรกรจะมีรายได้ตัวละประมาณ 8,000 บาท แต่ถ้านำมาขุนด้วยอาหารสร้างเนื้อใช้ระยะเวลา 8 เดือน โดยเริ่มขุนเมื่อแม่โคมีน้ำหนัก 344 กิโลกรัม ขุนจนแม่โคมีน้ำหนักสุดท้ายประมาณ 550-600 กิโลกรัม โดยมีต้นทุนการขุนตัวละ 22,076 บาท เมื่อนำมาชำแหละขายจะมีรายได้ตัวละ 43,633 บาท ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการจำหน่ายเนื้อโคนมได้ถึงตัวละ 13,557 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 45 ของต้นทุนทั้งหมด
นางนารีณัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม การเพิ่มมูลค่าให้กับแม่โคนมคัดทิ้งด้วยการนำมาขุนนั้น พบว่า เกษตรกรยังขาดความมั่นใจในเรื่องการตลาดที่สามารถรองรับผลผลิตได้ ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งส่งเสริมการบริโภคเนื้อโคนมขุน เพื่อขยายฐานการตลาดภายในประเทศให้กว้างขึ้น และเน้นการประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคเข้าใจถึงคุณภาพและรสชาติ ซึ่งมีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงและราคาถูกกว่าเนื้อของโคเนื้อลูกผสมชาโรเลส์ที่กำลังเป็นที่นิยมของผู้บริโภคในปัจจุบัน แต่ราคาเนื้อโคนมขุนกลับมีราคาถูกกว่าด้วย
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--