สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ร่วมกับสหกรณ์การเกษตร เกษตรวิสัยจำกัด จ.ร้อยเอ็ด จัดทำโครงการส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังการทำนาปี เผย เกษตรกรขานรับแล้ว จำนวน 381 ราย จาก 13 ตำบลในอำเภอเกษตรวิสัย โดยดำเนินการในรูปสมาชิกสหกรณ์การเกษตร เกษตรวิสัย จำกัด
นายทนงศักดิ์ ประชาศิลป์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 4 จังหวัดขอนแก่น (สศข.4) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เปิดเผยถึงความร่วมมือกันระหว่างสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และ สหกรณ์การเกษตร เกษตรวิสัย จำกัด จังหวัดร้อยเอ็ด จัดทำโครงการส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังการทำนาปี ซึ่งเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจังหวัดร้อยเอ็ดในปี 2553 ซึ่งผู้แทนจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรได้เข้าร่วมเป็นวิทยากรบรรยายในการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังการทำนาปีของสหกรณ์ฯ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีเกษตรกรเข้าร่วมการฝึกอบรมจำนวน 981 คน โดยที่จะเริ่มปลูกในต้นเดือนธันวาคม 2553 และเก็บเกี่ยวผลผลิตในเดือนมีนาคม 2554 ในพื้นที่เพาะปลูก 11,709 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะได้ผลผลิต 6 พันตัน สร้างรายได้เพิ่มไม่น้อยกว่า 60 ล้านบาททั้งนี้ โครงการดังกล่าว ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมาย 9 ล้านไร่ ใน 22 จังหวัดเขตภาคกลาง และภาคเหนือตอนล่าง
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้โครงการบรรลุผลสัมฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกษตรกรสมาชิกต้องแจ้งยืนยันความประสงค์ในการเพาะปลูกโดยระบุจำนวนพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งสหกรณ์ฯ ได้กำหนดให้เกษตรกรแต่ละรายปลูกได้ไม่เกิน 5 ไร่ แต่หากเกษตรกรประสงค์ที่ต้องการเพาะปลูกเกิน 5 ไร่ จะต้องชี้แจงยืนยันในความสามารถที่จะบริหารจัดการการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่จะไม่ทำให้เกิดความเสียหาย โดยสหกรณ์ฯ จะจัดหาเมล็ดพันธุ์ในปริมาณที่สอดคล้องกับความต้องการ ตลอดจนจัดหาสินเชื่อให้แก่เกษตรกรในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสินเชื่อทั่วไปของสหกรณ์ที่ให้สมาชิกกู้ยืม รวมทั้งประสานกับธุรกิจโรงงานแปรรูปอาหาร สัตว์ที่ต้องการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เข้ามารับซื้อในช่วงเดือนมีนาคม 2554 ซึ่งขณะนี้ มีเกษตรกรแจ้งยืนยันจะเข้าร่วมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แล้ว จำนวน 381 รายในพื้นที่ 3,700 ไร่ จาก 13 ตำบลของอำเภอเกษตรวิสัย
สำหรับโครงการส่งเสริมเกษตรกรผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนาในทุ่งกุลาร้องไห้ นับเป็นโครงการที่ตอบสนองต่อนโยบายระบบการปลูกข้าวของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบโครงการ เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2553 ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรมีงานทำและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ตามสถานการณ์ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยตัดวงจรเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล หอยเชอรี่ และลดจำนวนข้าววัชพืชในฤดูนาปี ตลอดจนลดการขังน้ำในนา และลดความเป็นกรดทำให้ดินมีสภาพดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งในปีถัดไป สหกรณ์ฯ จะเตรียมขยายการรับสมาชิกเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีจำนวนสมาชิกทั้งหมดอยู่กว่า 8 พันราย
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--