สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 7 ลงพื้นที่ออกสำรวจตลาดและประเมินปริมาณการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ในแหล่งผลิตเมล็ดพันธุ์ที่สำคัญของภาคกลางในเขตพื้นที่จังหวัดชัยนาท สุพรรณบุรี และสิงห์บุรี และมั่นใจว่าจะมีเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เพียงพอกับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นแน่นอน
นางจันทร์ธิดา มีเดช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 7(สศข.7) กล่าวว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 7 เปิดเผยถึงแนวโน้มความเสียหายจากอุทกภัยตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2553 ถึงปัจจุบันมีพื้นที่นาเสียหายประมาณ 1 ล้าน ไร่ ทำให้เกษตรกรมีความต้องการพันธุ์ข้าวปลูกในฤดูนาปรังเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าเกษตรกรจะเริ่มเพาะปลูกราวเดือนธันวาคมถึงมกราคม ซึ่งพอดีกับการที่ให้เมล็ดพันธุ์ข้าวได้พักตัวจนครบเดือนเพื่อทำให้เปอร์เซ็นต์การงอกสูงขึ้น ในขณะที่เกษตรกรมาซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวตุนไว้รอปลูกหลังน้ำลดมีจำนวนน้อย เพราะขาดแคลนเงินลงทุน แต่ถ้าพิจารณาดูเป็นรายพันธุ์จะพบว่าพันธุ์ข้าวปทุมธานี 1 และพันธุ์ กข.31 เกษตรกรมีความต้องการสูงและจะขาดแคลน เนื่องจากข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1 โรงสีรับซื้อในราคาสูงกว่าพันธุ์ อื่น ๆ และพันธุ์ กข.31 เป็นพันธุ์ที่ต้านทานเพลี้ยกระโดดได้ดีและผลผลิตก็ไม่ลดลงเมื่อกระทบอากาศหนาวจัดอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม พ่อค้าสามารถหาพันธุ์ข้าวจากแปลงเกษตรกรทั่วไปที่สภาพการปลูกดีมาปรับปรุงสภาพเป็นเมล็ดพันธุ์ดังกล่าวได้ แต่อาจจะเกิดปัญหาเมื่อเกษตรกรซื้อเมล็ดพันธุ์ไปปลูกเพราะจะมีการปลอมปนของข้าววัชพืชสูง ซึ่งสร้างปัญหาในการผลิตของเกษตรกรและถูกตัดราคาเมื่อนำข้าวไปจำหน่ายให้โรงสี ส่วนพันธุ์อื่น ๆ เช่น ชัยนาท 1 พิษณุโลก 2 สุพรรณบุรี 1 สุพรรณบุรี 60 ยังมีเพียงพอกับความต้องการของเกษตรกร
สำหรับแนวทางแก้ไขควรมีการควบคุมตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์ให้ได้มาตรฐานก่อนจำหน่ายเป็นการเร่งด่วนในขณะนี้เพื่อป้องกันพ่อค้าฉวยโอกาสนำพันธุ์ข้าวไม่ได้มาตรฐานจำหน่ายสู่เกษตรกร ทำให้ผลผลิตข้าวไม่มีคุณภาพและถูกตัดราคาจากโรงสี นางจันทร์ธิดา กล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--