สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร แนะเกษตรกรทำฟาร์มตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง โดยใช้ปัจจัย 3 หลักเป็นกุญแจสำคัญ ได้แก่ ตัวเกษตรกร รูปแบบการผลิตกับกิจกรรมที่เหมาะสมตามขนาด และแหล่งน้ำเสริม เผย สามารถสร้างรายได้มั่นคง ช่วยลดหนี้สิน มีเงินออมเพิ่มขึ้น และส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีแก่เกษตรกร
นางนารีณัฐ รุณภัย รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ทำการศึกษารูปแบบการทำฟาร์มตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงที่ประสบความสำเร็จ ต่อเนื่อง 2 ปี (ปี 2551-2552) เพื่อศึกษาสภาพเศรษฐกิจของครัวเรือนเกษตรและเสนอแนะรูปแบบการทำฟาร์มที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ เพื่อเป็นตัวอย่างขยายผลแก่เกษตรกรรายอื่นในพื้นที่ใกล้เคียงกันนำไปประยุกต์ใช้เพื่อแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งผลการศึกษา เกษตรกรที่ทำฟาร์มตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงส่วนใหญ่จะทำงานในฟาร์มของตนเองเป็นหลัก กิจกรรมในฟาร์มของเกษตรกรมีลักษณะผสมผสานระหว่างพืชอายุสั้น พืชอายุยาว สัตว์และประมง ซึ่งสามารถทำรายได้ให้กับเกษตรกรต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยในแต่ละปีเกษตรกรมีรายได้เงินสดในการเกษตรเฉลี่ย 246,957 บาทต่อครัวเรือน หรือเฉลี่ย 63,160 บาทต่อคนต่อปี สูงเป็น 3 เท่า เมื่อเทียบกับรายได้วัดความยากจน (18,948 บาทต่อคนต่อปี) โดยรายได้จากการเกษตรคิดเป็นร้อยละ 74 ของรายได้เงินสดทั้งหมดครัวเรือน
จากการเปรียบเทียบทิศทางการเปลี่ยนแปลงรายได้และเงินออมของครัวเรือนในปีที่ 1 และปีที่ 2 พบว่า เกษตรกรมีรายได้เงินสดสุทธิเกษตรเพิ่มขึ้น 11,455 บาทต่อครัวเรือน และเงินออมเพิ่มขึ้น 40,073 บาทต่อครัวเรือน โดยผลการวิเคราะห์ข้อมูลแสดงให้เห็นว่ารายได้จากการเกษตรเพียงอย่างเดียวก็สามารถนำมาใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคในครัวเรือนได้อย่างเพียงพอ ส่วนด้านหนี้สินพบว่า มีลดลงค่อนข้างมาก คือ จากเดิมที่เคยมีหนี้สิน 86,275 บาท/ครัวเรือน ลดลงเหลือ 49,005 บาท/ครัวเรือน สำหรับการใช้ผลผลิตในฟาร์มนำมาบริโภคในครัวเรือนคิดเป็นร้อยละ 35.68 ของมูลค่ารวมของการบริโภคอาหารทั้งหมดของครัวเรือน และในรอบปีมีรายได้กระจายตัวถึง 11 เดือน
สำหรับกุญแจสำคัญนี้ ที่นำไปสู่ความสำเร็จ ประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก คือ เกษตรกร ต้องเป็นผู้มีความขยัน ประหยัด อดออม ใฝ่รู้ กล้าคิด ค้นคว้าสิ่งใหม่ๆ เพื่อสร้างจุดเด่นของผลผลิตและยึดถือแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงอย่างมั่นคง รวมทั้ง มีคุณธรรมในเรื่องความซื่อสัตย์ ทั้งคุณภาพ ราคา และการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องให้แก้ผู้บริโภค ปัจจัยต่อมาก็คือ รูปแบบการผลิตหรือกิจกรรมที่เหมาะสมตามขนาดฟาร์มและแรงงานในครัวเรือน โดยเน้นการผลิตที่หลากหลายผสมผสานและเกื้อกูลกัน เพื่อลดรายจ่ายทางการเกษตรรวมทั้งการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตตามความเหมาะสมของสภาพภูมิอากาศและมีการศึกษาการตลาดก่อนดำเนินการผลิต เน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและสามารถเป็นอาหารไว้บริโภคในครัวเรือน ส่วนปัจจัยสุดท้าย คือ แหล่งน้ำเสริม เพื่อให้สามารถทำการผลิตได้ตลอดปีดังนั้น การทำฟาร์มตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง จึงไม่เพียงแต่จะทำให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อันนำมาซึ่งความผาสุก มั่นคง และยั่งยืนต่ออาชีพเกษตรกรรมของครัวเรือนเกษตรแล้ว ยังเป็นแนวทางให้เกษตรกรไทยหลุดพ้นจากความยากจนได้ในที่สุด รองเลขาธิการ กล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--