สศก. ลงพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และกระบี่ สำรวจสถานการณ์ปาล์มน้ำมัน เผย ราคาที่เกษตรกรขายได้ขณะนี้ ยังสูงกว่าต้นทุนการผลิตของเกษตรกรที่รวมค่าขนส่งและกำไรแล้ว ด้านรัฐบาลเตรียมนำเข้าปาล์มน้ำมัน 120,000 ตันภายในเดือนมีนาคมนี้ ย้ำให้กระทรวงพาณิชย์รายงานสถานการณ์ทุก 15 วัน
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันที่มีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สศก. ได้ลงพื้นที่แหล่งปลูกปาล์มน้ำมันที่สำคัญ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และกระบี่ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว พบว่า ปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 เข้าสู่ตลาดจำนวน 400,000 — 450,000 ตัน ซึ่งมากกว่าเดือนมกราคม 2554 แต่ปริมาณดังกล่าวยังมีปริมาณน้อยกว่าผลผลิตในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2553 ซึ่งมีผลผลิตเข้าสู่ตลาด 750,000 ตัน
สำหรับด้านราคาที่เกษตรกรขายได้ ที่มีการปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาจากราคา 10.65 บาท/กิโลกรัม (ข้อมูล ณ ช่วง 31 ม.ค. — 6 ก.พ. 54) เป็น 7.03 บาท/กิโลกรัมในช่วงสัปดาห์นี้ (7 ก.พ. — 13 ก.พ. 54) นั้น สศก. ได้ลงพื้นที่พบว่า ขณะนี้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มไม่ซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในราคาเท่ากับเดือนมกราคมที่ผ่านมาได้เนื่องจากยังรอดูสถานการณ์ราคานำเข้าน้ำมันปาล์มจำนวน 120,000 ตันก่อนตามมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 อย่างไรก็ตาม ราคาที่เกษตรกขายได้ขณะนี้ยังสูงกว่าต้นทุนการผลิตของเกษตรกรที่รวมค่าขนส่งและกำไรแล้ว ซึ่งอยู่ที่ 3.80 บาท/กิโลกรัม
ทั้งนี้ กนป. โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) เป็นประธาน ได้มีมติให้นำเข้าน้ำมันปาล์มแยกไข (Crude Palm Olein) เพิ่มเติมปริมาณ 120,000 ตัน และให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้นำเข้าและจัดสรรให้โรงกลั่นน้ำมันปาล์มและต้องนำเข้าให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมีนาคม 2554 เนื่องจากคาดว่าตั้งแต่เดือนเมษายนผลผลิตปาล์มน้ำมันจะเข้าสู่ตลาดมากขึ้น การนำเข้าจะไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกร เนื่องจาก กระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้ดูแลและกำกับการนำเข้าอย่างใกล้ชิด หากสถานการณ์ภายในดีขึ้นก็อาจชะลอการนำเข้า อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในอนาคต ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ต้องติดตามสถานการณ์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มพร้อมรายงานให้ กนป.ทราบทุก 15 วัน
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--