สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผยผลการดำเนินโครงการปสุสัตว์อินทรีย์วิถีพื้นบ้าน ว่า ได้รับการตอบเป็นอย่างรับที่ดีสำหรับกลุ่มเกษตรกร ที่ได้รับความรู้ ความเข้าใจในด้านการผลิตปศุสัตว์อินทรีย์ในปีที่ผ่านมา ซึ่งมุ่งเน้นให้มีการจัดการทรัพยากรภายในฟาร์มอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร และเพิ่มการใช้สารอินทรีย์ รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มเกษตรกร เพื่อลดต้นทุนการผลิต เพิ่มความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น
นางนารีณัฐ รุณภัย รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โดยศูนย์ประเมินผลได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้า การดำเนินโครงการปศุสัตว์อินทรีย์วิถีพื้นบ้าน ปี 2554 ที่กรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการส่งเสริมให้เกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจในการผลิตปศุสัตว์อินทรีย์ และพัฒนาศักยภาพกลุ่มเกษตรกรให้สามารถนำความรู้ระบบปศุสัตว์อินทรีย์ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกระบวนการดำเนินโครงการฯ ผ่านการจัดการให้มีเวทีแลกเปลี่ยนความรู้และความประสบการณ์ร่วมกันภายในกลุ่มเกษตรกร มีการถ่ายทอดความรู้ระบบการผลิตตามมาตรฐานปศุสัตว์อินทรีย์ และสนับสนุนปัจจัยการผลิต โดยคาดหวังให้กลุ่มเกษตรกรมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการพึ่งพาตนเองด้านการผลิต และเกิดการพึ่งพาตนเองด้านการผลิต และเกิดความมั่นคงทางอาหาร รวมทั้ง ความสมดุลของระบบนิเวศภายในชุมชนของตนเอง ซึ่งทางสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดได้เริ่มดำเนินการแล้วในพื้นที่ ๖๔ จังหวัด สู้เกษตรกรเป้าหมาย 200 กลุ่ม จำนวน 6,000 ราย
รองเลขาธิการ กล่าวต่อไปว่า ผลจากการลงพื้นที่สัมภาษณ์เกษตรกรในจังหวัดสุพรรณบุรี ชัยนาท และสิงห์บุรี พบว่าเกษตรกรให้การตอบรับดีในการเข้าร่วมโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง โดยเกษตรกรรส่วนใหญ่มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องระบบการผลิตปศุสัตว์อินทรีย์วิถีพื้นบ้านมากขึ้น และเมื่อเปรียบเทียบก่อนและหลังเข้าร่วมโครงการฯ ครัวเรือนเกษตรกรมีการใช้สารเคมีลดลง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 10,968 บาท และมีการนำมูลสัตว์มาผลิตเป็นปุ๋ยคอกไว้ใช้เองในฟาร์ม คิดเป็นมูลค่าประมาณ 16,953 บาท นอกจากนี้ เกษตรกรยังได้นำมูลสัตว์ที่เหลือจากการใช้ฟาร์มไปจำหน่าย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 7,066 บาท ซึ่งถือว่าเกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างต่อเนื่อง จากการที่หน่วยงานภาครัฐให้การสนับสนุนด้านความรู้และปัจจัยการผลิต
ทั้งนี้ ทีมประเมินผลได้ตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าโครงการฯ ดังกล่าวมีการบรูณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมให้มีการจัดการทรัพยากรภายในฟาร์มหรือชุมชนเพิ่มมากขึ้น ทั้งในเรื่องของการปลูกพืชที่ปลอดจากสารเคมี เพื่อนำมาวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ในฟาร์ม มีการนำมูลสัตว์ในฟาร์มมาผลิตเป็นปุ๋ยคอกไว้ใช้เองจะส่งผลให้เกษตรกรสามารถพัฒนาเข้าสู่ระบบปศุสัตว์อินทรีย์ และสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างรายได้เพิ่มให้กับครัวเรือนจากผลผลิตที่เหลือเป็นส่วนเกินในฟาร์ม ซึ่งนำไปสู่เป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน ช่วยแก้ปัญหาความยากจน และสร้างโอกาสให้เกษตรกรในการผลิตอาหารปลอดภัยจากสารเคมี เพื่อบริโภคและจำหน่ายรองเลขาธิการ กล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--