สศก. เผยกองทุน FTA เปิดเกมรุกเตรียมความพร้อมชาวนาไทยรับ AEC

ข่าวทั่วไป Monday September 19, 2011 13:30 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผยกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ (กองทุน FTA) ได้ดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวและสร้างความเข้มแข็งให้ชาวนาเพื่อรองรับผลกระทบด้านบวกและด้านลบที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะได้รับจากการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ซึ่งจะมีผลให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้า แรงงาน และทุนได้อย่างเสรี

นางนารีณัฐ รุณภัย รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนาเรื่อง กองทุน FTA : เพิ่มศักยภาพการแข่งขันข้าวไทยสู่สากล และร่วมบรรยายพิเศษในหัวข้อ “สถานการณ์ แนวโน้ม ทิศทาง สินค้าข้าว” โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ตระหนักถึงผลกระทบด้านบวกและด้านลบที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะได้รับจากการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ซึ่งจะมีผลให้มีการเคลื่อนย้ายสินค้า แรงงาน และทุนได้อย่างเสรี และเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2553 ประเทศไทยได้ยกเลิกโควตาและลดภาษีนำเข้าข้าวภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียนเหลือร้อยละ 0 ประกอบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนส่วนใหญ่เป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าว โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศคู่แข่งทางการค้าที่สำคัญ มีแนวโน้มที่จะส่งออกเพิ่มมากขึ้น โดยการเปิดเสรีการค้าอาเซียนอาจมีการนำเข้าข้าวราคาถูกจากประเทศสมาชิกอาเซียนเข้ามาแข่งขันกับข้าวที่ผลิตได้ภายในประเทศและสวมสิทธิ์ในโครงการรับจำนำของรัฐบาล จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อยจำนวน 3.7 ล้านครัวเรือน รวมทั้งอุตสาหกรรมข้าวทั้งระบบ ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันการส่งออกข้าวที่รุนแรงจากประเทศผู้ส่งออกรายสำคัญอย่างเวียดนาม สหรัฐอเมริกา อินเดีย และปากีสถานอยู่แล้ว

ดังนั้น เพื่อเป็นการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดเสรีการค้าดังกล่าว และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว จึงจำเป็นต้องให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ทราบถึงแนวทางการช่วยเหลือของกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรฯ หรือ กองทุน FTA ซึ่งที่ผ่านมากองทุน FTA ได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวแล้วจำนวน 184.79 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวและสร้างความเข้มแข็งให้ชาวนาเพื่อรองรับผลกระทบจากการเปิดเสรีการค้าอาเซียน (AFTA) ของกรมการข้าว จำนวน 128.91 ล้านบาท และโครงการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีของสหกรณ์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันข้าวไทยสู่สากล ของสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด จังหวัดพิษณุโลก สหกรณ์นิคมสวรรคโลก จำกัด จังหวัดสุโขทัย และสหกรณ์การเกษตรเมืองพิจิตร จำกัด จังหวัดพิจิตร จำนวน 55.88 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการ มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้เกษตรกรนำไปใช้เพิ่มผลผลิตต่อไร่และลดต้นทุนการผลิต

นางนารีณัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่มีความสนใจจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเกษตรผู้ผลิตสินค้าเกษตรชนิดอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า สามารถขอรับการสนับสนุนจากกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรได้เช่นเดียวกัน โดยจัดทำเป็นโครงการปรับโครงสร้างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พัฒนาคุณภาพและแปรรูปสินค้าเกษตร ตลอดจนการปรับเปลี่ยนการผลิตจากสินค้าที่ไม่มีศักยภาพสู่สินค้าที่มีศักยภาพ ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือและแนะนำเกษตรกรในการจัดทำโครงการดังกล่าว หากมีข้อสงสัยติดต่อได้ที่ส่วนบริหารกองทุนภาคการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โทร 0-2561-4727 โทรสาร 0-2561-4726 email : fta@oae.go.th หรือทาง website : www.oae.go.th/FTA

--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ