1. สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
การผลิต
ยกระดับฟาร์มเลี้ยงปลานิลเพื่อการส่งออก
นายสมพงษ์ การเพิ่ม ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดอำนาจเจริญเปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานลูกปลานิล ในปี 2509 ความยาว 3 — 5 เซนติเมตร จำนวน 10,000 ตัว จากบ่อดินในบริเวณพระตำหนักสวนจิตรลดาแก่กรมประมง เพื่อนำไปขยายพันธุ์แจกให้ราษฎรนำไปเพาะเลี้ยง ในปัจจุบันการเพาะเลี้ยงปลานิลได้ขยายพื้นที่ไปทั่วประเทศ ทำให้กลายเป็นปลาน้ำจืดที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจเป็นอันดับ 1 ของประเทศ โดยมีปริมาณผลผลิตกว่า 210,000 ตันในปี 2552 สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศได้อย่างดี การส่งออกมีตลาดสำคัญอยู่ที่สหภาพยุโรป รองลงมาประเทศในตะวันออกกลางและสหรัฐอเมริกา ตลาดผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศยังมีความต้องการปลานิลในปริมาณที่สูง ส่งผลให้แนวโน้มการเพาะเลี้ยงมีลู่ทางสดใส ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาศักยภาพการผลิตปลานิลให้เกิดเป็นรูปธรรม กรมประมงจึงจัดทำโครงการยกระดับมาตรฐานฟาร์มเพาะเลี้ยงปลานิลเพื่อการส่งออกขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมความรู้จากปราชญ์ปลานิลทั่วประเทศจำนวน 50 รายใน 50 จังหวัด เผยแพร่เทคนิคการเลี้ยงที่เพิ่มคุณภาพปลานิล ขณะที่ลดต้นทุนแก่กลุ่มเกษตรกรให้เกิดความเข้มแข็ง สนับสนุนเจ้าหน้าที่เข้าไปให้ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐาน GAP เพื่อให้เกิดการพัฒนามาตรฐานการเพาะเลี้ยงแก่เกษตรกร ตลอดจนพัฒนาด้านการตลาดโดยจัดเทศกาลปลานิลขึ้นตามภาคต่างๆ 10 จังหวัด เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้ถึงกระบวนการผลิตปลานิลมากขึ้น เป็นแรงจูงใจให้เกษตรกรผู้เลี้ยงปลานิลผลิตอาหารปลอดภัย ทำให้เกิดรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น และยังเป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ประกอบอาชีพเดียวกันสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเพิ่มพูนความรู้ระหว่างกันได้อีกด้วย ชนได้รับรู้ถึงกระบวนการผลิตปลานิล บมาตรฐาน ตปลานิลให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (15 — 21ส.ค. 2554) สัตว์น้ำทุกชนิดส่งเข้าประมูลจำหน่ายที่องค์การสะพานปลากรุงเทพฯ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,034.87 ตัน แยกเป็นสัตว์น้ำเค็ม 475.43 ตัน สัตว์น้ำจืด 559.44 ตัน
ประกอบด้วย สัตว์น้ำที่สำคัญ ได้แก่
1.1 ปลาดุก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 2.33 ตัน
1.2 ปลาช่อน ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 3.66 ตัน
1.3 กุ้งทะเล ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 84.51 ตัน
1.4 ปลาทู ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 11.45 ตัน
1.5 ปลาหมึก ส่งเข้าประมูลจำหน่าย 73.66 ตัน
การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.34 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ40.28 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.06 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 69.25 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 69.28 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.03 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 117.14 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 120.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 2.86 บาท
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 131.13 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 131.56 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.43 บาท
สำหรับราคา ณ ตลาดกลางกุ้งสมุทรสาครขนาดกลาง (60ตัว/กก.) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 135.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 132.50 บาท ของสัปดาห์ก่อน 2.50 บาท
2.5 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลาง ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 51.85 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 52.93 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.08 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 70.71 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 71.67 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.96 บาท
2.6 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 104.33 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 90.33 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 14.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 178.57 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 170.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 8.57 บาท
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 8.09 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.08 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.01 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% (ระหว่างวันที่ 1 — 7 ต.ค. 2554) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.10 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ประจำวันที่ 3 - 9 ตุลาคม 2554--