สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 9 รายงานสถานการณ์ผลกระทบจากอุทกภัยในจังหวัดนราธิวาส พบมีพื้นที่ประสบภัยรวม 13 อำเภอ ผู้ประสบภัย 47,298 ราย ส่งผลเสียหายด้านการเกษตรแล้ว โดยด้านพืช คาดว่าจะเสียหาย 12,416 ไร่ เตือนเกษตรกรผู้อาศัยอยู่บริเวณลุ่มน้ำสุไหงโก-ลก และลุ่มน้ำบางนรา ระวังผลกระทบน้ำเอ่อพร้อมเฝ้าติดตามดูสถานการณ์น้ำอย่าใกล้ชิด
นายธรณิศร กลิ่นภักดี ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 9 สงขลา (สศข.9) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นเบื้องต้นจากสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดนราธิวาส ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเขต 9 ได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดนราธิวาสซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ ระหว่างวันที่ 23 - 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรงทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันอออก ตั้งแต่นครศรีธรรมราชลงไปถึงจังหวัดนราธิวาส มีฝนตกชุกหนาแน่น รวมทั้งมีฝนตกหนักมากในบางแห่ง มีคลื่นสูง 2-4 เมตร ซึ่งคณะกรรมการบริหารศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรจังหวัดนราธิวาสได้ดำเนินการเตือนภัยให้เกษตรกรระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งแล้ว
จากการสำรวจพบว่า มีพื้นที่ประสบภัยรวม 13 อำเภอ 63 ตำบล รวม 216 หมู่บ้าน มีผู้ประสบภัย 47,298 ราย จำนวน 14,086 ครัวเรือน มีการอพยพชาวบ้านแล้ว 82 ครัวเรือน (อ.ระแงะ อ.สุไหงโก-ลก และ อ.แว้ง) และมีบ้านเรือนเสียหายบางส่วนจำนวน 30 หลัง (อ.ตากใบ และ อ.จะแนะ)
สำหรับความเสียหายด้านการเกษตร ด้านพืช คาดว่าจะเสียหาย 12,416 ไร่ ประกอบด้วย อ.ตากใบ 7,245 ไร่ อ.สุไหงปาดี 4,000 ไร่ อ.เมือง 783 ไร่ อ.ยี่งอ 336 ไร่ และ อ.สุคิริน 52 ไร่ ด้านประมง มีบ่อปลา/บ่อกุ้ง 26 บ่อ (อ.เมือง) ด้านปศุสัตว์ สัตว์ปีก 306 ตัว (อ.เมือง)
นายธรณิศร กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ แนวโน้มของสถานการณ์น้ำของจังหวัดนราธิวาส หลังจากฝนหยุดตก 2 วัน ทำให้ปริมาณน้ำที่ท่วมไหลลงสู่แม่น้ำและทะเล ส่งผลให้ปริมาณน้ำที่ท่วมพื้นที่เกษตรลดลงและกำลังเข้าสู่ภาวะปกติ แต่อาจจะเกิดผลกระทบการเอ่อของน้ำบริเวณลุ่มน้ำสุไหงโก-ลก และลุ่มน้ำบางนรา จึงขอเตือนภัยเกษตรกรผู้อาศัยอยู่บริเวณลุ่มน้ำดังกล่าว เฝ้าคอยติดตามดูสถานการณ์น้ำอย่าใกล้ชิด
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--