สศก. ร่วมเวทีหารือกรอบความร่วมมือรัฐ — เอกชน หนุนความมั่นคงอาหารในอาเซียน +3

ข่าวทั่วไป Friday November 23, 2012 13:29 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ร่วมโต๊ะหารือแนวทางความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน ณ จีนแผ่นดินใหญ่ มุ่งชูกรอบยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านอาหารของกระทรวงเกษตรฯ ปี 2556 - 2559 และข้อเสนอแนวทางความเป็นหุ้นส่วนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน หวังพัฒนาภาคการเกษตรอย่างยั่งยืนและหนุนความมั่นคงอาหารใน ASEAN+3 ให้ได้ประโยชน์ร่วมกัน

นายสุรศักดิ์ พันธ์นพ รองเลขาธิการและรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยถึงการเข้าร่วมประชุม The 4th Roundtable Meeting on ASEAN Plus Three Food Security Cooperation Strategy ในฐานะผู้แทนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่จัดขึ้นโดยกระทรวงเกษตรของสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 14 - 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ เมืองเซียะเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งการประชุมดังกล่าว ได้เน้นหารือเกี่ยวกับแนวทางในการพัฒนาความร่วมมือในการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนการสร้างความมั่นคงอาหารในประเทศสมาชิก ASEAN+3

ในการนี้ ประเทศไทยได้นำเสนอแนวทางดำเนินงานด้านความมั่นคงอาหารของไทยที่ได้มีการจัดทำกรอบยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านอาหารของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2556 - 2559 พร้อมทั้งข้อเสนอแนวทางการดำเนินความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการแก้ไขปัญหาด้านการผลิตการเกษตรตลอดจนพัฒนาความร่วมมือเพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหารในประเทศ นอกจากนี้ ผู้แทนจากอาเซียน+3 องค์กรระหว่างประเทศ อาทิ FAO ADB WFP และ APTERR และผู้แทนจากบริษัทเอกชน ได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่และการผลิตอาหาร และหารือถึงวิธีการที่จะเสริมสร้างความร่วมมือตลอดห่วงโซ่อุปทานระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน รัฐบาลกับรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับสถาบันการศึกษา ซึ่งที่ประชุมต่างเห็นพ้องกันว่า ควรมีการลำดับความสำคัญของความร่วมมือระหว่างกัน ในรูปแบบที่มุ่งเน้นบรรลุผลประโยชน์ร่วมกันโดยให้ความสำคัญกับการปกป้องความมั่นคงอาหารให้คงอยู่ และคาดหวังว่าภาคประชาชนและภาคสังคมจะช่วยสนับสนุนความเข้มแข็งด้านการเกษตรมากขึ้น ทั้งในด้านการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร เร่งรัดการพัฒนาและส่งเสริมเทคโนโลยีด้านการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร รวมถึงการปรับปรุงการบริการด้านสังคมเพื่อเพิ่มความมั่นคงอาหารในระดับภูมิภาคและให้มั่นใจว่าสามารถผลิตอาหารอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายสุรศักดิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เชื่อว่าประโยชน์ที่ได้รับจากการประชุมครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนแนวทางในการพัฒนาความร่วมมือในการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในกรอบ ASEAN+3 แล้ว การประชุมครั้งนี้ ยังนับเป็นกลไกสำคัญอย่างหนึ่งในการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นและร่วมพิจารณาข้อเสนอเชิงนโยบาย เพื่ออำนวยความสะดวกเกี่ยวกับความร่วมมือในการพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืนและความมั่นคงด้านอาหารในภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ