สศก. ร่วมประชุมคณะมนตรีประศาสน์การกองทุนร่วมเพื่อสินค้าโภคภัณฑ์ ณ กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ โดยที่ประชุมเห็นชอบแนวทางการโครงการแบบใหม่ที่ประเทศสมาชิกสามารถนำเสนอโครงการได้ถึงฝ่ายเลขาธิการ CFC และคณะกรรมการบริหารโดยตรง ด้านไทย ชู พร้อมหนุนการดำเนินงานของ CFC ในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อพัฒนาสินค้าโภคภัณฑ์ หวังลดอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี ให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อย
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรีประศาสน์การกองทุนร่วมเพื่อสินค้าโภคภัณฑ์ ครั้งที่ 24 (Twenty-fourth Meeting of Governing Council) ในฐานะผู้ว่าการ (Governor) ของประเทศไทย ระหว่างวันที่ 10-12 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ กรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ โดยมี H.R.H. Prince Jaime de Bourbon de Parme แห่งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ กล่าวต้อนรับพร้อมเปิดการประชุม และมี H.E. Mr. Sirajuddin Hamid Yousif เอกอัครราชทูตแห่งประเทศซูดานจากกลุ่มประเทศสมาชิกอัฟริกาเป็นประธานการประชุม ซึ่งการประชุมคณะมนตรีประศาสน์ ถือเป็นการประชุมประจำปีระดับบริหารของกองทุนร่วมเพื่อสินค้าโภคภัณฑ์ Common Fund for Commodities หรือ (CFC) ที่จัดขึ้นเพื่อรับรองข้อเสนอการดำเนินงานเรื่องต่างๆ ของ CFC และรับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานในรอบปี โดยในปีนี้ คณะกรรมการบริหาร (Executive Board: EB) ได้นำเสนอขอความเห็นชอบ การปฎิรูปโครงสร้างในการลดขนาดองค์กรและค่าใช้จ่ายประจำปี 2556 ของ CFC
ในการนี้ ฝ่ายไทยได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมเกี่ยวกับความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการที่ไทยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก CFC ตามโครงการ Improving Bargaining Power and Sustainable Livelihood of Smallholder Dairy Farmers ซึ่งดำเนินการโดยกรมปศุสัตว์ ร่วมกับพม่าและบังคลาเทศ พร้อมกล่าวสนับสนุนการดำเนินงานของ CFC ในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อพัฒนาสินค้าโภคภัณฑ์ และการเข้าสู่ตลาด อีกทั้งได้เน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาสินค้าโภคภัณฑ์ เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าที่มิใช่ภาษี ให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อย
เลขาธิการ กล่าวต่อไปว่า การประชุมดังกล่าว มีประเทศสมาชิกเข้าร่วมการประชุม จำนวน 57 ประเทศ 3 องค์กร รวมทั้งสิ้นประมาณ 100 คน โดยที่ประชุมได้รับรองข้อเสนอแนะของ EB เกี่ยวกับทิศทางและบทบาทการทำงานในอนาคตรวมถึงความยั่งยืนทางการเงินในระยะยาว โดยเห็นชอบแนวทางการนำเสนอโครงการแบบใหม่ ของปี พ.ศ. 2556 ที่ประเทศสมาชิกสามารถนำเสนอโครงการโดยตรงถึงฝ่ายเลขาธิการ CFC และคณะกรรมการบริหาร เพื่อขอความเห็นชอบ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาประเทศสมาชิกต้องนำเสนอโครงการผ่าน International Commodity Bodies (ICBs) ของสินค้าโภคภัณฑ์แต่ละชนิด
ทั้งนี้ กองทุนร่วมเพื่อสินค้าโภคภัณฑ์ หรือ Common Fund for Commodities (CFC) เป็นองค์กรรัฐบาลระหว่างประเทศ (Inter-governmental Organization) จัดตั้งขึ้นภายใต้องค์การสหประชาชาติตั้งแต่ปี 2523 มีสมาชิกจำนวน 105 ประเทศ และ 10 องค์กร ซึ่ง CFC ทำหน้าที่ให้การสนับสนุนด้านการเงินเพื่อพัฒนาสินค้าโภคภัณฑ์และการเข้าสู่ตลาดแก่ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อย ซึ่งการร่วมเป็นสมาชิก CFC ทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนทางการเงินในโครงการพัฒนาสินค้าโภคภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกรณีที่ไทยเป็นผู้รับการพัฒนาโดยตรง และเป็นพันธมิตรในการให้ความช่วยเหลือเพื่อพัฒนาแก่ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งส่งผลให้ไทยมีบทบาทสำคัญในเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศ
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--