นางอารีย์ โสมวดี รองเลขาธิการและรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามสนับสนุนการดำเนินโครงการนิคมการเกษตร ครั้งที่ 2/2555 เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2555 ณ ห้องประชุมไชยยงค์ ชูชาติ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เพื่อติดตามผลการดำเนินการและแนวทางปฏิบัติการโครงการนิคมการเกษตร โดยมีรองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายฉลอง เทพวิทักษ์กิจ) เป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ พร้อมด้วยผู้จัดการนิคมการเกษตรทั้ง 20 แห่งเข้าร่วมประชุม และมีสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ทำหน้าที่เป็นกรรมการและเลขานุการ
ในการนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาผลการดำเนินงานนิคมการเกษตรปี 2555 ที่ได้รับงบประมาณ รวม 165.14 ล้านบาท จำนวน 17 นิคม ซึ่งได้ดำเนินกิจกรรมที่สำคัญ คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสนับสนุนองค์ความรู้และเทคโนโลยี การสร้างโอกาสทางการตลาด และการพัฒนากลไกการรวมกลุ่มเกษตรกร ซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ ยังมีการติดตามการดำเนินงานโดยศูนย์ประเมินผลในนิคมการเกษตรจำนวน 9 นิคม ซึ่งพบว่า เกษตรกรมีความพึงพอใจมาก โดยเกษตรกรมีการปรับใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดีที่ร้อยละ 53 ได้รับการตรวจวิเคราะห์ดินร้อยละ 70 มีการปรับปรุงบำรุงดินตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ที่ร้อยละ 85 และมีการใช้พื้นที่ในการทำนาเป็นหลักเต็มศักยภาพมากถึงร้อยละ 96 ทั้งนี้ พบว่า หลังจากเข้าร่วมโครงการ เกษตรกรร้อยละ 54 มีต้นทุนการผลิตข้าวลดลง และมีผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 66 รวมทั้งมีรายได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 89
สำหรับการดำเนินงานโครงการฯ ในปี 2556 นั้น ได้รับงบประมาณรวม 80.60 ล้านบาท ที่จะดำเนินกิจกรรมต่างๆ เช่น การสูบน้ำช่วยเหลือชาวนา การบำรุงรักษาคลองส่งน้ำ การผลิตและจัดหาเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสด การบริการวิเคราะห์ดิน การจัดทำแปลงต้นแบบ การใช้เทคโนโลยีการผลิต และการก่อนสร้างอาคารแปรรูปผลผลิต เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม จากการที่โครงการนิคมการเกษตรระยะที่ 1 จะสิ้นสุดในปี 2557 ดังนั้น ที่ประชุมจึงได้มีมติให้ขยายระยะเวลาโครงการออกไปอีก 2 ปี โดยจะสิ้นสุดโครงการในปี 2559 เพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ในระยะปานกลาง และกำหนดให้นิคมการเกษตรจัดทำงบประมาณแบบบูรณาการ ซึ่งร่วมกับหน่วยงานเจ้าภาพและหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการจัดทำแผนงาน/โครงการตามความจำเป็นและเหมาะสมในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งดำเนินการสำรวจความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่อื่นๆ เพื่อศึกษาความเหมาะสมในการเพิ่มจำนวนนิคมจากเดิม 20 แห่ง ของการดำเนินโครงการระยะที่ 2 อันจะผลักดันให้นิคมการเกษตรเป็นฐานทรัพยากรการผลิตทางการเกาตรที่สำคัญ ทั้งนี้ พื้นที่ นิคมการเกษตรที่ได้รับการพัฒนาโดยผ่านกระบวนการตามขั้นตอนระยะสั้นและระยะปานกลางแล้ว จะเป็นฐานการผลิตของภาคการเกษตรในระยะยาวต่อไป
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--