จับตากระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง สศก. ระบุ ราคาปีนี้อยู่ในเกณฑ์ดี

ข่าวทั่วไป Wednesday February 13, 2013 13:31 —สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ติดตามสถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาที่เกษตรกรขายได้ของสินค้ากระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง ปี 56 ณ เดือนมกราคม คาดปีนี้ผลผลิตส่วนใหญ่ลดลงเล็กน้อย ยกเว้นมันฝรั่งที่ผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้วัตถุดิบของโรงงานมีมาก ชู ราคาปีนี้ทั้งหมดยังอยู่ในเกณฑ์ดี

นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงการผลิต การตลาดและราคาที่เกษตรกรขายได้ของสินค้ากระเทียมหอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง ปี 2556 ณ เดือนมกราคม 2556 กษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการติดตามสถานการณ์ การผลิต การตลาดและราคาที่เกษตรกรขายได้ของสินค้ากระเทียมหอมแดง หอมหัวใหญ่ และมันฝรั่ง ปี 2556 ณ เดือนมกราคม 2556 ซึ่งพบว่า กระเทียม คาดว่าจะมีผลผลิต 86,025 ตัน ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยเกษตรกรลดพื้นที่ปลูกลงจากปีที่แล้วเล็กน้อย เนื่องจากปีที่ผ่านมามีราคาตกต่ำ และพันธุ์กระเทียมมีราคาสูงขึ้น เกษตรกรบางรายจึงขาดเงินลงทุนและเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นๆ ทดแทน เช่น ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง อย่างไรก็ตาม สำหรับการส่งออก พบว่ากระเทียมเป็นสินค้าที่มีการส่งออกไปต่างประเทศค่อนข้างน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับการนำเข้า เนื่องจากต้นทุนการผลิตกระทียมของไทยสูงกว่าประเทศผู้แข่งขันอย่างเช่น จีน โดยการส่งออกส่วนใหญ่จะส่งออกให้ร้านอาหารไทยในต่างประเทศที่นิยมนำกระเทียมไทยไปปรุงอาหาร ด้านราคากระเทียมสดที่เกษตรกรขายได้ปีนี้นั้น มีราคาสูงขึ้นจากปีที่แล้ว โดยราคา ณ เดือนมกราคม อยู่ระหว่างกิโลกรัมละ 13 - 15 บาท ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี

          หอมแดง  คาดว่าจะมีผลผลิต 227,930 ตัน ลดลงจากปีที่แล้วเล็กน้อย เนื่องจากปัญหาราคาหอมแดงตกต่ำ และเกษตรกรบางรายประสบปัญหาขาดทุน ทำให้มีการลดพื้นที่ปลูกโดยเปลี่ยนไปปลูกข้าวโพดหวาน ยาสูบ ถั่วเหลือง ทดแทน สำหรับการส่งออกหอมแดง พบว่า อินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของไทย ได้เพิ่มมาตรการการนำเข้าหอมแดงของไทยอย่างเข้มงวดอีกหลายมาตรการ โดยผู้ส่งออกจะต้องมีเอกสารซึ่งได้แก่ ใบขึ้นทะเบียนผู้ส่งออก ใบรับรองโรงคัดบรรจุส่งออก ใบรับรอง GAP ใบรับรองสุขอนามัยพืช SPS ข้อมูลช่วงเวลาการเก็บเกี่ยว เป็นต้น ทำให้การส่งออกหอมแดงไปอินโดนีเซียปีนี้น้อยกว่าปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในปี 2555 มีการส่งออกหอมแดงปริมาณ 37,588 ตัน มูลค่า 431.41 ล้านบาท โดยการระบายผลผลิตหอมแดงปีนี้ จะเน้นส่งออกไปยังตลาดมาเลเซียและขายในประเทศเป็นหลัก ส่วนตลาดใหม่นั้น คือ ประเทศจีน เริ่มส่งออกไปได้เพียงเล็กน้อย และขณะนี้ผลผลิตหอมแดงเริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้วประมาณร้อยละ 25 ของผลผลิตทั้งหมด ซึ่งราคาหอมแดงที่เกษตรกรขายได้ที่ จ.ศรีสะเกษ         เกรดเล็กแห้ง (7 - 15 วัน) กิโลกรัมละ 10 - 13 บาท  เกรดกลางแห้ง (7 - 15 วัน) กิโลกรัมละ 14 - 15 บาท  และเกรดใหญ่แห้ง (7-15 วัน) กิโลกรัมละ 16-18 บาท ส่วนราคาหอมแดงสดที่ภาคเหนือกิโลกรัมละ 8 - 12 บาท ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี

หอมหัวใหญ่ คาดว่าจะมีผลผลิต 53,200 ตัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 2 เนื่องจากปีที่ผ่านมาหอมหัวใหญ่มีราคาตกต่ำ ประกอบกับเกษตรกรปีนี้นำเมล็ดพันธุ์นอกระบบมาปลูกน้อย เนื่องจากผลผลิตที่ได้รับจากเมล็ดพันธุ์นอกระบบปีที่ผ่านมาคุณภาพไม่ดี ทรงผลไม่สวย และค่อนข้างเบี้ยว ตลาดจึงไม่ต้องการ สำหรับการส่งออกหอมหัวใหญ่ ปีนี้คาดว่า การส่งออกไปประเทศญี่ปุ่นจะได้ประมาณ 200 ตู้คอนเทนเนอร์ และคาดว่าจะส่งออกได้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ โดยขณะนี้เป็นช่วงของการเก็บเกี่ยวผลผลิตหอมหัวใหญ่ในเขตพื้นที่ อ.แม่วาง และ อ.สันป่าตอง ทั้งนี้ ราคาหอมหัวใหญ่ตัดจุกอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 12 - 13 บาท ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดีจึงไม่น่าจะมีปัญหาด้านการตลาด และ มันฝรั่ง คาดว่ามันฝรั่งพันธุ์โรงงานมีผลผลิต 144,670 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 2 เนื่องจากความต้องการใช้วัตถุดิบของโรงงานมีมากขึ้น โรงงานจึงส่งเสริมให้มีการขยายการผลิตเพิ่มขึ้น และมันฝรั่งพันธุ์บริโภค คาดว่ามีผลผลิต 13,180 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเล็กน้อย ทำให้สหกรณ์มีการควบคุมการผลิตให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้มีปัญหาด้านการตลาด สำหรับการตลาด มันฝรั่งพันธุ์บริโภคผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดเพียงเล็กน้อย ส่วนการส่งออกมันฝรั่งทอดกรอบจะผลิตเพื่อสนองความต้องการผู้บริโภคภายในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากวัตถุดิบยังมีไม่เพียงพอมาผลิตเพื่อการส่งออก โดยราคามันฝรั่งพันธุ์บริโภคที่เกษตรกรขายได้อยู่ที่กิโลกรัมละ 15 - 20 บาท ส่วนมันฝรั่งพันธุ์โรงงาน เกษตรกรเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตขายให้โรงงานแปรรูปบ้างแล้ว โดยจะออกสู่ตลาดมากช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ ขณะนี้ราคามันฝรั่งพันธุ์โรงงานที่เกษตรกรขายได้กิโลกรัมละ 10.50 - 11.50 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาที่ทำสัญญาซื้อขายไว้ที่กิโลกรัมละ 9.90 บาท จึงไม่น่ามีปัญหาเรื่องราคาในปีนี้ เลขาธิการ กล่าว

--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ